กกต.ย้ำ180วันยึดหลักปี2562

"เลขาฯ กกต." ย้ำกฎเหล็ก 180 วัน ยึดตามปี 62 ไม่มีอะไรต้องกังวล  ขอทำในสิ่งที่ตัวเองมีอำนาจหน้าที่ กฎหมายจะคุ้มครอง กมธ.สภาฯ เรียก "แสวง" แจงไขข้อข้องใจโดยเฉพาะงานบุญประเพณี ก่อนทำหนังสือเวียนแจ้ง 35 คณะปฏิบัติ ปชป.ชงตั้ง Call Center ฝ่ายค้านโวยระเบียบเอื้อรัฐบาลหาเสียง ขณะที่ป้ายต้อนรับ "บิ๊กป้อม" พรึ่บทั่วเพชรบูรณ์ เจ้าตัวปลื้ม ปธ.พิธีอุ้มพระดำน้ำ ชาวบ้านแห่เชียร์ลุงสุดใจ

เมื่อวันที่ 25 กันยายน นายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวย้ำถึงประกาศใช้ระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่าด้วยวิธีการหาเสียงและลักษณะต้องห้ามในการหาเสียงเลือกตั้ง ส.ส. (ฉบับที่ 3) ว่า ไม่น่ามีข้อกังวลอะไร ซึ่งประเด็นดังกล่าวสรุปใจความสำคัญได้ ดังนี้ 1.กกต. ออกระเบียบฯ บนหลักการเพื่อประโยชน์แห่งความเที่ยงธรรมและเรียบร้อย ไม่ได้คำนึงว่าพรรคไหนจะได้อะไร ทุกคนอยู่บนพื้นฐานเดียวกัน

2.ระเบียบวิธีหาเสียงใช้บังคับมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2562 แต่ต่างตรงที่เงื่อนเวลาจาก 60 วัน เป็น 180 วัน แก้ไขเพิ่มเติมเพียงกรณีปัจจุบันยังไม่มีเขตเลือกตั้ง เนื่องจากพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ และกรณีบังคับใช้กับผู้ที่ประสงค์สมัครรับเลือกตั้งด้วย 3.การหาเสียง ให้ศึกษาจากระเบียบ กกต. ฉบับที่ 1-4 หากดูทั้ง 4 ฉบับ จะไม่มีคำถาม ซึ่ง กกต.มีการประชุมชี้แจงตัวแทนพรรคและผู้อำนวยการในแต่ละจังหวัดแล้ว จึงต้องไปถามตัวแทนพรรคว่าทุกปัญหาที่คนสงสัยจะมีอยู่อีกหรือไม่ โดยจะไม่พูดซ้ำ เพราะได้ชี้แจงไปหมดแล้ว

นายแสวงกล่าวว่า กิจกรรมของพรรคการเมืองทุกอย่างต้องเดินไปตามกฎหมายพรรคการเมือง ซึ่งเมื่อเข้าระยะเวลา 180 วันที่ยาวนานขึ้นนั้น พรรคการเมืองต้องระมัดระวังขึ้น เพราะโครงการของพรรคบางอย่างต้องไปดำเนินการกับผู้มีสิทธิเลือกตั้ง โดยห้ามจัดเลี้ยง ให้ทรัพย์สิน สนับสนุนค่ายานพาหนะหรือที่พัก นอกเหนือจากนี้ อย่างอื่นพรรคก็ดำเนินการได้ตามปกติ

ส่วนการลงพื้นที่ของรัฐมนตรีที่อาจเอื้อประโยชน์ต่อพรรคร่วมรัฐบาลนั้น นายแสวงกล่าวว่า กฎหมายมีพร้อมอยู่แล้ว ไม่ต้องไปแก้ไขอะไร ซึ่งข้อเท็จจริงต้องดูเป็นเรื่องๆ ไป แต่หลักการคือ รัฐมนตรีและข้าราชการถ้ามีอำนาจหน้าที่ดูแลประชาชนก็ทำได้ โดยต้องระมัดระวังในการไปในตำแหน่งหน้าที่ สำหรับการลงพื้นที่ของ ส.ส. เช่น กรณีเกิดภัยพิบัติ จะต้องระมัดระวัง และทำได้หรือไม่นั้น ส.ส. มีอำนาจอะไรที่จะไปดูแลประชาชนแบบนั้น ตนจะไม่บอกว่าใครทำอะไรได้ แต่ขอให้ทำในสิ่งที่ตัวเองมีอำนาจหน้าที่ กฎหมายจะคุ้มครอง

ทางด้านนายอนันต์ ผลอำนวย ส.ส.กำแพงเพชร พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) กิจการสภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า วันที่ 28 ก.ย. เวลา 09.00 น. กมธ.ได้นัดประชุมและเชิญเลขาธิการ กกต.เข้าหารือเพื่อพิจารณาถึงแนวทางการหาเสียงเลือกตั้งของ ส.ส. ในช่วงระยะเวลา 180 วัน ก่อนครบอายุของสภาผู้แทนราษฎร โดยเฉพาะภารกิจในบทบาทหน้าที่ของ ส.ส. ในการพบปะประชาชน เข้าร่วมประเพณีต่างๆ ซึ่งหลังจากหารือแล้วจะนำรายละเอียดที่ได้แจ้งเวียนไปยัง กมธ.สามัญทุกคณะ เพื่อแจ้งให้ปฏิบัติให้ถูกต้อง ป้องกันการถูกร้องว่าทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง

"จำเป็นต้องสอบถามเพื่อให้ปฏิบัติให้ถูกต้องครบถ้วนทุกประเด็น เช่น ฤดูกาลประเพณีทอดกฐิน หากจะทำบุญตามประเพณีทำได้หรือไม่ หากทำได้ในวงเงินเท่าไร ยอมรับว่าระเบียบ กกต.ที่ออกมามีความหนักใจ เพราะกติกาที่ออกมาทำให้ต้องตีความ” นายอนันต์ระบุ

นายธนกร วังบุญคงชนะ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ได้กำชับให้สมาชิกพรรค ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ระมัดระวังเรื่องกฎ 180 วันของ กกต.อย่างเคร่งครัด อย่างไรก็ตาม การลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนนั้น รัฐบาลโดยเฉพาะพรรคพลังประชารัฐได้ทำมานานแล้ว จากนี้จึงอาจจะต้องระมัดระวังหรือเข้มงวดในสิ่งที่ทำไม่ได้ ฝ่ายกฎหมายพรรคจะชี้แจงประกาศ กกต.ให้กับ ส.ส.ทุกคนทราบในการประชุมพรรควันที่ 28 ก.ย. เวลา 15.00 น.ด้วย

ชง กกต.ตั้งคอลเซ็นเตอร์

นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรค และประธาน ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ขอเสนอให้ กกต.ปรับปรุงการทำงานเพื่อให้พรรคการเมืองและทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้ปฏิบัติไปในแนวทางเดียวกัน 3 ประการ ดังนี้ 1.ขณะนี้พบว่าคำชี้แจงของ กกต.ในพื้นที่แต่ละจังหวัดมีหลายเรื่องที่ไม่ตรงกัน และคลาดเคลื่อนไปจาก กกต.กลาง ขอให้ กกต.ทำข้อสรุปแนวทางปฏิบัติให้ กกต.ทุกระดับชี้แจงให้ตรงกันทั่วประเทศ 2.กกต.ควรตั้งศูนย์ประสานงาน หรือ Call Center พร้อมให้ข้อมูลที่ถูกต้องเพื่อทุกฝ่ายจะได้ปฏิบัติให้เป็นไปตามระเบียบและกฎหมาย 3.กกต. ต้องติดตามตรวจสอบการปฏิบัติให้เป็นไปตามระเบียบและกฎหมายของฝ่ายการเมือง ฝ่ายข้าราชการประจำ กระทรวง องค์กร บุคคล ทั้งในระดับท้องถิ่น ท้องที่ ภูมิภาค และประชาชน อย่างตรงไปตรงมา เท่าเทียมกัน ไม่ให้มีการเลือกปฏิบัติเพื่อประโยชน์ของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง

ขณะที่นายนพดล ปัทมะ รองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า มีข้อกังวลว่าหากนักการเมืองทั่วไปทำไม่ได้ แต่คนมีตำแหน่งทางฝ่ายบริหาร เช่น รัฐมนตรีทำได้หรือไม่ อาจรู้สึกว่าลักลั่นกัน มีปัญหาเรื่องความเท่าเทียมเป็นธรรมในการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองก่อนเข้าสู่การเลือกตั้งหรือไม่ นอกจากนั้นมีคำถามว่า ข้อห้ามทำกิจกรรมที่ค่อนข้างนานกระทบต่อการดูแลช่วยเหลือประชาชนถ้ามีกรณีภัยพิบัติต่างๆ หรือไม่ ซึ่งโจทย์สำคัญของการเลือกตั้งคือ สุจริต เสรี และเป็นธรรม ดังนั้นกฎหมายเลือกตั้งต้องตอบโจทย์นี้ให้ได้

นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคได้กำชับว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.และ ส.ส. ตามที่ กกต.ระบุตามกฎหมาย เชื่อว่าไม่ใช่ปัญหา เขาก็ทำตามอยู่แล้ว ส่วนกรณีการลงพื้นที่ต่างจังหวัดของ พล.อ.ประวิตร ซึ่งมีตำแหน่งหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐด้วยนั้น ดูที่วิธีการทำ ถ้าใช้วิธีที่แฝงหาเสียงก็ไม่ควรทำ อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ต้องให้ กกต.ดู

นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวว่า ขณะนี้มีการกำชับ อบรม และเน้นย้ำทีมงานพรรค ทีมงานจังหวัด เครือข่าย และ ส.ส.ของพรรค เพื่อให้ทราบว่าแนวทางการปฏิบัติควรจะเป็นเช่นไร แต่สัปดาห์หน้าจะจัดอบรมว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ว่าอะไรทำได้-อะไรทำไม่ได้ ซึ่งบางครั้งเป็นเรื่องละเอียดอ่อน และต้องใช้ดุลพินิจในการตีความ ส่วนพรรคร่วมรัฐบาลที่มีรัฐมนตรีจะได้เปรียบกว่านั้น เป็นเรื่องที่ กกต.ควรจะระวังกติกาให้เป็นธรรม ไม่ควรให้สถานะไม่เท่ากัน คือคนที่เป็นรัฐมนตรีหรือพรรคร่วมรัฐบาลมีความได้เปรียบ สำหรับการลงพื้นที่ต่างจังหวัดของ พล.อ.ประวิตรนั้น มองว่าเป็นการเอาเปรียบ หากจะให้แฟร์เกม  ยุติธรรมจริงๆ ต้องไม่เอาพรรคไปพ่วง สิ่งสำคัญที่ กกต.ต้องกำหนดในฐานะองค์กรกลางที่ต้องควบคุมกติกา เพื่อให้เกิดความเที่ยงธรรม และหากไม่ทำก็น่าเสียดาย เช่น ในช่วงเวลาก่อน 6 เดือนห้ามพรรคการเมือง แต่ไม่ได้ห้ามคนที่มีอำนาจรัฐ

นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ รองหัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทย ประธานภาคกรุงเทพฯ กล่าวภายหลังร่วมกับนายสันติ กีระนันทน์ รองหัวหน้าพรรค ร่วมเปิดศูนย์ประสานงานเขตมีนบุรีว่า ขอเรียกร้องไปยัง กกต. ว่าควรรีบให้ความชัดเจนในทุกๆ เรื่อง ไม่เช่นนั้นทั้งประชาชนและพรรคการเมืองจะเกิดความสับสนได้ ไม่ว่าจะเป็นการแบ่งเขตเลือกตั้ง กฎกติกาการหาเสียง ป้ายหาเสียง ถ้า กกต.ยังไม่มีความชัดเจนในเรื่องนี้ ฝ่ายที่ได้เปรียบก็คือรัฐบาล และผู้มีอำนาจของรัฐ

วันเดียวกัน เวลา 09.45 น. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี และคณะ เดินทางถึงท่าอากาศยานเพชรบูรณ์ มีนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.การคลัง,  นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ รอรับอยู่ที่วัดโบสถ์ชนะมาร จากนั้น พล.อ.ประวิตรใช้รถยนต์โตโยต้า อัลพาร์ด สีดำ ทะเบียน กฉ 9 เพชรบูรณ์ ในการเดินทาง ทั้งนี้ ระหว่างเส้นทางมีการติดป้ายต้อนรับ พล.อ.ประวิตรในการลงพื้นที่ครั้งนี้เป็นระยะ

ป้ายเชลียร์'ป้อม'พรึ่บ

ต่อเวลา 10.30 น. ที่วัดโบสถ์ชนะมาร ต.สะเดียง อ.เมืองฯ พล.อ.ประวิตรเป็นประธานในพิธีอุ้มพระดำน้ำ ซึ่งถือเป็นประเพณีเก่าแก่ของชาวจังหวัดเพชรบูรณ์หนึ่งเดียวในโลก โดย พล.อ.ประวิตรได้โยนขนมลูกโยน กระยาสารท กล้วย และขนมมงคล เนื่องในวันสารทไทย ขึ้น 15 ค่ำเดือน 10 ด้วย ภายในงานมีประชาชนเข้าร่วมพิธีกว่า 3,000 คน พร้อมมีประชาชนมาถือป้ายข้อความต้อนรับพล.อ.ประวิตร อาทิ "ในน้ำมีปลา บนฟ้ามีนก", "รองนายกลุงป้อม", "ฮักแพงลุงป้อม", "ลุงป้อม..สู้..สู้", "รักลุงป้อมสุดใจ",  "เรารักประวิตร" เป็นต้น โดย พล.อ.ประวิตรได้ทักทายประชาชนอย่างเป็นกันเอง พร้อมทำมือมินิฮาร์ตให้ประชาชนด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในพื้นที่จัดงานได้มีการขึ้นป้ายขนาดใหญ่ต้อนรับ พล.อ.ประวิตร ระบุว่า "ชาวจังหวัดเพชรบูรณ์ ยินดีต้อนรับ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ประธานพิธีอุ้มพระดำน้ำประจำปี 2565 จังหวัดเพชรบูรณ์ วันอาทิตย์ที่ 25 กันยายน 2565" ขณะเดียวกันยังมีป้ายต้อนรับนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.การคลังด้วย

พล.อ.ประวิตรให้สัมภาษณ์ถึงการลงพื้นที่ปฏิบัติราชการในระหว่างที่ กกต. ประกาศกฎเหล็ก 180 วันว่า การลงพื้นที่ของตน เพื่อดูแลประชาชนเป็นหลัก เพราะประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาน้ำท่วม ตนมาช่วยเหลือประชาชน ไม่ได้เล่นการเมือง ผู้สื่อข่าวถามว่า การตรวจราชการครั้งนี้ยืนยันว่ามาในนามของรัฐบาลใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า "ใช่ ในนามรัฐบาล ผมเป็นรัฐบาล" ไม่ต้องกังวล ทำตามระเบียบ กกต.

เมื่อถามว่า จะถูกวิจารณ์ในการลงพื้นครั้งนี้เป็นการเมืองหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวย้อนว่า เรื่องการเมืองอะไร เพราะมาในนามรัฐบาล มาตรวจเยี่ยมประชาชน จะกลัวอะไร ส่วนที่มีการติดป้ายต้อนรับ พล.อ.ประวิตรนั้น เป็นป้ายต้อนรับในนามของรองนายกฯ จะมาต้อนรับไม่ได้หรือ

จากนั้น เวลา 13.00 น. ที่พุทธอุทยานเพชบุระ อ.เมืองฯ พล.อ.ประวิตรเดินทางเข้าสักการะพระพุทธมหาธรรมราชาเฉลิมพระเกียรติ 84 พรรษาฯ โดยทันทีที่มาถึงมีกลุ่มสภาสตรี กลุ่ม อสม.อ.เมืองเพชรบูรณ์ ชาวไร่ยาสูบเพชรบูรณ์ และชาวเพชรบูรณ์ถือป้ายต้อนรับและป้ายขอบคุณที่ช่วยแก้ปัญหา ทั้งยังเข้าสวมกอด พล.อ.ประวิตร และตะโกนให้กำลังใจลุงป้อมสู้ๆ เป็นกำลังใจให้นะคะ ก่อนมอบดอกกุหลาบให้ พร้อมถ่ายภาพหมู่ร่วมกัน

ต่อมาเวลา 14.00 น. พล.อ.ประวิตร ติดตามสถานการณ์น้ำท่วม ที่สะพานข้ามแม่น้ำป่าสัก อ.หล่มสัก โดยเมื่อมาถึง ได้ชมการขับร้องเพลงดอกไม้ให้คุณจากตัวแทนนักเรียนจังหวัดเพชรบูรณ์อย่างอารมณ์ดี พร้อมกับร้องเพลงคลอไปด้วยสีหน้ายิ้มแย้มและมีขยับมือตามจังหวะเพลง

พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ขอบคุณชาวจังหวัดเพชรบูรณ์ทุกคนที่มาต้อนรับตนและคณะด้วยความอบอุ่น ตนขอให้พี่น้องประชาชนทุกคนเชื่อมั่นว่ารัฐบาลจะเร่งแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้กับทุกคนอย่างเต็มที่ ทั้งเรื่องน้ำท่วม หนี้นอกระบบ ดิจิทัลออนไลน์ต่างๆ และสวัสดิการต่างๆ ส่วนยาสูบ 3 บาทไม่เป็นไร ขอไปเดี๋ยวตนอนุมัติเอง อยากฝากว่ารัฐบาลอยากเห็นประชาชนอยู่ดีกินดี มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

ทั้งนี้ ก่อนเดินทางกลับ พล.อ.ประวิตรได้นั่งรถและเปิดกระจกเพื่อทักทายกับประชาชน 22 ตำบลที่รอต้อนรับตลอดทาง รวมถึงตรวจดูระดับน้ำในแม่น้ำป่าสัก

นายเอี่ยม ทองใจสด ส.ส.เพชรบูรณ์ พรรคพลังประชารัฐ ชี้แจงถึงการติดป้ายต้อนรับ พล.อ.ประวิตร ว่างานอุ้มพระดำน้ำเป็นประเพณีที่มีมายาวนาน จึงจำเป็นต้องมีการประชาสัมพันธ์เพื่อให้ประชาชนได้รับทราบ ไม่ได้มุ่งเน้นไปที่การหาเสียงเพราะเสียงได้หามานานแล้ว ทั้งนี้ ทุกพื้นที่ได้นำป้ายลงหมด ยกเว้นพื้นที่ที่จัดงานอุ้มพระดำน้ำ และไม่ใช่ป้ายของ ส.ส.คนใดคนหนึ่ง.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง