อนุทินตบปากชลน่าน พท.กลับลำยังไม่ยื่นยุบพรรค/ภท.จีบพุทธิพงษ์ปักธงกทม.

"ชลน่าน" พลิ้วไม่ได้ฟันธงยื่นยุบ "ภท." อ้างแค่ตอบสื่อในหลักการยื่นอภิปราย แจงมติฝ่ายค้านมอบทีม กม.ดูพยานหลักฐานก่อนตัดสินใจ "อนุทิน" ตอกหน้า "หัวหน้า พท." ไร้วุฒิภาวะผู้นำ แนะแข่งกันทำงาน-ซื่อสัตย์ให้ ปชช. "บิ๊กตู่" งดจ้อสื่อ "ลุงป้อม" โยนถาม "วีระกร" เสนอนายกฯ สมัครสมาชิก พปชร. "สันติ" เชื่อ "ประยุทธ์" ไปพรรคไหนก็เป็นประโยชน์ "เสี่ยหนู" รับคุย "พุทธิพงษ์" เข้าพรรค บอกอยากได้ ส.ส.กทม.บ้าง "สาธิต" ยืนหยัดอยู่ "ปชป."

เมื่อวันที่ 18 ต.ค. นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) และผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวระบุว่า ฝ่ายค้านยืนยันยังไม่ยื่นยุบพรรคการเมืองใด ตามที่มีข่าวว่าพรรคร่วมฝ่ายค้านจะยื่นยุบพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กรณีเสนอนโยบายกัญชานั้น ข้อเท็จจริงที่ได้มีการแถลงข่าวในเรื่องนี้ยังไม่มีการยื่นยุบพรรคการเมืองใดๆ เป็นเพียงขั้นตอนการทำงานเบื้องต้นจากคณะทำงานของผู้อภิปรายในเรื่องนั้นๆ ได้ยกร่างขึ้นมา เพื่อนำมาเสนอต่อคณะกรรมการกฎหมายของพรรคร่วมฝ่ายค้าน เพื่อพิจารณากลั่นกรองว่ามีข้อมูลหลักฐานเพียงพอที่ยื่นฟ้องร้องได้หรือไม่  

นพ.ชลน่านกล่าวว่า กรณีประเด็นอภิปรายไม่ไว้วางใจเรื่องกัญชา คณะทำงานของผู้อภิปรายเบื้องต้นได้เสนอให้ดำเนินการตามกฎหมาย 2 เรื่อง คือ 1.ยื่นร้องต่อศาลปกครองสูงสุด ขอให้กำหนดมาตรการคุ้มครองชั่วคราว กรณีประกาศของกระทรวงสาธารณสุขเรื่องกำหนดประเภทยาเสพติดประเภทที่ 5 ทำให้กัญชาถูกปลดล็อกจากยาเสพติด ทำให้เข้าใจว่าเป็นกัญชาเสรี มีการนำไปใช้เพื่อสันทนาการอย่างแพร่หลาย 2.เสนอยื่นคำร้องเพื่อยุบพรรคการเมืองที่เกี่ยวข้อง ในการออกนโยบายเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจการปกครองที่ไม่เป็นไปตามวิถีแห่งรัฐธรรมนูญ 

 "ที่ประชุมพรรคร่วมฝ่ายค้านมีความเห็นว่า ให้ส่งเรื่องนี้ให้คณะกรรมการฝ่ายกฎหมายของพรรคร่วมฝ่ายค้านพิจารณาว่า มีความเหมาะสม มีหลักฐานเพียงพอถึงขั้นร้องยุบพรรคได้หรือไม่ ขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนยื่นให้ฝ่ายกฎหมายของพรรคร่วมฝ่ายค้านพิจารณา ยังไม่มีการยื่นยุบพรรคแต่ประการใด ในเรื่องนี้เชื่อว่าในการพิจารณาของคณะกรรมการฝ่ายกฎหมายของพรรคร่วมฝ่ายค้านคงพิจารณาด้วยความรอบคอบ รอบด้าน ถ้าพบว่าพยานหลักฐานไม่เพียงพอ ไม่สมเหตุผล คงมีมติให้ยุติเรื่องและไม่ส่งฟ้องยุบพรรค" นพ.ชลน่านกล่าว

 หัวหน้าพรรค พท.ระบุว่า ในเรื่องการยุบพรรคการเมือง ทางพรรคเพื่อไทยได้มีจุดยืนชัดเจนว่าไม่เห็นด้วยกับการที่มีกฎหมายพรรคการเมือง ม.92 บัญญัติให้มีการยุบพรรคการเมืองได้อย่างง่ายดาย เป็นการทำลายพรรคการเมือง ทำลายสิทธิเสรีภาพของประชาชน จึงเสนอแก้รัฐธรรมนูญ ม.45 ให้มีการยุบพรรคการเมืองด้วยเหตุผลเดียว คือมีการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขเท่านั้น แต่เสียดายรัฐสภาตีตก ไม่รับหลักการ ไม่ผ่านความเห็นชอบ 

ต่อมา นพ.ชลน่านให้สัมภาษณ์อีกครั้งว่า ข้อเท็จจริงการยื่นยุบพรรค ภท. เป็นเพียงขั้นตอนเริ่มต้นของคณะทำงานที่พรรคร่วมฝ่ายค้านมีมติให้ผู้อภิปรายหลักในการอภิปรายไม่ไว้วางใจเมื่อครั้งที่ผ่านมาไปทำงานต่อเนื่อง อภิปรายรัฐมนตรีคนใด หากมีข้อกฎหมายที่สามารถดำเนินคดีหรือเอาผิดได้ ให้ไปยกร่างคำร้องขึ้นมา เพื่อมาเสนอต่อคณะกรรมการที่ประชุมพรรคร่วมฝ่ายค้าน ในประเด็นเรื่องกัญชา จะยื่นดำเนินการตามกฎหมาย 2 เรื่องคือ 1.ยื่นต่อศาลปกครองเพื่อให้มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว กรณีที่มีประกาศของกระทรวงสาธารณสุขออกมากำหนดประเภทยาเสพติดประเภทที่ 5 ทำให้เกิดกัญชาเสรี และมีประชาชนใช้กันอย่างแพร่หลาย และ 2.นโยบายนี้เข้าข่ายให้ได้มาซึ่งอำนาจการปกครองในระบอบประชาธิปไตยที่ไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ  

'พท.'กลับลำปมยุบ'ภท.'

 "เรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ที่ประชุมพรรคร่วมฝ่ายค้านต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ จึงส่งเรื่องให้ฝ่ายกฎหมายพรรคร่วมฝ่ายค้านนำไปสู่การพิจารณาว่า คำร้องทั้งสองมีเหตุผล มีหลักฐานเพียงพอหรือชอบด้วยหลักการในการยุบพรรคการเมืองหรือไม่ ขั้นตอนยังอยู่เพียงขั้นตอนนี้ และยังไม่ได้มีการยื่นต่อองค์กรด้วยซ้ำไป แต่จะต้องรอฟังผลสรุปจากคณะกรรมการฯ ว่าจะมีการยื่นยุบพรรคหรือไม่ มีสื่อมวลชนมาถามว่าจะร้องยุบพรรค ภท.ด้วยข้อหาอะไร ก็ตอบในหลักการเท่านั้น ยืนยันยังไม่มีมติจะฟ้องหรือไม่ฟ้อง" นพ.ชลน่านกล่าว

 ถามว่า สรุปแล้วพรรคร่วมฝ่ายค้านจะยื่นยุบพรรค ภท.หรือไม่ ผู้นำฝ่ายค้านฯ กล่าวว่า ส่วนใหญ่ที่ประชุมไม่เห็นด้วยกับการยุบพรรค โดยใช้เหตุผลที่ไม่เหมาะสม การยุบพรรคการเมืองควรมีเหตุเดียวคือการล้มล้างการปกครองเท่านั้น

ซักว่าหลักฐานที่มีจะสามารถเอาผิดช่องทางอื่นได้หรือไม่ ผู้นำฝ่ายค้านฯ กล่าวว่า หากมีหลักฐานที่จะชี้ชัดว่าจะทำผิดกฎหมาย ก็สามารถยื่นเอาผิดได้ในเรื่องอะไรก็ว่าไป เช่น จงใจฝ่าฝืนบทบัญญัติกฎหมาย ก็ยื่นคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ส่วนจะเข้าสู่ศาลฎีกาคดีนักการเมืองหรือศาลอาญาก็ว่ากันไป 

เมื่อถามว่า การที่พรรคออกมาทำลักษณะนี้ มีนัยทางการเมืองหรือไม่ นพ.ชลน่านกล่าวว่า ไม่ใช่เกมทางการเมือง เรามองทุกพรรคการเมืองเป็นคู่แข่ง ไม่ใช่เฉพาะพรรค ภท. แต่เป็นทุกพรรคการเมือง เพื่อให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินว่าจะเลือกใครมาทำงาน ไม่ถือว่าพรรคการเมืองเป็นศัตรู ส่วนจะกระทบการทำงานร่วมกันในอนาคตหรือไม่ เขาย่อมมีวิจารณญาณ ซึ่งมีทั้งกระแสบวกและกระแสลบ 

ขณะที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวว่า มีคนมาเล่าเรื่องดังกล่าวให้ตนฟัง  นักการเมืองด้วยกันอย่ามาจ้องทำลายกันเลย จะเข้ามาในสภาหรือแลนด์สไลด์ อยากให้เข้ามาด้วยการแข่งกันทำดีให้กับประชาชน นี่คือสิ่งที่ควรทำ ไม่ควรมาคุ้ยหาเรื่องเล็กน้อยและมาทำลายกัน มันไม่มีประโยชน์อะไร ภท.ยืนยันไม่ได้ทำผิดอะไร
"โดยเฉพาะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย อย่างว่าคงยังไม่มีภาวะผู้นำเท่าไหร่ ซึ่งตอนนี้เป็นหัวหน้าพรรคแล้ว ต้องทำตัวให้เป็นหัวหน้าพรรค" นายอนุทินกล่าว
ถามว่า หัวหน้าพรรคไม่มีวุฒิภาวะ หมายถึงอยากให้เปลี่ยนตัวหัวหน้าใช่หรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ไม่ใช่พรรคผม แต่คนเป็นผู้นำต้องมีวุฒิภาวะสูง อันนี้สำคัญมาก
ซักว่า ล่าสุด นพ.ชลน่านบอกจะไม่ยุบพรรคแล้ว ภท.จะยังตอบโต้กลับอยู่หรือไม่ หัวหน้าพรรค ภท.กล่าวว่า ไม่มีตอบโต้อะไรกลับแล้ว ใกล้จะเลือกตั้งอยู่แล้ว และนโยบายกัญชาก็ส่งให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ตรวจสอบมาก่อนที่จะไปหาเสียงเลือกตั้งแล้วตั้งแต่ปี 62 และบรรจุอยู่การแถลงนโยบายของรัฐบาล ตอนที่นายกรัฐมนตรีเข้ามารับตำแหน่ง ดังนั้นนโยบายทางการแพทย์อยู่ในวาระเร่งด่วนของรัฐบาลนี้ ซึ่งทุกอย่างมีความชัดเจนอยู่ 

"อย่างที่กล่าว ถ้าเราจะชนะใครต้องชนะด้วยฝีมือ การแข่งขัน ทำความดี ทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ให้ประชาชน เพื่อให้พวกเขาเป็นผู้ตัดสินใจเลือกคนเข้ามาทำหน้าที่ เพื่อความสงบของบ้านเมือง ไม่ใช่มาแต่ละดอกท้าตีรันฟันแทง เราไม่สู้หรอก ภูมิใจไทยเล็กกว่าอยู่แล้ว แต่เอาฝีมือเทียบกันดีกว่า ว่าใครรับใช้ประชาชนมากกว่า ใครทำงานให้ประชาชน ให้ประเทศชาติ และหากจะมายุบพรรคเรื่องนี้ ระหว่างภูมิใจไทยและเพื่อไทย ใครทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ไม่สนใจในเรื่องความขัดแย้ง เทิดทูนสถาบัน พรรคภูมิใจไทยอยู่ในครรลองคลองธรรมนี้มาตลอด" หัวหน้าพรรค ภท.กล่าว

'บิ๊กตู่'งดจ้อสื่อหลัง ครม.
ถามหากทะเลาะกับพรรค พท.แบบนี้ จะไม่สามารถจับมือกันได้ใช่หรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ไม่ได้ทะเลาะ เมื่อถามว่าแต่พรรคเพื่อไทยเตรียมที่จะยื่นยุบถือเป็นการกลั่นแกล้งทางการเมืองใช่หรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า บอกแล้วว่าอย่ามาแกล้งพรรคภูมิใจไทย เพราะเราไม่เคยไปวุ่นวายกับใคร เราต้องการทำงานให้บ้านเมือง
เมื่อถามว่า แสดงว่าจะไม่ปิดประตูในการร่วมงานกันใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ถือเป็นเรื่องไร้สาระ เราไม่ได้ทำผิดตามที่เขากล่าวร้ายแน่นอน ฉะนั้นอย่าไปเสียเวลาคิด
ส่วนนายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวถึงเรื่องการยื่นยุบพรรค ภท. ว่าจุดยืนของพรรคก้าวไกลไม่เห็นด้วยกับวิธีการดังกล่าว เพราะการยื่นยุบพรรคการเมืองเป็นเครื่องมือฝ่ายอำนาจนิยมที่ใช้สกัดกั้นพรรคการเมืองและบ่อนทำลายประชาธิปไตยมาโดยตลอด ซึ่งตนไม่คิดว่าการยุบพรรคการเมืองจะสามารถแก้การเมืองได้ แม้ว่านโยบายของพรรค ภท.ที่ประกาศออกไปเรื่องกัญชาเสรีจะเป็นนโยบายที่ไม่รอบคอบ ส่งผลให้ประชาชนและเยาวชนเข้าถึงง่าย อาจไม่ปลอดภัยต่อเด็กหรือคนบางกลุ่มที่ใช้โดยขาดความรู้ความเข้าใจ และเป็นสิ่งที่สังคมกังวลกับความเสรีดังกล่าว

 “ผมเห็นว่าคำพิพากษาที่ดีที่สุดจะต้องมาจากประชาชน ไม่ใช่มาจากตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ผมในฐานะตัวแทนของประชาชนในระบอบประชาธิปไตย เชื่อเสมอว่าพรรคการเมืองสามารถดำรงอยู่หรือดับไปโดยประชาชนจะเป็นคนตัดสินเท่านั้น” โฆษกพรรคก้าวไกลระบุ

ที่ทำเนียบรัฐบาล เวลา 09.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ทั้งนี้ ในการประชุม ครม.ครั้งนี้ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย, นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา, นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ลาการประชุม โดยรัฐมนตรีบางส่วนลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำท่วม ส่วนนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี และนายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รมช.คมนาคม ได้แจ้งขอประชุมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ นอกจากนี้ นายอนุทินได้ลาประชุมเนื่องจากติดภารกิจบินรับอวัยวะจากผู้เสียชีวิตที่จังหวัดอุดรธานี เพื่อนำไปมอบแก่ผู้ป่วยที่รอปลูกถ่ายอวัยวะ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังประชุม ครม.พล.อ.ประยุทธ์ปฏิเสธให้สัมภาษณ์สื่อ โดยระบุเพียงว่า ให้ฟังการแถลงข่าวของทีมโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี 

ด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ปฏิเสธให้สัมภาษณ์กรณีนายวีระกร คำประกอบ ส.ส.นครสวรรค์ และคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เสนอให้นายกฯ สมัครเป็นสมาชิกพรรคเพื่อสู้ศึกเลือกตั้ง เพียงระบุสั้นๆ ว่า ให้ไปถามนายวีระกร 

นอกจากนี้ เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าได้คุยกับนายกฯ หรือไม่, ถามว่าพรรค พปชร.ไม่มีความแน่นอนลูกพรรค จึงอยากให้เกิดความแน่นอนหรือไม่ และถามว่าเหมือน พล.อ.ประยุทธ์กับ พล.อ.ประวิตรเดินกันคนละทาง โดยทั้งหมดทุกคำถาม พล.อ.ประวิตรตอบเพียงให้ไปถามนายวีระกร ก่อนขึ้นรถออกจากทำเนียบฯ ทันที 

ส่วนนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.การคลัง ในฐานะเลขาธิการพรรค พปชร. กล่าวว่า เรื่องการจะมาเป็นสมาชิกพรรคการเมืองนั้น เป็นสิทธิส่วนบุคคล อยู่ที่การตัดสินใจของ พล.อ.ประยุทธ์ แต่ถึงอย่างไร พปชร.ยังคงสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ เสมอมา  

 "คนระดับนายกฯ ไปที่ไหนก็เป็นผลดีกับที่นั่นอยู่แล้ว โดยเฉพาะนายกฯ ที่ทำงานเพื่อประชาชนด้วยความซื่อสัตย์ ไปอยู่ที่ไหนประชาชนให้การสนับสนุน" นายสันติกล่าว  

 ถามว่า หาก พล.อ.ประยุทธ์เข้าไปจะเป็นแคนดิเดตนายกฯ อันดับหนึ่ง แล้วพล.อ.ประวิตรเป็นแคนดิเดตอันดับสอง นายสันติกล่าวว่า อันนั้นเป็นเรื่องที่ผู้ใหญ่คุยกันเองไม่มีปัญหา ส่วนความชัดเจนว่าพรรคจะส่งแคนดิเดตนายกฯ กี่คนนั้น จะมีการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคอีกครั้ง  

 ซักว่ากรณี พล.อ.ประยุทธ์ ยังไม่ชัดเจน ส.ส.จะมีเลือดไหลเพิ่มอีกหรือไม่ นายสันติกล่าวว่า ไม่มี ตนพูดกับ ส.ส.ทุกคนในพรรคแล้ว ทุกคนยังยึดมั่นกับพรรค

'หนู'ทาบทาม'พุทธิพงษ์'

วันเดียวกัน นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค ภท. กล่าวถึงกระแสนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ อดีต รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และอดีตแกนนำกทม.พรรค พปชร. จะเข้าพรรค ภท.ว่า พูดคุยกันอยู่ เพราะ ภท.อยากมี ส.ส.ในกรุงเทพฯ ซึ่งตอนนี้เราไม่มีเลย เพื่อทำประโยชน์ให้ชาวกรุงเทพฯ ที่ผ่านมาแม้เราไม่มี ส.ส. ก็ไม่เคยพูดเหมือนพรรคอื่นว่าถ้าไม่มีส.ส.จะไม่ทำความเจริญให้จังหวัดนั้น ซึ่งเราไม่เคยพูดเลย แต่ที่ผ่านมาแม้ไม่มี ส.ส.กรุงเทพฯ แต่นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม และเลขาธิการพรรค ภท. ก็ผลักดันรถเมล์ไฟฟ้า ก็วิ่งกันทั่วกรุงเทพฯ แล้ว รถไฟฟ้า รถไฟใต้ดินทำครอบคลุม รถไฟฟ้าสายสีเขียว เรื่องไม่เสียค่าโง่โฮปเวลล์ ถือเป็นเรื่องของชาวเมืองหลวงทั้งนั้น และเราก็คิดว่าได้ทำสิ่งที่เป็นประโยชน์หลายอย่างให้กับชาวกรุงเทพฯ เราจึงต้องมีการพูดคุยกับผู้ที่มีความนิยม และเข้าใจพื้นที่ กทม.ให้มากที่สุด
ถามว่า นายพุทธิพงษ์จะมาคนเดียวหรือมี ส.ส.พลังประชารัฐมาด้วย นายอนุทินกล่าวว่า ตอนนี้ยังคุยทั่วไปกันอยู่ ยังไม่ลงรายละเอียด และต้องดูว่านายพุทธิพงษ์มีข้อจำกัดอะไรหรือไม่ และถ้าคุยกันแล้วช่วยงานกันได้ไม่มีข้อจำกัด หรือหากมีข้อจำกัดก็สามารถช่วยงานได้ในฐานะคณะทำงาน และหากทำแล้วเกิดประโยชน์กับพรรคและบ้านเมือง ก็ไม่น่าเป็นการเสียเวลาที่จะคุย
ซักว่า มีกระแสข่าวมี น.ส.พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์ ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ จะมาร่วมพรรค ภท.ด้วยหรือไม่ หัวหน้าพรรค ภท.กล่าวว่า ยังไม่ได้คุยกัน เอาไว้ไม่น่านาน เพราะตอนนี้มันคุกรุ่นกันไปหมด

ส่วนนายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รมช.คมนาคม ในฐานะแกนนำพรรค ภท. กล่าวถึงข่าวจะย้ายไปอยู่กับพรรค พท.ในการเลือกตั้งครั้งหน้าว่า ที่ผ่านมาลูกชายของตนเคยลงสมัครในนามพรรค พท.

เมื่อถามยํ้าว่า ยังยืนยันว่ายังอยู่กับพรรค ภท.ใช่หรือไม่ นายวีรศักดิ์กล่าวว่า "ครับ ครับ" 

เช่นเดียวกับ นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข ในฐานะรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงกระแสข่าวจะย้ายไปร่วมพรรค ภท.ว่า ตนยังไม่ทราบที่มาที่ไปของเรื่องดังกล่าว เพราะติดภารกิจที่พี่ชายเสียชีวิต มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯ และนายอนุทิน ไปร่วมงาน ซึ่งการที่ตนเป็นรัฐมนตรีก็ร่วมงานกับทุกพรรค พูดคุยกันแต่ไม่ได้พูดคุยว่าจะย้ายพรรคไปไหน แต่ละคนต่างให้เกียรติและเข้าใจกัน ดังนั้นข่าวย้ายพรรคจึงไม่มีความจริง

ถามว่า มีการทาบทามย้ายพรรคจริงหรือไม่ นายสาธิตกล่าวว่า ไม่มีครับ และการเลือกตั้งครั้งหน้าก็จะอยู่พรรคประชาธิปัตย์

"ทุกที่ก็อาจจะมีปัญหาอยู่บ้าง แต่ก็พยายามจะทำให้ดีที่สุด เพื่อให้สถาบันพรรคการเมืองเข้มแข็งในพรรคอาจจะไม่มีเรื่องไหนที่ถูกใจทั้งหมด แต่สุดท้ายแล้วทุกปัญหาก็ต้องตัดสินใจร่วมกันในพรรค" นายสาธิตกล่าว
นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมในการเลือกตั้งว่า พรรคตั้งเป้าที่จะส่ง ส.ส.ในพื้นที่ภาคใต้ให้ได้ทั้งสิ้น 25 เขต โดยขณะนี้เปิดตัวไปแล้ว 15 เขต ส่วนที่เหลืออยู่ระหว่างการคัดสรรผู้ที่จะลงสมัครรับเลือกตั้ง ซึ่งเป้าหมายของพรรคประชาชาติในการเลือกตั้งที่จะมาถึง ยังคงเน้นในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นหลัก

ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา พรรคเศรษฐกิจไทย โพสต์เฟซบุ๊กกรณีนายพรชัย อินทร์สุข ส.ส.พิจิตร เขต 1 พรรคเศรษฐกิจไทย ให้สัมภาษณ์ว่า ส.ส.พรรคเศรษฐกิจไทยจะไปเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย รอแค่ขั้นตอนเอกสารนั้น ได้สอบถามจาก ส.ส.พรชัยแล้ว ได้รับทราบข้อเท็จจริงว่าไม่ได้เป็นการให้สัมภาษณ์ แต่เป็นการนั่งพูดคุยกับนักข่าวที่สนิทสนมกัน ปรับทุกข์ บอกเล่าเรื่องราวอนาคตทางการเมืองให้ฟังว่าจะเอาอย่างไร คงเป็นเพราะว่ามีการวิเคราะห์ว่า ส.ส.พรชัยจะไปอยู่พรรคเพื่อไทยได้อย่างไร เพราะไปทับซ้อนกับคนของพรรคเพื่อไทยที่มีการเปิดตัวไปแล้ว 

ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า ประเด็นต่อมาคือ อนาคตของพรรคเศรษฐกิจไทย ก็ยังคงทำกิจกรรมทางการเมืองต่อไป เพราะเราไม่ได้มีการยุบพรรค เพียงแต่ ส.ส.ที่เป็นกรรมการบริหารสิ้นสภาพเนื่องจากผมซึ่งเป็นหัวหน้าพรรคได้ลาออกเท่านั้นเอง แล้วเราก็ตั้งหัวหน้า เลขาฯ และกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่มาดำเนินกิจกรรมตามนโยบายของพรรคเศรษฐกิจไทย ตามกฎหมายพรรคการเมืองตามปกติ  

"ในวันที่มีการประชุมที่พะเยา ผมได้กราบเรียนพี่น้องสื่อมวลชนว่า นี่เป็นขั้นตอนแรกของสมาชิกพรรคที่การลาออกจากกรรมการบริหารพรรค จากนี้ต่อไป ส.ส.ของพรรคเศรษฐกิจไทยทั้งหมด จะตัดสินใจอนาคตทางการเมืองอย่างไร เรายังไม่ได้คิด เพราะยังมีเวลาอีกพอประมาณ หากใกล้ๆ วันหรือสถานการณ์ทางการเมืองเปลี่ยนแปลงไป เราจะมีการประชุมกันเพื่อหารือและลงมติกันว่าเราจะเลือกอนาคตทางการเมืองของเราอย่างไร ที่สำคัญคือเราไม่เคยระบุว่าเราจะอยู่ไหน และเราจะไปไหน มีเพียงการคาดเดาของสื่อมวลชนเท่านั้น" ร.อ.ธรรมนัสกล่าว

ส่วน นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี ส.ส.พรชัยเช่นกันว่า เพิ่งทราบข่าว ยังไม่แน่ใจว่าเป็นมติของพรรคเขาหรือไม่ การที่ ส.ส.คนใดคนหนึ่งพูดก็เป็นข้อที่เราต้องรับฟังไว้ ส่วนจะเป็นข้อเท็จจริงตามนั้นหรือไม่นั้น ไม่แน่ใจ ขณะนี้ยังไม่ได้รับการประสานในเรื่องดังกล่าว ร.อ.ธรรมนัสไม่ได้เคยออกมาพูด มีแต่สื่อเท่านั้นที่ช่วยคุยให้.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง