ปลุกต้านศาล รธน. ก้าวไกลอ้าง ‘บิ๊กตู่’ ได้ไปต่อปชช.โกรธ/พท.ผวาไม่แลนด์สไลด

.vce-row-container .vcv-lozad {display: none}

เพื่อไทยตีหน้าเศร้าเล่าเรื่องประกาศ กกต. ช่วงหาเสียง 180 วัน เป็นแผนขวาง พท.แลนด์สไลด์ เป็นการออกกฎหมายที่ปิดกั้นและกดทับการทำพรรคการเมือง ส่วนก้าวไกลบอกเคารพกติกา  เป็นเรื่องเก่ามาเล่าใหม่ ทุกพรรครู้ดีอยู่แล้ว แต่ไม่วายปลุกประชาชนต้านคำวินิจฉัยศาล รธน. หาก "บิ๊กตู่" ได้ไปต่อ  "อนุทิน" พลิ้วพลังดูด ดูดด้วยผลงาน

เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2565 นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ถึงการเริ่มเข้าสู่ช่วง 180 วัน ที่พรรคการเมือง ส.ส. และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ต้องปฏิบัติตามระเบียบของ กกต. ซึ่งล่าสุดระเบียบ กกต.ว่าด้วยการหาเสียงและลักษณะต้องห้ามในการหาเสียงเลือกตั้ง ส.ส. (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2565 ประกาศลงราชกิจจานุเบกษาแล้ว ทางพรรค พท.จะเน้นย้ำกำชับว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. และ ส.ส. ให้ระมัดระวังอย่างไร เพราะบางเงื่อนไขสุ่มเสี่ยงทำผิดกฎหมายว่า พรรค พท.ทำหนังสือแจ้งทำความเข้าใจกับสมาชิก ที่ระบุถึงข้อปฏิบัติและข้อห้ามต่างๆ นอกจากนี้ยังเตรียมงานสัมมนาให้กับ ส.ส.และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. วันที่ 5 ตุลาคม ที่โรงแรมเอสซี ปาร์ค และเปิดช่องสอบถามโดยตรงระหว่างสมาชิกที่มีข้อสงสัยกับทีมกฎหมายของพรรค

เมื่อถามว่า พรรคฝ่ายค้านกังวลว่าพรรคร่วมรัฐบาลที่มีรัฐมนตรีจะได้เปรียบกว่าหรือไม่ นพ.ชลน่านกล่าวว่า ก็ไม่ถึงขนาดว่าต้องหวาดกลัว ทั้งนี้ หากทำในนามรัฐบาล เราก็สามารถทำความเข้าใจกับประชาชนว่าสิ่งที่รัฐมนตรีมาแจกของ ทำในส่วนของรัฐมนตรี และใช้เงินภาษีประชาชน ไม่ใช่การหาเสียง แต่เราก็ไม่ปิดกั้นในเรื่องที่ชาวบ้านเดือดร้อน เพราะบางเรื่องเราไม่สามารถช่วยเหลือได้ จึงต้องติดต่อหน่วยงานภาครัฐให้มาช่วยเหลือ

"อาจจะบอกว่ากฎหมายใหม่มีเจตจำนงเพื่อต้องการให้ความเป็นธรรมกับทุกพรรคการเมือง แต่ความจริงพรรคการเมืองที่ได้รับผลกระทบเต็มๆ คือพรรคเพื่อไทยที่เป็นพรรคขนาดใหญ่ ทำให้เราไม่สามารถรณรงค์เรื่องแลนด์สไลด์ได้ และสกัดทุกพรรคที่เป็นขนาดใหญ่เกินไป เป็นการออกกฎหมายที่ปิดกั้นและกดทับการทำพรรคการเมือง" หัวหน้าพรรคเพื่อไทยกล่าว

ด้านนายณัฐวุฒิ บัวประทุม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) กล่าวว่า ที่ผ่านมาก็เคยมีการกำหนดไว้ แต่รอบนี้ถูกกำหนดโดยรัฐธรรมนูญและกฎหมายเลือกตั้งฉบับใหม่ซึ่งทุกพรรคทราบอยู่แล้ว พรรค ก.ก. เคารพในกติกา แต่ระยะยาวก็ต้องมาดูว่าการกำหนดลักษณะนี้ตอบโจทย์ในเรื่องการใช้อำนาจแสวงหาประโยชน์หรือไม่ หรือทำให้การช่วยเหลือประชาชนในช่วงภาวะน้ำท่วมหรือประชาชนได้รับความเดือดร้อนในเรื่องอื่นๆ ทำได้ไม่เต็มที่ แทนที่จะเป็นเรื่องบวก แต่ทำให้ประชาชนไม่ได้ประโยชน์หรือไม่ ซึ่งต้องทบทวนทั้งรัฐธรรมนูญและกฎหมายลูกเลือกตั้ง ส่วนในระดับ ส.ส.ด้วยกัน เราก็ตระหนักว่ารัฐมนตรีมีหน้าที่ปกติที่ต้องทำ แต่อยากให้ กกต.พิจารณาว่าอะไรที่รัฐมนตรีทำแล้วสุ่มเสี่ยง และไม่ให้อาศัยช่องว่างตรงนี้มาหาประโยชน์ในทางการเมืองด้วย

นายณัฐวุฒิเผยว่า ขณะนี้เราควรดูประเด็นที่สำคัญในระยะสั้นก่อน นั่นก็คือประเด็นการดำรงตำแหน่ง 8 ปีของ พล.อ.ประยุทธ์ หากเป็นกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า พล.อ.ประยุทธ์สามารถดำรงตำแหน่งต่อได้ ตนก็มีความกังวลว่าอาจจะเกิดความไม่พอใจหรือการไม่เห็นด้วยของประชาชน แล้วลุกขึ้นมาทวงถามต่อตัว พล.อ.ประยุทธ์เองหรือรัฐบาล ซึ่งเรื่องนี้ก็อาจจะเป็นเงื่อนไขหนึ่งที่รัฐบาลอาจจะไม่สามารถอยู่ในตำแหน่งต่อได้

ปิดสวิตช์ คสช.

แต่อีกกรณีคือ ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินว่า พล.อ.ประยุทธ์พ้นจากตำแหน่ง ก็จะเข้าสู่กระบวนการสรรหานายกรัฐมนตรีคนใหม่ ซึ่งก็คงต้องดูแนวโน้มว่าจะออกมาอย่างไร ซึ่งเชื่อว่าสังคมมีฉันทามติในระดับหนึ่งที่อยากเห็นการเปลี่ยนข้างและการปิดสวิตช์หรือปิดอำนาจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เดิม เพราะฉะนั้นโอกาสที่พรรคเพื่อไทยจะขึ้นมาเป็นแกนนำรัฐบาลและเป็นนายกรัฐมนตรี ก็มีความเป็นไปได้สูงมากกว่าอีกฝั่งการเมืองหนึ่ง แต่ก็อย่าลืมว่ายังมี ส.ว.อีก 250 เสียงที่มีส่วนในการเลือกนายกรัฐมนตรี

“เรื่องนี้ก็อาจจะเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่นำไปสู่ความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองได้ แต่การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวจะนำไปสู่การยุบสภา การลาออก หรือการปฏิเสธที่จะร่วมรัฐบาลต่อหรือไม่อย่างไร ผมคงไม่สามารถที่จะตอบแทนได้ แต่ว่าสิ่งเหล่านี้เป็นหนึ่งในเงื่อนไขที่จะนำไปสู่ความเปลี่ยนแปลงได้” นายณัฐวุฒิกล่าว

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ให้สัมภาษณ์ว่า เราเตรียมฟังคำวินิจฉัย และต้องเคารพคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ไม่ว่าผลจะออกมาแบบไหน ก็ต้องทำงานต่อไปเพื่อประชาชน

เมื่อถามถึงกรณีมีผู้ชุมนุมเตรียมเคลื่อนไหวในวันที่ 30 กันยายนนี้ นายชัยวุฒิกล่าวว่า มองว่าเป็นเรื่องที่ไม่ดี และน่าเป็นห่วง ถ้าไม่อยากให้บ้านเมืองวุ่นวายหรือเกิดการกระทบกระทั่งกันจนถึงขั้นบาดเจ็บ ก็ไม่อยากให้ออกมาเคลื่อนไหวในช่วงนี้ ตอนนี้เป็นช่วงที่ประชาชนหลายคนเดือดร้อนจากปัญหาน้ำท่วมและปัญหาต่างๆ โดยรัฐบาลอยากทำหน้าที่ให้บ้านเมืองเดินไปข้างหน้า หากไม่พอใจรัฐบาลอยากให้ใจเย็นๆ เพราะอีกไม่กี่เดือนก็จะถึงช่วงของการเลือกตั้งแล้ว ถ้าเคลื่อนไหวมากๆ ระวังจะไม่ได้เลือกตั้ง

วันเดียวกันนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เผยว่า ได้พบกับ พล.อ.ประยุทธ์ 2 ครั้ง ล่าสุดตนไปขอพรวันเกิดจาก พล.อ.ประยุทธ์ ดูก็มีความสบายใจ เราไปก้าวล่วงคำวินิจฉัยของศาลไม่ได้ เพราะไม่สมควร แต่ในฐานะที่เป็นรัฐบาลร่วมกัน พล.อ.ประยุทธ์เป็นหัวหน้ารัฐบาลชุดนี้ เราก็ต้องให้กำลังใจท่าน แต่ พล.อ.ประยุทธ์เข้มแข็งอยู่แล้ว

หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยกล่าวถึงประกาศ กกต.ว่า ไม่เป็นอุปสรรคในการหาเสียง เพราะเราลงพื้นที่มาตลอดอยู่แล้วตั้งแต่ปี 2562 เราก็ศึกษาอะไรทำได้หรือไม่ ข้อกำหนดของ กกต.ในช่วงใกล้เลือกตั้งส่วนใหญ่ จะต้องระวังเรื่องการสัญญาว่าจะให้ การนำของไปแจก หรือทำผิดระเบียบต่างๆ ทางพรรคภูมิใจไทยก็แจ้งผ่านไลน์กลุ่มพรรคตลอดว่าอะไรทำได้-อะไรทำไม่ได้ เชื่อว่าผู้สมัคร ส.ส.ทุกคนมีความมั่นใจ

นายอนุทินยังกล่าวถึงกรณีที่ได้ประกาศพรรคภูมิใจไทยจะขอเป็นพรรคแกนหลักต้นขั้วการเมือง จะพร้อมเป็นนายกรัฐมนตรีด้วยเลยหรือไม่ว่า ต้องถามว่าพรรคภูมิใจไทยเสนอใครเป็นนายกฯ ส่วนคำว่าแกนหลักจะคือพรรคอันดับ 1หรือไม่ ก็ต้องมีการขับเคลื่อนให้ประชาชนมั่นใจ ไว้วางใจว่าเราจะทำประโยชน์ให้เขาได้มากที่สุด การจะไปถึงจุดนั้นได้ ถ้าเรามี ส.ส.เยอะ มันก็จะผลักดันทุกอย่างได้ง่ายขึ้น ไม่เป็นอุปสรรคไม่เป็นเหยื่อของการเมืองจากใคร

ถึงจุดที่ว่าเราจะเอาใครดีกว่า

เมื่อถามว่า แกนหลักต้องได้ ส.ส.เกิน 100 หรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า เอาไว้รอถึงวันนั้นก่อน เราก็ทำทุกอย่างให้ดีที่สุด  เราทำงานเพื่อประชาชนเต็มที่ แทนที่สิ่งเหล่านั้นจะได้รับการสนับสนุนจากคนการเมืองด้วยกัน กลับมีการบล็อก เตะตัดแข้งตัดขา ผลเสียเกิดกับประชาชน ไม่ได้เกิดต่อพรรคภูมิใจไทยเลย

“เราเคยถูกกดดันตลอดเวลา คนนั้นจะเอาเรามั้ย คนนี้จะเอาเรามั้ย เราจึงต้องกำหนดตำแหน่งของเรา พยายามทำให้ถึงจุดที่ว่าเราจะเอาใครดีกว่า” นายอนุทิน กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการสัมมนาพรรคภูมิใจไทยสัญจรที่ จ.ขอนแก่น ช่วงเย็นวันที่ 23 ก.ย.ที่ผ่านมา นายอนุทินได้ร่วมรับประทานอาหารเย็น ร่วมกับรัฐมนตรีและ ส.ส.ของพรรค โดยนายอนุทินกล่าวตอนหนึ่งว่า พรรคภูมิใจไทยมีแต่คนไหลเข้า ยังไม่เห็นคนไหลออก และอย่าให้มีคนแรก เพราะจะถูกพวกเราโห่จนกลับบ้านไม่ถูก เนื่องจากเราสำเร็จมาด้วยกัน ทำงานมาด้วยกัน พลวัตการขับเคลื่อนของเราเปรียบเสมือนสิ่งที่หมุนรอบ ซึ่งหากหมุนไปเรื่อยๆ ในทางฟิสิกส์จะเกิดเป็นแรงดูด จึงขอให้หมุนไปแบบนี้ หมุนด้วยความเร่ง ความตั้งใจ ความจริงใจต่อประชาชน แรงดูดจะยิ่งเพิ่มมากขึ้น จึงถูกแล้วที่เขาพูดว่าพรรคภูมิใจไทยเป็นพรรคดูด แต่ดูดด้วยผลงาน ดูดด้วยความนิยม

รายงานข่าวแจ้งว่า ภายในกิจกรรมดังกล่าว ปรากฏว่านายจักรพรรดิ ไชยสาส์น ส.ส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย ได้ขึ้นเวทีกิจกรรมดังกล่าวด้วย เคียงข้างรัฐมนตรี ผู้บริหารพรรค ส.ส. และว่าที่ผู้สมัครพรรคภูมิใจไทย

สำหรับนายจักรพรรดิ ถือเป็น 1 ใน 7 ส.ส.ที่โหวตสวนมติพรรคเพื่อไทย อาทิ ไม่เห็นชอบร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 และการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งที่ผ่านมา รวมทั้งมติกฎหมายต่างๆ ที่ผ่านมา และลงมติสอดคล้องกับมติพรรคภูมิใจไทย

นายจักรพรรดิให้สัมภาษณ์ว่า ขณะนี้ยังไม่สมัครสมาชิกพรรคภูมิใจไทยอย่างเป็นทางการ เพียงแต่มาร่วมกิจกรรมดังกล่าวเท่านั้น

ด้านนายสุมิตร สุนทรเวช ประธานพรรคประชากรไทย พร้อมด้วยนายคณิศร สมมะลวน หัวหน้าพรรค รวมถึงคณะกรรมการบริหารพรรค ร่วมกันแถลงข่าวถึงทิศทางการเมืองของพรรคว่า พรรคประชากรไทยเป็นพรรคเก่าแก่รองจากพรรคประชาธิปัตย์ เป็นพรรคที่มีมาตรฐานค่อนข้างสูง ที่ผ่านมาพรรคไม่ได้หายไปไหน อยู่ระหว่างเตรียมตัวสู้ศึกเลือกตั้ง ส่วนการเปิดตัวผู้สมัคร ส.ส.กทม.ในวันนี้ (24ก.ย.) เนื่องจากในอดีตที่ผ่านมามีฐานเสียงส่วนใหญ่ใน กทม. แต่ยืนยันพรรคมีความพร้อมส่งผู้สมัครทั่วประเทศทั้ง 400 เขต ซึ่งขณะนี้วางตัวไว้แล้ว 70% ตั้งเป้า ส.ส.เขตเป็นหลัก

ส่วนกลยุทธ์ที่จะดึงเสียงใน กทม.นั้น พรรคมีฐานเสียงเดิมอยู่แล้ว เพราะนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี และอดีตหัวหน้าพรรค เคยสร้างผลงานไว้มากมาย และทุกรัฐบาลก็นำนโยบายของนายสมัครมาใช้ จึงเชื่อว่าพรรคประชากรไทยจะกลับมาเป็นหนึ่งใน กทม.อีกครั้ง

เมื่อถามว่า แนวคิดนโยบายหลักๆ เหมือนเป็นการสานต่อรูปแบบการทำงานของนายสมัคร จะเรียกว่าเป็น “สมัคร โมเดล” เลยได้หรือไม่ นายสุมิตรระบุว่า จะเรียกแบบนั้นก็ได้ ส่วนในอนาคตจะมีบุคคลทางการเมืองที่มีชื่อเสียงมาร่วมงานกับพรรค แต่ขออุบไว้ก่อน ซึ่งปัจจุบันก็มีอดีต ส.ส.หลายคนร่วมพรรคอยู่แล้ว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'เศรษฐา' แพลมโผครม.นิ่งแล้ว ไม่มีแกว่ง อุบตอบเก้าอี้หดเหลือแค่ตำแหน่งนายกฯ

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง แถลงภายหลังประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) กรณีที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)ระบุว่าส่งรายชื่อบุคคลที่จะมาเป็นรัฐมนตรีถึงนายกฯ โดยนายกฯย้อนถามว่า “หรือครับ ไม่ทราบ”