ฟันญาติ‘เคร้อยล้าน’ ซัดป้องม.112เถยจิต

ตำรวจนัด “เค ร้อยล้าน” พบ 8 พ.ย.ฟ้องคดีขู่ระเบิดและล็อกคอธนาธร “บิ๊กเด่น” ลั่นประชุมเอเปกไม่มีกรณีแบบนี้แน่ อึ้ง! พิจารณ์บอกทำร้าย "พ่อฟ้า" ถือเป็นความรุนแรงยิ่งกว่ากรณี "ศรีสุวรรณ" เพราะเป็นการสร้างสถานการณ์! “ดร.นิว-อดีตบิ๊กข่าวกรอง” รุมอัดอย่าโหนคนจิตป่วยเอี่ยวแก้มาตรา 112 “ปิยบุตร” ไลฟ์สดยกต่างประเทศมีแต่จะยกเลิก กม.แบบนี้ ซัดพวกเถยจิตที่ปกป้อง ไม่ต่างจากทำกัญชาถูกกฎหมาย โวหาก “ก้าวไกล” ได้คะแนนเสียงถล่มทลายจะหมายถึงอะไร

เมื่อวันจันทร์ที่ 24 ตุลาคม ยังคงมีความต่อเนื่องจากกรณีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ถูกนายคเณศพิศณุเทพ จักรภพมหาเดชา หรือ เค ร้อยล้าน บุกทำร้ายร่างกายขณะพบปะนักอ่านในบูธหนังสือมูลนิธิคณะก้าวหน้า และข่มขู่มีระเบิดในงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

โดย พ.ต.อ.นิมิตร นูโพนทอง ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลลุมพินี ระบุว่า เมื่อคืนวันที่ 23 ต.ค.เจ้าหน้าที่ได้ดำเนินคดีกับเค ร้อยล้าน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 384 เนื่องจากเป็นคดีลหุโทษ จากนั้นนำตัวไปตรวจสุขภาพจิตที่โรงพยาบาลสมเด็จเจ้าพระยาก่อนปล่อยตัวชั่วคราว โดยมีลูกชายนำตัวไปรักษาต่อที่ รพ.เอกชนแห่งหนึ่ง  ซึ่งเจ้าหน้าที่นัดหมายให้เค ร้อยล้าน มาพบพนักงานสอบสวนอีกครั้งวันที่ 8 พ.ย. เพื่อรวบรวมหลักฐานสอบสวน ผลการตรวจสุขภาพจิต และดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายฟ้องร้องต่อไป

 “นายธนาธรเมื่อคืนได้เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวนแล้วให้ดำเนินคดีกับเค ร้อยล้าน ข้อหาทำร้ายร่างกาย  ทำหนังสือส่งไปตรวจร่างกายที่ รพ.เมดพาร์ค รอผลการตรวจร่างกาย ซึ่งในวันที่ 8 พ.ย.จะแจ้งข้อหาดังกล่าวต่อไป และถ้าเป็นไปได้ก็อาจส่งให้อัยการวันเดียวกันเลย เนื่องจากเป็นเหตุการณ์ต่อเนื่องกัน ส่วนสมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย (PUBAT) ในฐานะผู้จัดงานมหกรรมหนังสือยังไม่ได้ส่งตัวแทนเข้าแจ้งความเค ร้อยล้านที่ป่วนงานดังกล่าว” พ.ต.อ.นิมิตรระบุ

ด้าน พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวว่า ตำรวจจะบังคับใช้กฎหมายในทุกคดีที่เกิดขึ้น ซึ่งเคยกำชับแล้วว่าสถานที่ราชการหรือพื้นที่สาธารณะต่างๆ จะเน้นย้ำเป็นพิเศษ หรือหากพบเห็นว่าเป็นการกระทำผิดซึ่งหน้าก็จะดำเนินการทันที  แต่ในบางครั้งที่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้อยู่ในพื้นที่หรือพบเห็น ก็จะมีการดำเนินคดีในภายหลัง ซึ่งกรณีนายธนาธรได้แจ้งความดำเนินคดีไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทั้งเรื่องการก่อเหตุ และการอ้างมีระเบิด แต่พฤติกรรมของนายคเณศพิศณุเทพนั้นมีลักษณะคล้ายผู้ป่วยทางจิต จึงได้ส่งตัวไปให้แพทย์ตรวจ  ขณะนี้กำลังรอผลตรวจ และความเห็นของแพทย์จิตเวชว่าจะดำเนินคดีต่อไปได้ หรือต้องชะลอการดำเนินคดีจนกว่าจะรักษาให้หายก่อน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความเห็นของแพทย์

 “ข้อหาที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งไปนั้นมีอัตราโทษทั้งจำทั้งปรับ แต่เป็นคดีลหุโทษ ซึ่งผู้ต้องหาปฏิเสธทุกข้อหา ตำรวจก็จะรอผลตรวจของโรงพยาบาลก่อนเพื่อสรุปสำนวนคดีและดำเนินการต่อไป ซึ่งเหตุการณ์ในลักษณะนี้ต้องถอดบทเรียน และให้แพทย์แนะนำญาติด้วยว่าต้องรักษาตัวอย่างไร และไม่ให้ปล่อยให้ออกมาก่อเหตุซ้ำในลักษณะแบบนี้อีก” พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ระบุ

เมื่อถามถึงการป้องกันการก่อเหตุความวุ่นวายในช่วงการประชุมสุดยอดผู้นำเอเปก 2022 พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ระบุว่า นายคเณศพิศณุอยู่ในการดูแลของแพทย์และอยู่ในสายตาของตำรวจ รวมทั้งในช่วงของการประชุมเอเปกก็จะมีการจับตาบุคคลประเภทนี้ทุกฝีก้าว และจะใช้ทุกมาตรการในการป้องกันให้ดีขึ้นเพื่อไม่ให้ไปก่อเหตุให้เกิดปัญหา ทั้งเรื่องการประชุมเอเปกและความเห็นต่างของฝ่ายตรงข้ามอีกด้วย

บช.น.เตรียมดูหลักฐานฟันญาติ

พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) ในฐานะโฆษก บช.น. กล่าวว่า สน.ลุมพินีอยู่ระหว่างพิจารณาว่าพฤติการณ์ที่ปล่อยให้เค ร้อยล้าน ออกมาทำความเดือดร้อนแก่บุคคลและประชาชนโดยส่วนใหญ่หลายครั้ง รวมแล้วมากกว่า 3-4 ครั้งขึ้นไป จะเข้าข่ายเป็นการปล่อยปละละเลยไม่ดูแลผู้ป่วย จนทำให้เกิดความเดือดร้อนหรือไม่ หากพบว่ามีพฤติการณ์เข้าข่ายก็จำเป็นต้องดำเนินคดีกับญาติหรือผู้ดูแลที่ระบุไว้

พล.ต.ต.จิรสันต์ยังกล่าวถึงคดีของเค ร้อยล้าน ว่ามีการบุกเข้าทำร้ายร่างกายนางวรวรรณ แซ่อั้ง หรือป้าเป้า บริเวณสกายวอล์ก ขณะจัดกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์วาดแมวหยุดขัง เพื่อขอคืนสิทธิประกันตัวให้นักโทษทางการเมือง ซึ่ง สน.ปทุมวันมีการทำสำนวนส่งฟ้อง แต่เมื่อถึงวันนัดส่งตัวให้อัยการ นายคเณศพิศณุเทพไม่มาตามนัด สน.ปทุมวันจึงขออนุมัติหมายจับไว้เป็นที่เรียบร้อยเมื่อวันที่ 23 ต.ค. ก่อนจะกลับมาก่อเหตุความวุ่นวายอีกครั้งในงานมหกรรมหนังสือแห่งชาติ ส่วนคดีที่นำงูไปปล่อยบนถนนราชดำริ พนักงานสอบสวนได้นัดหมายให้นายคเณศพิศณุเทพมาพบเพื่อส่งฟ้องต่อศาลแขวงปทุมวันอีกครั้งในวันที่ 3 พ.ย.นี้

 “บช.น.พร้อมดำเนินการดูแลความปลอดภัยการประชุมเอเปกที่จะถึงนี้ ว่าจะไม่มีความวุ่นวายในลักษณะนี้เกิดขึ้นแน่นอน” พล.ต.ต.จิรสันต์กล่าว

ขณะที่นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) กล่าวเรื่องนี้ว่า เรื่องนี้น่าจะเกิดจากความไม่พอใจของนายเคต่อนายธนาธร ซึ่งต้องประณามการกระทำของนายเค เพราะเป็นพฤติกรรมที่สร้างความตระหนกตกใจให้พี่น้องประชาชนที่อยู่ภายในศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ และถ้าเราเปรียบเทียบเรื่องนี้กับกรณีก่อนหน้านี้ของลุงศักดิ์ ที่พยายามเตะต่อยนายศรีสุวรรณในขณะที่แถลงข่าวอยู่ เปรียบเทียบ 2 เรื่องนี้แน่นอนไม่เห็นด้วยกับการใช้ความรุนแรง แต่คิดว่าในกรณีนายเคเป็นกรณีที่ต้องระวังเป็นอย่างยิ่ง และเป็นห่วงว่าจะเกิดการลอกเลียนแบบขึ้นในอนาคต คือมันไม่ใช่เรื่องของการทำร้ายที่ตัวบุคคล แต่มันเป็นการพยายามสร้างสถานการณ์

 “หากประชาชนวิ่งหลบหนีกันแล้วมีผู้ได้รับบาดเจ็บ จะเป็นเหตุการณ์ที่รุนแรง เชื่อว่าทุกคนเสียใจและไม่อยากให้เกิดขึ้น เราดูกรณีนี้เปรียบเทียบกับต่างประเทศก็มีให้เห็นบ้าง ที่ผู้นำบางประเทศถูกต่อต้าน โดนปารองเท้าใส่หรือตบหน้าก็เป็นที่ตัวบุคคล แต่กรณีนี้ร้ายแรงกว่านั้น ยังไม่เข้าใจว่านายเคทำเพื่ออะไร” นายพิจารณ์ กล่าวและว่า ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์จะใช้เป็นสถานที่จัดประชุมเอเปกที่กำลังจะถึง ประเด็นนี้น่าสนใจ เชื่อว่าคงจะเป็นบทเรียนและกรณีศึกษาให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยต่อไป

 ด้านคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.)  และสมาคมสิทธิเสรีภาพของประชาชน (สสส.) ได้ออกแถลงการณ์แสดงความกังวลทั้งกรณีนายศรีสุวรรณและนายธนาธร โดยเรียกร้องว่า 1.ขอให้ทุกคนร่วมกันปฏิเสธการใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบที่กระทำต่อบุคคลด้วยเหตุผลทางการเมือง 2.ขอให้ภาครัฐพึงเฝ้าระวัง และเตรียมแผนการยับยั้งการใช้ความรุนแรงระหว่างประชาชนด้วยกันที่อาจเกิดขึ้นต่อได้อีกในอนาคตอย่างจริงจัง 3.ขอให้สื่อมวลชนนำเสนอข่าวในเชิงที่มุ่งการแก้ปัญหาความรุนแรง หยุดการนำเสนอข่าวในลักษณะที่ยั่วยุ 4.ขอให้สถาบันทางวิชาการและภาคประชาสังคม ร่วมกันหาทางให้ประชาชนได้มีโอกาสที่จะมาร่วมกันคิดหาแนวทางในการอยู่ร่วมกันอย่างสร้างสรรค์ท่ามกลางความเห็นต่างทางการเมือง และ 5.รัฐบาลต้องปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมทุกขั้นตอน

ขณะที่นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย โพสต์เฟซบุ๊กว่า "ช่วยหยุดพฤติกรรมเลียนแบบ! อย่าปล่อยให้สังคมไทยป่วยยิ่งไปกว่านี้ ขัดแย้งกันได้ เป็นเรื่องธรรมดา แต่ต้องมีอารยะ"

ซัดอย่าโหน ‘เค ร้อยล้าน’ กับ 112

นายนันทิวัฒน์ สามารถ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ โพสต์เฟซบุ๊กเช่นกันในหัวข้อ  “อย่ามั่ว” ว่าไม่เห็นด้วยกับการกระทำของเค ร้อยล้านในทุกๆ  เหตุการณ์ที่ผ่านมา ซึ่งเค ร้อยล้านเป็นคนป่วย เป็นตัวป่วนที่น่าเป็นห่วง สามารถสร้างความวุ่นวายให้กับสังคมที่ควรได้รับการดูแลเป็นพิเศษ แต่ก็มีคนประสาทบางคนจินตนาการว่าเค ร้อยล้านออกมาต่อต้าน ออกมาป่วนคนที่ต้องการปฏิรูปสถาบัน ก็คงต้องปล่อยให้พล่ามไป อะไรก็ได้ ต้องหาจังหวะ หยิบทุกเรื่องออกมาต่อต้านสถาบันให้ได้

 “ฝากถามนักกฎหมาย พรรคการเมืองและนักการเมืองที่ออกมาต่อต้านสถาบัน เรียกร้องปฏิรูปสถาบันต่างๆ นานา  ถือว่าทำผิดรัฐธรรมนูญแล้วหรือไม่ รวมทั้งการขอยกเลิกมาตรา 112 ที่มีมาพร้อมรัฐธรรมนูญฉบับแรก และอาจกระทำผิดกฎหมายพรรคการเมืองมาตรา 14 หรือไม่ พรรคการเมืองและนักการเมืองต้องไม่เป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และไม่ตั้งหน้าตั้งตาก่อให้เกิดความแตกแยกระหว่างคนในชาติ สถาบันมีมาก่อนโคตรเหง้าของตัวเองจะเกิด ไม่เหมือนฝรั่งมังค่าที่ปากอ้างความเท่าเทียมกัน แต่กีดกันเหยียดคนต่างเชื้อชาติต่างสีผิว” นายนันทิวัฒน์โพสต์

ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ ดร.นิว นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และคณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas ประเทศสหรัฐอเมริกา โพสต์ว่า ไม่นึกว่าคนเรียนจบปริญญาเอกอย่างนายปิยบุตร แสงกนกกุล แกนนำคณะก้าวหน้า จะออกมาประจานตัวเองด้วยการตั้งคำถามว่าพฤติกรรมแบบนี้ของเค ร้อยล้าน เป็นคุณต่อสถาบันกษัตริย์ตรงไหน เพราะคนปกติทั่วไปต่างมองออกว่าพฤติกรรมของเค ร้อยล้าน เป็นพฤติกรรมส่วนตัวที่ดูไม่ค่อยหวังดีต่อสถาบัน ซึ่งข้อมูลตำรวจบอกว่าเขามีอาการป่วยโรคอารมณ์แปรปรวน แต่กลับถูกนำมาเหมารวมเพื่อบิดเบือนด้อยค่าประชาชนผู้จงรักภักดีเป็นประจำ จนน่าสงสัยว่าบางทีเค ร้อยล้าน อาจเป็นอีกตัวละครตัวหนึ่ง ซึ่งได้ถูกนำจัดฉากโดยฝ่ายนายปิยบุตรหรือไม่ เพื่อเหมารวมปั่นกระแสบิดเบือนด้อยค่าประชาชนผู้จงรักภักดีหรือเปล่า

“แต่ที่แน่ๆ นายปิยบุตรได้ตกต่ำจนถึงขั้นต้องออกมาโหนคนอย่างเค ร้อยล้าน ในการปั่นกระแสบิดเบือน ซึ่งกลับกลายเป็นการด้อยค่าสติปัญญาของคนเรียนจบปริญญาเอกอย่างนายปิยบุตรเสียเอง”

ส่วนนายปิยบุตรไลฟ์สดเฟซบุ๊กถึงพรรคการเมืองที่ออกมาปกป้องมาตรา 112 ช่วงหนึ่งว่า การที่มาตรา 112 อยู่ในหมวดของความมั่นคงในราชอาณาจักร ทำให้แนวทางการวินิจฉัยคดีเป็นเรื่องของการควบคุมอาชญากรรมมากกว่าการรักษาสิทธิเสรีภาพของประชาชน นำไปสู่ทิศทางที่มักไม่ให้มีการปล่อยตัวชั่วคราว หรือมีการเรียกหลักประกันชนิดที่สูงมาก และการไม่แยกฐานความผิดอย่างชัดเจน ระหว่างหมิ่นประมาท ดูหมิ่น และแสดงความอาฆาตมาดร้าย ทั้งที่เป็นการกระทำที่ไม่เหมือนกัน

ซัดพวกป้อง 112 เถยจิต

นายปิยบุตรยังกล่าวถึงข้ออ้างที่บอกว่า ประเทศอื่นเขาก็มี ประเทศเรามี ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกว่ามีอยู่จริง แต่กฎหมายประเทศเหล่านั้นแตกต่างจากมาตรา 112 สิ้นเชิง บางประเทศมีกฎหมายความผิดเกี่ยวกับหมิ่นประมาทกษัตริย์ แต่ไม่เคยนำมาใช้หรือไม่นำมาใช้นานแล้ว บางประเทศอาจนำมาใช้เป็นครั้งคราวแต่ก็เพียงลงโทษปรับ และทุกประเทศมีกำหนดโทษต่ำกว่ามาตรา 112 มาก และทิศทางแนวโน้มก็มีแต่จะยกเลิกโทษนี้ เช่น เบลเยียมและนอร์เวย์

"ข้อกล่าวอ้างที่บอกว่า ถ้าไม่ทำผิดจะไปกลัวอะไร ถ้าใช้ตรรกะนี้ต้องใช้คำพระว่าเถยจิต คิดแบบนี้คิดในแง่ร้ายหมดเลย แบบที่คุณอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยบอกว่า ถ้าเราไม่คิดทำผิดกฎหมาย ทำไมต้องกลัว หากบอกแบบนี้ต้องไปเรียนอาชญาวิทยาใหม่ ถ้าใช้ตรรกะเดียวกัน  คุณอนุทินและพรรคภูมิใจไทยแก้ไขกฎหมายกัญชาทำไม ก็ชัดเจนว่าแก้ไขเพราะจะเปิดทางให้คนใช้ได้ เสพได้ ใช้รักษาโรคได้ เป็นพืชเศรษฐกิจได้” นายปิยบุตรระบุ

นายปิยบุตรยังบอกว่า ที่ไม่สบายใจที่สุดคือแต่ละพรรค  ส.ส.แต่ละคนไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขกฎหมาย มาตรา 112  รวมถึงสื่อมวลชนบางส่วน บางฝ่ายที่ไม่ได้เห็นด้วย หรือแม้แต่ไอโอที่ไปปลุกระดมปั่นกระแสต่างๆ ก็ไปทำในลักษณะที่ว่าพรรคก้าวไกลแตะแต่เรื่อง 112 ไปตีตราให้พรรคเขากลายเป็นพรรคที่มีวิธีคิดเกี่ยวกับเรื่องสถาบัน ทำแบบนี้มีประโยชน์ตรงไหน พูดว่าพรรคก้าวไกลมีแต่เรื่อง 112 พอถึงเวลาเขาลงเลือกตั้งแล้วได้คะแนนเสียงมา หากได้เท่าเดิมใครเดือดร้อน พรรคก้าวไกลและประชาชนที่เลือกไม่น่าจะเดือดร้อน แต่หากได้คะแนนมาเยอะได้มากกว่าพรรคที่ประกาศตัวทุกวันว่าจงรักภักดี ประชาชนจะคิดกันอย่างไร อยากให้ลองพิจารณากันให้ดีๆ ว่าควรใช้วิธีการแบบนี้หรือไม่.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง