พลังประชารัฐแตก! สส.จ่อแห่ออกซบภท.-พท./ชลน่านปัดดีลลับธรรมนัส

“บิ๊กป้อม” ปิดปากสนิทเรื่อง “พรรคธรรมนัส” ย้ายซบเพื่อไทย “ชลน่าน” ลั่นไม่จริง ย้ำพรรคเป็นของประชาชน คนไม่ใช่สมาชิกพูดก็แค่รับฟัง  พลังประชารัฐแตก! ปัญหาความร้าวฉานลึกหนัก ส.ส.เตรียมแห่ออกซบทั้ง "ภูมิใจไทย-เพื่อไทย" ส่วนกลุ่ม “สามมิตร” ยังนิ่งรอดูสถานการณ์ “พท.” เปิดนโยบายแลนด์สไลด์มีแต่นามธรรม พร้อมนำนโยบายเก่ามาปัดฝุ่น ผุดเงินโอนคนสร้างตัวแจกตังค์เป็นขั้นบันไดผ่านระบบสวัสดิการแห่งรัฐ นิด้าโพลเผย “อุ๊งอิ๊ง-เพื่อไทย” ครองใจคนอีสาน “สร้างอนาคตไทย-สมคิด” ขายไม่ออกรั้งบ๊วย

เมื่อวันอาทิตย์ ยังคงมีความต่อเนื่องจากกระแสข่าวดีลลับระหว่างนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทย (ศท.) ที่จะนำ ส.ส.พรรค ศท. ย้ายมาอยู่กับพรรคเพื่อไทย  (พท.) โดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ   รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ปฏิเสธตอบคำถามในเรื่องดังกล่าว

ขณะที่ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรค พท. กล่าวว่า ไม่เชื่อว่าจริง ข่าวแบบนี้มีมาตลอด คงต้องเฝ้าระวังมีใครประสงค์ร้ายกับพรรค เรายึดหลักกฎหมายเคร่งครัด การจะนำใครมาอยู่ในพรรคนั้น มีกลไก ที่สำคัญพรรค พท.เป็นพรรคของประชาชน ต้องได้รับความเห็นชอบจากสมาชิกพรรคที่มีอุดมการณ์เดียวกับพรรค คนที่ไม่ใช่สมาชิกพรรค แม้มีความคิดเห็นอย่างไรพรรคก็ฟังความคิดเห็นตลอด ดังนั้นการจะทำกิจกรรมอะไรต้องเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของพรรคเป็นลำดับชั้น สุดท้ายเป็นคณะกรรมการบริหาร (กก.บห.) ที่จะพิจารณา

“โอกาสที่กลุ่ม ร.อ.ธรรมนัสจะเข้าพรรคนั้น ขอไม่แสดงความเห็น แต่ละพรรคมีแนวทางของตัวเอง พยายามแสวงหาโอกาสได้รับความไว้วางใจจากประชาชน ส่วนจะเลือกทางใดแล้วแต่แนวทางพรรค แต่พรรคเพื่อไทยเป็นพรรคของประชาชน ต้องฟังความเห็นประชาชนและทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ส่วนจะเป็นการโยนหินถามทางหรือไม่นั้น ไม่ทราบ และไม่แน่ใจ” นพ.ชลน่านกล่าว

เมื่อถามว่า มีชื่อ ร.อ.ธรรมนัสเข้ามาเกี่ยวข้องกับพรรค พท. ทำให้มวลชนหลายคนไม่พอใจเรื่องนี้ นพ.ชลน่านย้ำว่า พรรคเพื่อไทยเป็นของประชาชน ต้องฟังทุกฝ่าย ไม่ใช่เฉพาะคนที่เห็นด้วยหรือต่อต้าน ต้องดูอะไรจะเกิดประโยชน์กับประชาชนมากที่สุดในจะยึดเป็นหลัก

 ถามว่า กังวลที่จะถูกเชื่อมโยงทางการเมืองหรือไม่ เพราะ ร.อ.ธรรมนัสมีสัมพันธ์ที่ดีกับ พล.อ.ประวิตร นพ.ชลน่านตอบว่า มิติการเมืองต้องคิดรอบด้าน อะไรที่จะเป็นประโยชน์กับประชาชน

ขณะเดียวกัน มีความเคลื่อนไหวของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ที่น่าสนใจ เมื่อมี ส.ส.หลายคนได้เริ่มตัดสินใจย้ายพรรค โดยแหล่งข่าวระดับสูงของพรรค พปชร.กล่าวว่า จะแบ่งเป็น 2 ล็อต โดยล็อตแรกตั้งแต่วันที่ 24 ก.ย.เป็นต้นไป ซึ่งตามรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 105 ที่เขียนยกเว้นไว้ว่า ในกรณีที่อายุของสภาผู้แทนราษฎรเหลือไม่ถึง 180 วัน ไม่ต้องมีเลือกตั้งซ่อม เปิดโอกาสให้ ส.ส.ย้ายไปอยู่สังกัดพรรคใหม่ได้ จึงมี ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล พรรคฝ่ายค้านจำนวน 29 คน ปรากฏตัวเมื่อวันที่ 4 ต.ค.2565 ที่ จ.บุรีรัมย์ ในงานวันเกิดครบ 64 ปี ของนายเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ซึ่ง ส.ส. 29 คน เป็น ส.ส.พรรค พปชร. 8 คน คือ 1.นายมณเฑียร สงฆ์ประชา ส.ส.ชัยนาท 2.นายสัมฤทธิ์ แทนทรัพย์ ส.ส.ชัยภูมิ 3.นายปฐมพงศ์ สูญจันทร์ ส.ส.นครปฐม 4.นายอนุชา น้อยวงศ์ ส.ส.พิษณุโลก 5.นายกฤษณ์ แก้วอยู่ ส.ส.เพชรบุรี 6.นายสุชาติ อุสาหะ ส.ส.เพชรบุรี 7.นายประทวน สุทธิอํานวยเดช ส.ส.ลพบุรี และ 8.นายสมเกียรติ  วอนเพียร ส.ส.กาญจนบุรี

พปชร.แห่ออกเหตุร้าวลึก

แหล่งข่าวกล่าวอีกว่า ล็อตที่ 2 คือวันที่ 24 ธ.ค.65 เป็นต้นไป เพราะเป็นวันนับถอยหลัง 90 วันของอายุสภา ที่กฎหมายกำหนดให้คนลงสมัคร ส.ส.ต้องสังกัดพรรคการเมืองไม่น้อยกว่า 90 วันนับถึงวันเลือกตั้ง ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 97 (3) และเว้นแต่กรณีที่มีการเลือกตั้งทั่วไป เพราะเหตุยุบสภา ระยะเวลา 90 วันดังกล่าวให้ลดลงเหลือ 30 วัน ซึ่ง ส.ส.พรรค พปชร.เกิดการไหลออกจากสาเหตุสภาพความขัดแย้งร้าวลึกภายในพรรคที่สั่งสมมานาน 1-2 ปี โดยเฉพาะคนใกล้ชิดผู้มีอำนาจในพรรคที่ไม่สามารถประสานรอยร้าวได้

แหล่งข่าวระบุว่า ขณะนี้ ส.ส.กทม.เป็นกลุ่มที่เตรียมย้ายพรรคมากสุด เพราะกระแสพรรคตกต่ำและมีโอกาสสอบตก  โดยจะลาออกในช่วงต้น-กลางเดือน ธ.ค.นี้ โดยพบว่ามี ส.ส.ส่วนหนึ่งจะย้ายไปกับนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ อดีตแกนนำ ส.ส.กทม. อาทิ นายจักรพันธ์ พรนิมิตร  ประธาน ส.ส.กทม. และนายกษิดิ์เดช ชุติมันต์  ส.ส.กทม. รวมถึงบรรดาอดีตผู้สมัคร ส.ส.กทม. พรรค พปชร.จำนวนหนึ่ง โดยคาดว่าจะย้ายไปอยู่พรรคภูมิใจไทย (ภท.) ในโควตานายพุทธิพงษ์ ส่วน น.ส.พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์ ส.ส.กทม. โฆษก พรรค พปชร. จะย้ายไปพรรค ภท. ขณะที่ น.ส.กานต์กนิษฐ์ แห้วสันตติ ส.ส.กทม. มีข่าวว่าจะย้ายไปอยู่พรรค พท.

ขณะที่ ส.ส.กลุ่มปากน้ำ 6 คน ที่แสดงความชัดเจนในการลงมติไม่ไว้วางใจ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย  รวมถึงมีปัญหากับนายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ผอ.พรรคอย่างรุนแรง ทั้งการเมืองระดับชาติและการเมืองท้องถิ่นยังสงบนิ่ง แต่มีโอกาสย้ายพรรคค่อนข้างสูง  นอกจากนี้ นายสุชาติยังมีปัญหากับนายสนธยา คุณปลื้มด้วย ทำให้ ส.ส.สังกัดกลุ่มคุณปลื้มก็จะไม่ไปต่อกับพรรค พปชร.แล้ว โดยจะกลับไปฟื้นพรรคพลังชล ในการเลือกตั้งครั้งหน้า เช่นเดียวกับกลุ่มบ้านริมน้ำของนายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาฯ คนที่ 1 ก็จะย้ายกลับไปพรรคเพื่อไทย แต่ที่น่าจับตาคือความเคลื่อนไหวของกลุ่มสามมิตรของนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม ที่มี ส.ส.ในกลุ่มไม่ต่ำกว่า 20 คน ขณะนี้ยังสงบนิ่ง ไม่เคลื่อนไหวใดๆ เช่นกัน

ส่วนนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรค ภท. กล่าวถึงกรณีพรรค ปชป.เตรียมส่งรายชื่อบุคคลที่จะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีให้นายกฯ ในการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า นายกฯ ยังไม่ได้ส่งสัญญาณใดๆ และพรรค ภท.ก็ไม่มีปรับ เราอยู่ของเราอย่างนี้ เพราะนางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รมช.ศึกษาธิการ ยังมีสถานภาพเป็นรัฐมนตรีอยู่ เพียงแต่ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่

พท.เปิดนโยบายนามธรรม

วันเดียวกัน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และประธานคณะทำงานด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม, นพ.ชลน่าน พร้อมแกนนำพรรค  ร่วมเปิดตัวนโยบายเศรษฐกิจ ภายใต้แนวคิด “พรุ่งนี้เพื่อไทย เพื่อรายได้ใหม่ของประชาชน” โดย นพ.ชลน่านกล่าวว่า การชนะเลือกตั้งแบบแลนด์สไลด์จะเป็นกุญแจดอกเดียวช่วยประชาชนมีชีวิตใหม่ลืมตาอ้าปากอีกครั้ง พรรคเตรียม 3 เสาหลักสู่ชีวิตใหม่ประชาชน คือ 1.ผู้แทนราษฎรเข้าถึงพื้นที่ เข้าใจประชาชน 2.นโยบายตอบโจทย์การแก้ปัญหาทำได้จริงตามที่สัญญาไว้ และ 3.ผู้เสนอตัวเป็นนายกฯ มีศักยภาพ ความสามารถ สามารถฝากความหวังนำประเทศพ้นวิกฤต

นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ส.ส.พะเยา พรรค พท. ในฐานะประธานคณะทำงานด้านวางระบบเกษตรกรรม กล่าวเสนอนโยบายผ่าตัดเกษตรกรรมว่า จะมีนโยบายพักหนี้เกษตรกร พร้อมๆ กับการสร้างรายได้จะถูกนำกลับมาใช้อีกครั้ง จะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ด้วยโครงการบำนาญเกษตรกร ดูแลเกษตรกรรุ่นบุกเบิก ดึงดูดเกษตรกรรุ่นใหม่ จัดหาแหล่งทุน สนับสนุนกรรมสิทธิ์ เปลี่ยนผืนแผ่นดินเดิมจากที่เคยสร้างรายได้ 10,000 บาท/ไร่/ปี เพิ่มเป็น 30,000 บาท/ไร่/ปี

น.ส.ณหทัย ทิวไผ่งาม ประธานคณะทำงานด้านการส่งเสริมศักยภาพการแข่งขันของประเทศและพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ กล่าวเสนอนโยบายเรียนรู้มีรายได้  เรียนรู้ง่ายตลอดชีวิตว่า พรรคจะสร้างแพลตฟอร์มจับคู่สมรรถนะคนเข้ากับงานที่ใช่ ช่วยให้มีงานทำเร็วที่สุด ตรงสมรรถนะตนเองมากที่สุด นอกจากนี้จะฟื้นนโยบายแจกแท็บเล็ตเพื่อการศึกษาและอินเทอร์เน็ตตำบล ในช่วงรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กลับมา

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และประธานคณะทำงานด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม กล่าวว่า นโยบายพรรคจะมีโรดแมปบันได 4 ขั้นคือ บันไดขั้นที่ 1 เพื่อศักยภาพใหม่ประเทศและประชาชนไทย ผ่านนโยบาย 1 ครอบครัว 1 ศักยภาพซอฟต์เพาเวอร์,   บันไดขั้นที่ 2 เพื่อรายได้ใหม่ แก้หนี้สินด้วยการเพิ่มพูนรายได้ทวีคูณให้เศรษฐกิจไทย, บันไดขั้นที่ 3 เพื่อสังคมใหม่ คือความปลอดภัยของทุกคนอย่างเท่าเทียม และบันไดขั้นที่ 4 เพื่อการเมืองใหม่ ที่หลักนิติรัฐนิติธรรมเข้มแข็ง รัฐธรรมนูญต้องมาจากประชาชน วุฒิสภาต้องไม่มีอำนาจเลือกนายกฯ รัฐของราชการต้องถูกเปลี่ยนเป็นรัฐของประชาชน กลับสู่ระบอบประชาธิปไตยมีประชาชนเป็นศูนย์กลาง

“วันนี้เวลา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหมหมดแล้ว ถึงเวลานับถอยหลังสู่ความเข้มแข็งประชาชน ความมั่นคงทางเศรษฐกิจภายใต้การนำของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย” น.ส.แพทองธารกล่าว

  นายสุทิน คลังแสง รองหัวหน้าพรรค พท. ในฐานะประธานคณะทำงานนโยบายแก้ปัญหาความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำ กล่าวว่า สิ่งที่เพื่อไทยจะทำเพื่อแก้ปัญหาความยากจนคือ การให้แบบมีกลยุทธ์ ผ่านระบบสวัสดิการของรัฐ  เรียกว่าเงินโอนคนสร้างตัว โดยสำรวจคนที่มีรายได้ต่ำกว่าเส้นความยากจน และอยู่ภายใต้ค่าแรงขั้นต่ำใหม่ โดยจะให้เงินแบบขั้นบันได ทำมากได้มาก ทำน้อยได้น้อย ก็จะจูงใจให้คนทำงานเพื่อมีรายได้มากขึ้น เมื่อมีรายได้ไปถึงเส้นค่าแรงขั้นต่ำ และเข้าสู่รายได้ใหม่แตะที่กว่า 12,000 บาทต่อเดือนแล้วก็จะค่อยๆ ลดการให้ลง ทั้งนี้ เมื่อประชาชนมีรายได้มากขึ้น ก็จะกลับมาเสียภาษีเข้ารัฐ ในวันนั้นจะไม่มีคนไทยอยู่ใต้เส้นความยากจนใต้เส้นค่าแรงขั้นต่ำ เป็นการทำให้ประชาชนแข็งแกร่ง รัฐก็เข้มแข็งตามมา เรื่องนี้ต่างประเทศทำแล้วลดความเหลื่อมล้ำได้จริง

 “นี่เป็นนโยบายเร่งด่วนล่วงหน้า ถ้าถามว่าทำได้หรือไม่ ยากกว่านี้เราก็เคยทำได้ ถ้าถามว่าใช้เงินเยอะหรือไม่ เงินกู้มาใกล้เคียงกับบัตรสวัสดิการของรัฐ ใกล้ ใกล้เคียงคนละครึ่ง แต่เรามีคน กลยุทธ์ที่ทำให้เกิดความยั่งยืนถาวร มีอย่างเดียวที่เราคิดว่าจะทำไม่ได้ คือหากเราไม่แลนด์สไลด์ ถ้าแลนด์สไลด์ให้โอกาสเรา  ให้อำนาจเรา เราทำได้ และเราเคยทำได้ในสิ่งที่ยากกว่านี้” นายสุทินกล่าว

 ด้านคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) พร้อมคณะ ลงพื้นที่ ต.โคกก่อง อ.เมืองฯ จ.สกลนคร เพื่อรับฟังปัญหาและข้อร้องเรียนจากพี่น้องประชาชน พร้อมเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.สกลนครของพรรค โดยคุณหญิงสุดารัตน์กล่าวบนเวทีตอนหนึ่งว่า ในฐานะลูกอีสาน ขออาสาเข้ามาเปลี่ยนแปลงอีสาน ทำให้พี่น้องหายจน หมดหนี้ มีรายได้อย่างยั่งยืนภายใน 3 ปีให้ได้

คนอีสานเทใจอุ๊งอิ๊ง-พท.

ขณะเดียวกัน ศูนย์สำรวจความคิดเห็นนิด้าโพล สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เผยผลสำรวจของประชาชนเรื่อง คนที่ใช่ พรรคที่ชอบของคนอีสาน โดยสอบถามประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป และมีสิทธิเลือกตั้งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จำนวน 2,000 หน่วยตัวอย่าง โดยเมื่อถามถึงบุคคลที่คนอีสานจะสนับสนุนให้เป็นนายกฯ ในวันนี้ พบว่า 36.45% ระบุว่าเป็น น.ส.แพทองธาร, 12.65% ระบุว่าเป็นนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ พรรคก้าวไกล, 10.20% ระบุว่าเป็นคุณหญิงสุดารัตน์, 9.85% ระบุว่าเป็น พล.อ.ประยุทธ์, 3.95% ระบุว่าเป็น นพ.ชลน่าน, 2.80% ระบุว่าเป็นนายอนุทิน,  1.75% ระบุว่าเป็นนายกรณ์ จาติกวณิช พรรคชาติพัฒนากล้า, 1.30% ระบุว่าเป็น ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ พรรคสร้างอนาคต

สำหรับพรรคการเมืองที่คนอีสานมีแนวโน้มจะเลือกให้เป็น ส.ส.แบบแบ่งเขต ในวันนี้ พบว่า อันดับ 1  54.35% ระบุว่าเป็นพรรคเพื่อไทย, 13.60% ระบุว่าเป็น พรรคก้าวไกล, 8.50% ระบุว่ายังไม่ตัดสินใจ, 5.60% ระบุว่าเป็นพรรคภูมิใจไทย,  5.30% ระบุว่าเป็นพรรคพลังประชารัฐ,  3.05% ระบุว่าเป็นพรรคประชาธิปัตย์,  2.55% ระบุว่าพรรคไทยสร้างไทย, 1.35% ระบุว่าเป็นพรรคชาติพัฒนากล้า,  1.15% ระบุว่าเป็นพรรคชาติไทยพัฒนา และ 1.10% ระบุว่าเป็นพรรคสร้างอนาคตไทย

ท้ายที่สุดเมื่อถามถึงพรรคการเมืองที่คนอีสานมีแนวโน้มจะเลือกให้เป็น ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ในวันนี้ พบว่า 51.40% ระบุว่าเป็นพรรคเพื่อไทย, 15.10% ระบุว่าพรรคก้าวไกล, 9.10% ระบุว่ายังไม่ตัดสินใจ, 5.35% ระบุว่าพรรคภูมิใจไทย, 5.25% ระบุว่าพรรคพลังประชารัฐ, 3% ระบุว่าพรรคประชาธิปัตย์, 2.55% ระบุว่าพรรคไทยสร้างไทย, 1.45% ระบุว่าพรรคชาติไทยพัฒนา, 1.25% ระบุว่าพรรคชาติพัฒนากล้า และ 1.05% ระบุว่าพรรคสร้างอนาคตไทย.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง