จับตาหลังเอเปก พปชร.ลุ้น‘บิ๊กตู่’ตัดสินใจอยู่ครบเทอมหรือยุบสภา

"นิโรธ" ชี้จับตาสัญญาณการเมืองหลังประชุมเอเปก บอกรอดู "บิ๊กตู่" ตัดสินใจ อยู่ครบเทอมหรือยุบสภา ปัดข่าวแกนนำ พปชร.ชง "บิ๊กป้อม" เลิกดูแล ส.ส.ย้ายพรรค หนุน "หม่อมอุ๋ย" กลับมาคุมทีม ศก. "ธนกร" ฟุ้งสมัยหน้า พปชร.กวาด ส.ส.ใต้เพิ่ม "ปชป." เตรียมเปิดตัวผู้สมัคร ส.ส.เมืองคอน 9 เขต 12 พ.ย.นี้ "ชินวรณ์" มั่นใจได้ยกจังหวัด "ชทพ." ขึงขังไม่ยอมให้แก้  ม.112 แน่

เมื่อวันที่ 20 ต.ค. นายนิโรธ สุนทรเลขา ส.ส.นครสวรรค์ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และประธานคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วิปรัฐบาล) กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมการเลือกตั้งว่า ขณะนี้ยังไม่ใกล้เลือกตั้ง ต้องรอดูสถานการณ์หลังเอเปกสัญญาณจึงจะชัดเจน รวมทั้งร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ยังอยู่ในการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งไม่ทราบว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร  และจะผ่านหรือไม่ โดยส่วนตัวคาดว่าผลการวินิจฉัยจะออกมาช่วงหลังปีใหม่

“ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับกติกาการเลือกตั้งก็ยังเป็นแบบครึ่งบกครึ่งน้ำ โดยผมก็ไม่ทราบว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม จะให้รัฐบาลอยู่ครบวาระ 4 ปีหรือไม่ หรือพอใกล้ๆ แล้วก็ประกาศยุบสภา” นายนิโรธกล่าว

ถามถึงกรณีแกนนำพรรค พปชร. เตรียมเสนอ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ  รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร. จัดการกับกลุ่ม ส.ส.ที่มีแนวโน้มย้ายพรรค มีข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร นายนิโรธกล่าวว่า ไม่ทราบ เพราะติดลงพื้นที่และพบกับประชาชน

ซักว่า พรรค พปชร.หาคนที่จะมาเป็นมือเศรษฐกิจที่จะมาอยู่ในรายชื่อแคนดิเดตนายกฯ เพื่อเรียกความเชื่อมั่นจากประชาชนหรือยัง นายนิโรธกล่าวว่า เป็นเรื่องที่ผู้ใหญ่ต้องพูดคุยกัน ตนในฐานะที่ไม่ได้อยู่วงในจึงตาไม่ถึง แต่มือเศรษฐกิจที่มีอยู่ปัจจุบันจะเด่นด้านการตลาดเสียส่วนใหญ่ อาจจะมาจากตลาดหลักทรัพย์ นักธุรกิจ นักวิชาการด้านการตลาด โดยคิดว่ามือเศรษฐกิจของพรรค พปชร.ควรจะมาจากผู้เชี่ยวชาญเศรษฐกิจมหภาค 

“ที่ผมเห็นคนหนึ่งคือ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล เพราะหลังจากผ่านโควิด-19 ประเทศต้องการมือเศรษฐกิจระดับมหภาค ที่สามารถสร้างความมั่นคงให้กับประเทศได้ ผมคิดว่าผู้ใหญ่ของพรรค พปชร.และ พล.อ.ประยุทธ์ก็มองเห็นถึงประเด็นนี้ ทั้งนี้ มือเศรษฐกิจไม่จำเป็นต้องมาเป็นนายกฯ แต่มาเป็นทีมเศรษฐกิจก็ได้” นายนิโรธกล่าว

ส่วนนายธนกร วังบุญคงชนะ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค พปชร. กล่าวว่า จากการที่ได้ลงพื้นที่พบประชาชนในจังหวัดภาคใต้ รวมทั้งได้พูดคุยกับ ส.ส.ภาคใต้ของพรรค เช่น นครศรีธรรมราช สงขลา ภูเก็ต และยะลานั้น ทำให้วันนี้มั่นใจว่าในการเลือกตั้งครั้งหน้าพรรคภายใต้การนำของ พล.อ.ประวิตรจะได้ ส.ส.เขตเลือกตั้งในพื้นที่ภาคใต้เพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน เพราะที่ผ่านมารัฐบาลมีผลงานอย่างเป็นรูปธรรมชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ถนนหนทาง สนามบิน โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โครงการคนละครึ่ง อีอีซี การแก้ปัญหาโควิด-19 การดูแลเกษตรกร ฯลฯ

 “ประชาชนในพื้นที่ภาคใต้ต่างชื่นชอบ พล.อ.ประยุทธ์ เพราะมีผลงานชัดเจน มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ รักชาติ รักประชาชน เทิดทูนสถาบัน ที่สำคัญท่านนายกฯ เป็นคนที่ทำมากกว่าพูด เข้าไปลุยแก้ปัญหามากกว่าวิจารณ์อยู่แต่ในห้องแอร์ เน้นทำงานมากกว่าเล่นเกมการเมือง จึงถือได้ว่าเวลานี้ พล.อ.ประยุทธ์ได้เข้าไปนั่งอยู่ในหัวใจของพี่น้องคนใต้เรียบร้อยแล้ว ดังนั้นเชื่อว่าการเลือกตั้งสมัยหน้านอกจากจะรักษาเก้าอี้ ส.ส.เดิมในภาคใต้ไว้ได้แล้ว ยังอาจจะได้ ส.ส.ภาคใต้หน้าใหม่ของพรรคเพิ่มขึ้นอีกด้วย” นายธนกรกล่าว

ขณะที่นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์  (ปชป.) กล่าวถึงการเตรียมผู้สมัคร ส.ส.ในจังหวัดนครศรีธรรมราชทั้ง 9 เขตว่า  ขณะนี้ได้ผู้สมัครครบทั้ง 9 เขตแล้ว โดยจะมีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 12 พ.ย. มีนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรค พร้อมด้วยนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะเลขาธิการพรรค เป็นผู้ไปเปิดตัวผู้สมัครทั้ง 9 เขต

นายชินวรณ์กล่าวว่า ในการเปิดตัวครั้งนี้ มีบุตรสาวของตนลงสมัครในเขต 6 ด้วย คือ น.ส.ปุณณ์สิริ บุณยเกียรติ ซึ่งเชื่อว่าจะสามารถประสานกับคนรุ่นเก่าและรุ่นใหม่ในพรรคได้ มั่นใจว่าการเลือกตั้งครั้งหน้าประชาชนจังหวัดนครศรีธรรมราชจะขานรับพรรค ปชป. จึงเชื่อว่าเราสามารถทำได้ทั้ง 9 เขต เนื่องจากเราได้คนรุ่นใหม่และคนรุ่นเก่าประสานเป็นเนื้อเดียวกัน พรรคมีกระแสที่ดีขึ้นในภาคใต้ และการเลือกตั้งในระบบบัตรสองใบ จะทำให้ประชาชนตัดสินใจเลือกคนที่เรารัก เลือกพรรคที่เราชอบ เหมือนที่ประชาชนเคยตัดสินใจมาแล้ว

“วันนี้พรรค ปชป.ที่ประชาชนพูด เขาบอกว่าพรรค ปชป.ก็เหมือนกับยางพารา มีขึ้นมีลง เป็นพืชเศรษฐกิจ แต่พรรคอื่น เป็นบอนสี ดังชั่วคราวเท่านั้นเอง” นายชินวรณ์กล่าว

ปชป.-ชทพ.ลั่นไม่แก้ 112

ต่อมานายชินวรณ์แถลงข่าวในฐานะประธานวิปพรรค ปชป. และรองประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญส่งร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองไปให้สำนักสำนวนคดีไปศึกษาเพิ่มเติมว่าเป็นไปตามกระบวนการของกฎหมายรัฐธรรมนูญ และมีการร่างขึ้นมาด้วยกฎหมายหรือไม่ว่า เป็นกระบวนการปกติที่เป็นไปตามระเบียบการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ หากดูห้วงเวลาการพิจารณา คิดว่ายังอยู่ในห้วงเวลาที่ กกต.สามารถดำเนินการได้ทันการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในครั้งต่อไป

“ในฐานะ กมธ. เห็นว่ากฎหมายพรรคการเมืองเป็นร่างของพรรคร่วมรัฐบาล และได้ผ่านด้วย กมธ.ด้วยเสียงข้างมาก และมีการพิจารณาอย่างรอบด้านแล้ว และหากสำนักงานสอบสวนของศาลรัฐธรรมนูญต้องการข้อมูลเพิ่มเติม ทาง กมธ.ก็ยินดีให้ข้อมูลอย่างครบถ้วน ส่วนกฎหมายเลือกตั้ง ส.ส.นั้นผมไม่ค่อยเป็นห่วง เพราะร่างที่ผ่านรัฐสภา เป็นร่างที่ยึดตามร่างที่ กกต.เสนอมา จึงเชื่อว่า กกต.จะสามารถให้ข้อมูลอย่างรอบด้านได้” นายชินวรณ์กล่าว

ถามถึงกรณีที่พรรคก้าวไกลมีการเสนอให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญแบบก้าวหน้า 9 ประเด็น นายชินวรณ์กล่าวว่า จุดยืนของพรรค ปชป. ชัดเจนว่าเราจะขอแก้ไขกฎหมายรัฐธรรมนูญทุกประเด็น โดยเสนอให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ขึ้นมายกร่างรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ ดังนั้นมีประเด็นใดก็แล้วที่จะทำให้รัฐธรรมนูญเป็นประชาธิปไตยมากยิ่งขึ้น เราไม่ขัดข้อง แต่ไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขมาตรา 112 และหมวดที่เกี่ยวข้องกับพระมหากษัตริย์

 “พรรค ปชป.เห็นด้วยกับการทำประชามติ พร้อมการเลือกตั้งครั้งถัดไปเหมือนเคยพูดในสภามาแล้ว เพื่อให้ประชาชนร่วมแสดงความคิดว่าจะให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับหรือไม่ และประหยัดงบประมาณถึง 3 พันล้านบาท รวมทั้งให้สอดคล้องกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่เคยมีคำวินิจฉัยออกมาว่า หากจะแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับต้องทำประชามติก่อน เพื่อที่จะได้ยึดมั่นตามประชามติของประชาชน” นายชินวรณ์กล่าว

ด้านนายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) กล่าวถึงจุดยืนของพรรค ชทพ.ในประเด็นประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ว่า จุดยืนของพรรค ชทพ.คือเราจะไม่ไปยุ่งอะไรกับมาตรา 112 เพราะตั้งแต่ตนเกิดมาจนถึงทุกวันนี้ ก็ไม่เห็นคนทั่วไปมีปัญหา อีกทั้งปัจจุบันขนาดบุคคลธรรมดายังมีคดีหมิ่นประมาทอยู่ในศาลตั้งหลายร้อยหลายพันคดี ซึ่งมาตรา 112 ไม่ใช่มาตราที่หาเรื่องใคร แต่ใช้เพื่อปกป้องสถาบันอันเป็นที่รัก หากมีใครอุตริไปหาเรื่อง เราจะต้องมีอุปกรณ์หรือกฎหมายใดปกป้องสถาบันได้ ทั้งนี้ มาตรา 112 มีมาตั้งแต่สมัยปู่ย่าตายาย ไม่เห็นใครมีปัญหา หัวเด็ดตีนขาดก็ต้องมีมาตรา 112 รอให้ดินกลบหน้าตนไม่ยอมแก้มาตรา 112 แน่นอน

ที่ อ.เมืองฯ จ.ชัยนาท นายวัชระ กรรณิการ์ รองเลขาธิการพรรคสร้างอนาคตไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ภาคกลาง พร้อมด้วยนายโอฬาร ตั้งวงศ์กิจ ผู้ประสานงานพรรคสร้างอนาคตไทย จ.ชัยนาท, นายประวิทย์ สุวรรณสัญญา ผู้ประสานงานพรรคสร้างอนาคตไทย จ.พระนครศรีอยุธยา และทีมงาน ลงพื้นที่พบปะพูดคุยแกนนำและกลุ่มชาวบ้าน จ.ชัยนาท

นายวัชระกล่าวว่า อยากฝากพี่น้องประชาชนชาว จ.ชัยนาท ว่าตำแหน่งทางการเมืองใดๆ ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่ง ส.ส. หรือตำแหน่งทางการเมืองอื่นๆ ล้วนแล้วแต่เป็นของประชาชนคนไทยทุกคน ไม่ใช่มรดกหรือสมบัติประจำตระกูลที่คิดจะมอบให้ลูกให้หลาน ให้พี่ให้น้องหรือบุคคลใกล้ชิดไปครอบครองตามอำเภอใจ เพราะฉะนั้นจงอย่าเลือกเพราะความเกรงใจหรือรู้จักมักคุ้นเพียงเท่านั้น แต่จงเลือกคนที่เราเห็นว่าจะทำงานให้กับเราอย่างจริงจัง ไม่ทิ้งพื้นที่

“ผมขอให้ทุกท่านตระหนักเอาไว้เสมอว่าตำแหน่ง ส.ส.คือตัวแทนของเราทุกคนอย่างแท้จริง ในการเป็นปากเสียงและดูแลพวกเราในพื้นที่ ซึ่งบัดนี้ผมมองว่าถึงเวลาแล้วที่ทุกคนจะต้องรักษาสิทธิอันชอบธรรมของตนเองในการที่จะชี้ชะตาและกำหนดอนาคตของ จ.ชัยนาท ว่าจะให้เดินไปในทิศทางใด จะย่ำรอยอยู่กับสิ่งเดิมๆ หรือจะแสวงหาทางเลือกใหม่ๆ” นายวัชระกล่าว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง