‘อวตาร’ปั่นล้มเจ้า แฉปลุกจากต่างประเทศ กระทบต่อความมั่นคงของชาติ

.vce-row-container .vcv-lozad {display: none}

คึกคัก! "บิ๊กป้อม" ลงใต้ โชว์ผลงานสานสัมพันธ์ซาอุฯ ส่วน "จุรินทร์" ลั่นไม่เอาล้มเจ้า ไม่เอายาเสพติด ซูเปอร์โพล์แฉ โซเชียลปั่นล้มรัฐบาล เลิก ม.112 จากต่างประเทศ ใช้บัญชีอวตาร เพื่อซ่อนและปกปิด บิดเบือนที่อยู่ของตนเอง

เมื่อวันที่​ 22 ตุลาคม 2565 มีความเคลื่้อนไหวของรัฐบาลและพรรคการเมืองในการลงพื้นที่กันอย่างคึกคัก โดยเวลา 10.30 น. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ ลงพื้นที่ จ.ยะลาและปัตตานี ติดตามขับเคลื่อนงานพัฒนาและความมั่นคงในพื้นที่

พล.อ.ประวิตรได้เข้าเยี่ยมชม นิทรรศการท้องฟ้าจำลอง จากการจัดตั้ง “หอเฉลิมพระเกียรติรายอกีตอ” ตามพระราชดำริสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์และดาราศาสตร์ และติดตามการช่วยเหลือแรงงานไทยจากสถานการณ์โควิด-19 และการเตรียมการจัดแรงงานไทยจาก จชต.ไปทำงานประเทศซาอุดีอาระเบีย ณ ศูนย์ราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยอธิบดีกรมจัดหางาน

ต่อจากนั้นได้ทำพิธีเปิด “มหกรรมแรงงานไทย จากจังหวัดชายแดนใต้สู่ตลาดแรงงานที่มีทักษะโลกมุสลิม” และพบปะแรงงานที่ประสงค์เดินทางไปต่างประเทศ จากนั้นได้ติดตามการขับเคลื่อนงานพัฒนาและความมั่นคงในพื้นที่ โดยรับทราบการเปิดสถาบันภาษานานาชาติ เน้นการเรียนรู้ ทั้งภาษาไทย มลายู อาหรับ ตุรเคีย มลายู จีน และอังกฤษ พร้อมทั้งเยี่ยมชมการจัดการเรียนการสอนภาษา 4 ภาษา

พล.อ.ประวิตรได้แสดงความขอบคุณศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) และกระทรวงแรงงาน ที่ร่วมแก้ปัญหาการว่างงานของประชาชนในพื้นที่ระหว่างสถานการณ์โควิด-19 ได้กว่า 14,500 ราย และขับเคลื่อนความร่วมมือแรงงานไทย-ซาอุดีอาระเบียและประเทศมาเลเซีย ได้กว่า 30,000 ตำแหน่งงาน โดยสั่งการ ศอ.บต.ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมเรียนรู้และการพัฒนาตามช่วงวัยของเด็กเล็ก ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนที่ไม่มีงานทำและขาดรายได้ โดยเน้นความทั่วถึง ทั้งการส่งเสริมอาชีพและจัดหางาน

ที่ จ.สมุทรสาคร นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พร้อมด้วยนายสาธิต ปิตุเตชะ รองหัวหน้าพรรค ซึ่งดูแลภาคกลาง และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดตัวผู้สมัครทั้ง 4 เขต ประกอบด้วย เขต 1 นายชวพล วัฒนพรมงคล นักการเมืองรุ่นใหม่ เป็นรองนายกเทศมนตรีนครสมุทรสาคร เป็นรองประธานหอการค้าจังหวัดสมุทรสาคร, เขต 2 นายภูดิส แก้วตระกูลโชติ วิศวกรหนุ่ม อดีตรองนายก อบต.ท่าทราย, เขต 3 นายธนวัฒน์ ทองโต (ส.จ.ช้าง) เป็นทนายความ และเขต 4 นายนิติรัฐ สุนทรวร อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ เขต 3

นายจุรินทร์กล่าวว่า ตนและพรรคประชาธิปัตย์มีความรู้จักมักคุ้นกับคนในพื้นที่มาเป็นเวลานาน จึงได้เตรียมการเรื่องพื้นที่ โดยเฉพาะการปรับตัวให้เข้ากับรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เพราะการเลือกตั้งเที่ยวหน้าจะไม่เหมือนครั้งที่แล้ว ที่เป็นการเลือกตั้งด้วยบัตรใบเดียว นำคะแนนพรรคกับคะแนนคนมามัดรวมกันเป็นข้าวต้มมัด แต่การเลือกตั้งเที่ยวหน้า จะแยกเป็นบัตร 2 ใบ เพราะเป็นร่างรัฐธรรมนูญใหม่ที่แก้ไขเสนอโดยพรรคประชาธิปัตย์ ทำให้การเลือกตั้งเป็นประชาธิปไตยมากยิ่งขึ้น ให้เสรีภาพกับประชาชนในการเลือกคนกับพรรคได้

นายจุรินทร์ยังกล่าวถึงแนวคิดประชาธิปไตยท้องอิ่มว่า มั่นใจว่าประชาชนและประเทศไทยยามนี้ต้องการ และต้องการเห็นความชัดเจนในรายละเอียดของนโยบายที่จะตามมาว่า ประชาธิปไตยท้องอิ่มประกอบด้วยอะไรบ้าง ที่จะทำให้บ้านเมืองเป็นประชาธิปไตยยิ่งขึ้น และทำให้คนไทยทั้งประเทศท้องอิ่มขึ้น เศรษฐกิจดีขึ้น นี่คือจุดยืนที่เราประกาศชัดเจน

"จุดยืนประชาธิปัตย์ที่เราก็แสดงออกด้วยการพูดจามาก่อนหน้านี้ก็คือ เรายึดมั่นในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และที่สำคัญคือ ไม่เอาล้มเจ้า ไม่เอายาเสพติด ซึ่งเป็นจุดที่ผมคิดว่ามีความสำคัญ และสังคมก็ต้องการเห็นการเดินหน้าที่มีความชัดเจนในสิ่งเหล่านี้” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าว

ผศ.ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) เปิดเผยข้อมูลโลกออนไลน์เรื่อง ความจริงในโลกโซเชียล กรณีศึกษาข้อมูลในโลกโซเชียล ผ่านเทคโนโลยีที่ประยุกต์ใช้กรอบการปฏิบัติการข้อมูลขั้นสุทธิ (Net Assessment) และระเบียบวิธีวิทยาการด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cybersecurity Methodology) จากแหล่งข้อมูลพฤติกรรมการใช้โซเชียลมีเดียของกลุ่มบัญชีผู้ใช้สื่อออนไลน์ในประเทศและต่างประเทศ ระหว่างวันที่ 10 กันยายนถึง 21 ตุลาคม พ.ศ.2565 ที่ผ่านมา

ประเด็นที่น่าพิจารณาคือ ความจริงในโลกโซเชียลทางการเมืองในการศึกษาครั้งนี้คือ การปลุกปั่นกระแสกระทบเสถียรภาพของรัฐบาล มีจำนวนตัวอย่างที่เก็บรวบรวมมาจากโลกโซเชียลทั้งภายในประเทศและต่างประเทศทั้งสิ้น 27,065 ตัวอย่าง พบว่า จำนวน 24,868 ตัวอย่างหรือร้อยละ 91.88 เป็นการปั่นมาจากต่างประเทศ เพื่อกระทบต่อเสถียรภาพของรัฐบาล เช่น ไล่ประยุทธ์ ประยุทธ์ออกไป ในขณะที่จำนวน 2,197 ตัวอย่าง หรือร้อยละ 8.12 ปั่นภายในประเทศ โดยมีค่าเฉลี่ยจำนวนครั้งของการปั่นจำนวน 621.7 ครั้ง ในช่วงระยะเวลาประมาณ 30  กว่าวันที่ผ่านมา

นอกจากนี้ เมื่อนำประเด็นความจริงในโลกโซเชียลที่กระทบต่อความมั่นคงชาติ เช่น การยกเลิก ม.112 การปลุกปั่นประเด็นที่นำไปสู่ความขัดแย้งรุนแรงบานปลายมาพิจารณา ได้พบแนวโน้มของการปลุกปั่นกระแสกระทบต่อความมั่นคงของชาติ เช่น ยกเลิก ม.112 และการปฏิรูปสถาบัน และอื่นๆ พบว่า การปลุกปั่นกระแสกระทบความมั่นคงของชาติ มีจำนวนตัวอย่างที่เก็บรวบรวมมาจากโลกโซเชียลทั้งภายในประเทศและต่างประเทศทั้งสิ้น 42,008 ตัวอย่าง พบว่า จำนวน 38,170 ตัวอย่าง หรือร้อยละ 90.86 เป็นการปั่นมาจากต่างประเทศ เพื่อกระทบต่อความมั่นคงของชาติ ในขณะที่จำนวน 3,838 ตัวอย่าง หรือร้อยละ 9.14 ปั่นภายในประเทศ โดยมีค่าเฉลี่ยจำนวนครั้งของการปั่นจำนวน 95.95 ครั้ง ในช่วงระยะเวลาประมาณ 30  กว่าวันที่ผ่านมา

เมื่อเจาะลึกข้อมูลไปยังฐานข้อมูลกลุ่มผู้ปั่นกระแสกระทบต่อความมั่นคงชาติ ทั้งภายในประเทศและภายนอกประเทศ พบว่า เกือบร้อยละ 100 ที่เป็นการใช้ชื่อบัญชีอวตาร หรือบัญชีทิพย์ ไม่มีตัวตนแท้จริง เช่น Mxxxxboobxx1 และกลุ่มที่ใช้สัญลักษณ์อักขระเชิงรูปภาพ การ์ตูน ที่คอยปั่นกระแสยกเลิก ม.112 และปลุกปั่นมาจากต่างประเทศที่มีการใช้ VPN เพื่อซ่อนและปกปิด บิดเบือนที่อยู่ของตนเองให้เข้าใจผิดเรื่องแหล่งที่มาของการปลุกปั่นกระแสกระทบต่อความมั่นคงของชาติ เช่น ระบุว่ามาจากแอฟริกาใต้ แต่จริงๆ อยู่ประเทศไทยและประเทศอื่นๆ เช่น ตุรกี สิงคโปร์ อเมริกา เกาหลี และประเทศเพื่อนบ้านของไทย เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม เครื่องมือที่ใช้ยืนยันได้อย่างแน่นอนว่ามีการปลุกปั่นกระแสกระทบต่อเสถียรภาพของรัฐบาลและความมั่นคงของชาติมาจากต่างประเทศอย่างชัดเจน ที่ยืนยันได้จากข้อมูลที่เป็นวิทยาศาสตร์ โดยที่ประชาชนในประเทศจะหลงกระแสไปกับภาพจำว่ากระแสต่อต้านรัฐบาลและความมั่นคงของชาติเกิดขึ้นอย่างกว้างขวาง และคิดกันไปว่าเป็นอย่างนั้นจริงๆ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง