เหิม!เผาหุ่น‘ตศร.’ ม็อบไร้เงา‘รุ้ง’ร่วมชุมนุม โร่ฟ้องสถานทูตเยอรมนี

เครือข่ายม็อบ 3 นิ้วมาตามนัด แต่ไม่คึก ออกแถลงการณ์ยันเป้าหมายไม่ใช่ไล่รัฐบาลหรือเลิกมาตรา 112 แล้ว พุ่งเป้าต่อต้านระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ เพื่อปกป้องระบอบประชาธิปไตย! ย้ายวิกชุมนุมจากสนามหลวงหลังเจอบังเกอร์และลวดหนาม พุ่งไปที่สถานทูตเยอรมนี เหิมหนักแขวนคอและเผาหุ่นฟาง 9 ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ งงทั้งบางไม่มีใครเห็นเงา “รุ้ง” โผล่ร่วมชุมนุม

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 14 พฤศจิกายน 2564 กลุ่มเครือข่ายม็อบ 3 นิ้ว ซึ่งประกอบด้วยกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม, กลุ่มทะลุฟ้า, กลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย DRG, กลุ่มเหล่าทัพราษฎร, กลุ่มศาลายาเพื่อประชาธิปไตย, SUPPORTER THAILAND, We Volunteer และคณะรณรงค์เพื่อรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน (ครช.) ได้นัดรวมตัวชุมนุมแสดงสัญลักษณ์ต่อต้านระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เวลา 15.00 น. ก่อนเคลื่อนตัวไปยังสนามหลวง ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยเมื่อวันที่ 10 พ.ย.ว่า 3 แกนนำม็อบราษฎรซึ่งประกอบด้วย นายอานนท์ นำภา, น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล และนายภาณุพงศ์ จาดนอก มีพฤติการณ์ล้มล้างการปกครองตามมาตรา 49 วรรคหนึ่ง ในการชุมนุมเมื่อวันที่ 10 ส.ค.2563 ที่มีการเสนอ 10 ข้อเรียกร้องปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์

ทั้งนี้ ตั้งแต่ช่วงดึกวันที่ 13 พ.ย. เจ้าหน้าที่ได้ขนย้ายตู้คอนเทนเนอร์มาวางเรียงปิดกั้นพื้นที่บริเวณท้องสนามหลวง ถนนราชดำเนินกลาง แขวงพระบรมมหาราชวัง โดยจัดวางตู้อยู่ในลักษณะขวางเป็นแนวยาว เสริมด้วยลวดหนามหีบเพลงด้านบน นอกจากนั้นยังมีการตั้งตู้คอนเทนเนอร์บริเวณโดยรอบพื้นที่หลังศาลพระแม่ธรณีบีบมวยผม ซอยราชินี แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กทม. ถนนมหาราช ช่วงตลาดพระท่าพระจันทร์ แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กทม. ส่วนสนามหลวง มีเจ้าหน้าที่เข้ามาดูแลปิดประตูไม่ให้คนนอกเข้า

ส่วนช่วงเช้า บรรดาเพจต่างๆ ที่นัดชุมนุมได้ออกแถลงการณ์ต่อต้านระบอบสมบูรณญาสิทธิราชย์ ระบุว่า เรากำลังปกครองโดยระบอบกึ่งสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ไม่ใช่ระบอบประชาธิปไตย การต่อสู้เรียกร้องประชาธิปไตยในประเทศที่ปกครองโดยระบอบกึ่งสมบูรณาญาสิทธิราชย์ จึงหนีไม่พ้นที่จะต้องหยุดยั้งการขยายอำนาจของสถาบันกษัตริย์ เพื่อให้ได้มาซึ่งประชาธิปไตยในประเทศที่ปกครองโดยระบอบกึ่งสมบูรณาญาสิทธิราชย์ การขับไล่ประยุทธ์และพวกพ้องจึงไม่ใช่ทางออก เพราะรากของปัญหาไม่ได้อยู่ที่ประยุทธ์ จันทร์โอชา นี่ไม่ใช่การเคลื่อนไหวเพื่อไล่ประยุทธ์ นี่ไม่ใช่การเคลื่อนไหวเพื่อยกเลิก 112 นี่ไม่ใช่การเคลื่อนไหวเพื่อปฏิรูปฯ นี่ไม่ใช่การเคลื่อนไหวเพื่อล้มล้างฯ แต่คือการเคลื่อนไหวเพื่อต่อต้านระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ นี่คือการต่อสู้เพื่อยืนยันว่าประเทศนี้ต้องปกครองโดยระบอบที่คนทุกคนเสมอหน้าเท่าเทียมกัน นี่คือการต่อต้านระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ เพื่อปกป้องระบอบประชาธิปไตย

ขณะที่กลุ่มธรรมศาสตร์พิทักษ์ธรรม ได้ออกแถลงการณ์ต่อกรณีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเรื่องล้มล้างระบอบการปกครอง ระบุว่า ขอสนับสนุนและแสดงความชื่นชมต่อการปฏิบัติหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญ ตุลาการ และบุคลากรทุกท่าน ที่ได้ใช้ความรู้ ความสามารถ ประสบการณ์ และวิจารณญาณที่ดี เพื่อธำรงรักษาไว้ซึ่งความเป็นชาติไทยที่มั่นคง สร้างหลักการในการใช้สิทธิเสรีภาพที่ถูกต้อง และเป็นแนวทางให้กับสังคมในการอยู่ร่วมกันอย่างมีสันติสุข เป็นประชาธิปไตย มีความเสมอภาค และภราดรภาพ และขอคัดค้านบุคคลหรือคณะบุคคลใดๆ ที่มีเจตนาร้ายฝ่าฝืนคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ อันอาจทำให้ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และประชาชนคนไทยได้รับความเสียหายอย่างเต็มกำลังแม้นต้องสละชีพ

ในเวลา 13.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เริ่มปิดพื้นที่ทางเข้า-ออกอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย โดยเฉพาะถนนราชดำเนินกลางขาเข้า โดยมีการนำแผงเหล็กปิดการจราจร และมีการตั้งตู้คอนเทนเนอร์และลวดหนามหีบเพลงป้องกันสถานที่สำคัญ ทำให้แกนนำเครือข่ายม็อบได้ประกาศผ่านเฟซบุ๊กเมื่อเวลาประมาณ 14.00 น.ให้ย้ายสถานที่ไปชุมนุมบริเวณแยกปทุมวัน โดยอ้างว่าเจ้าหน้าที่ปิดกั้นเส้นทางทั้งหมด รวมถึงมีการติดอาวุธเข้ามาในบริเวณพื้นที่ด้วย

โดยเมื่อใกล้เวลา 15.00 น. ซึ่งเป็นเวลานัดหมาย มีมวลชนบางส่วนเริ่มทยอยมายังบริเวณดังกล่าว โดยการ์ดผู้ชุมนุมนำรั้วแผงเหล็กมากั้นตรงสี่แยกปทุมวัน ช่วงด้านหน้าหอศิลป์ กทม. ขณะที่มวลชนบางคนนำสีสเปรย์พ่นกลางสี่แยกข้อความ This country belong to the people จากการที่มวลชนเริ่มทยอยมารวมตัวกันอย่างหนาตา มีการตั้งแผงเหล็กปิดกั้นเส้นทาง ทำให้การจราจรเริ่มติดขัด และต่อมาต้องปิดการจราจร ขณะที่รถเวทีได้มีแกนนำสลับกันขึ้นปราศรัยไม่เอาระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์

ขณะเดียวกัน กลุ่มผู้ชุมนุมได้นำหุ่นฟางปิดด้วยภาพใบหน้าของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทั้ง 9 คน ใช้เชือกแขวนคอห้อยกับราวเหล็กบนสกายวอล์กแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ไม่เอาระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์

ต่อมาในเวลา 16.15 น. นายธัชพงศ์ แกดำ แกนนำราษฎร ได้นำมวลชนทำกิจกรรม โดยนำศาลที่ทำด้วยไม้ 2 หลัง ซึ่งเป็นตัวแทนของศาลรัฐธรรมนูญ มาวางบริเวณกลางแยกให้มวลชนระบายความรู้สึกและอารมณ์ด้วยการใช้เท้าเหยียบจนพัง จากนั้นนำหุ่นฟางของเจ้าหน้าที่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทั้ง 9 คนที่แขวนอยู่บนสกายวอล์กลงมาเผา โดยนายธัชพงศ์ประกาศว่า ไม่ให้ราคาศาลรัฐธรรมนูญ นับจากวันนี้จะเป็นการต่อต้านระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ทุกรูปแบบ ก่อนประกาศนำมวลชนไปที่สถานทูตเยอรมนี

หลังจากนายธัชพงศ์ได้ประกาศจะนำมวลชนไปยังสถานทูต โดยใช้ถนนพระราม 1 ผ่านหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พบว่าบริเวณแยกเฉลิมเผ่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำแผงเหล็กมาปิดกั้นพร้อมเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชน (คฝ.) พร้อมโล่กระบองประมาณ 2 กองร้อย ตั้งแนวสกัดไม่ให้กลุ่มผู้ชุมนุมผ่าน เมื่อกลุ่มผู้ชุมนุมเคลื่อนขบวนมาถึง ทำให้เกิดสถานการณ์เผชิญหน้าตึงเครียด โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องนำรถฉีดน้ำแรงดันสูงเข้าประจำการ

เวลา 17.00 น. ที่แยกเฉลิมเผ่า กลุ่มมวลชนได้พังรั้วแนวกั้นของเจ้าหน้าที่ คฝ.จนทำให้เหตุการณ์ชุลมุน มีการขว้างหินและปาหินใส่เจ้าหน้าที่ จนเจ้าหน้าที่ต้องถอยร่นเพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะ จากนั้นกลุ่มผู้ชุมนุมได้เลี้ยวขวาไปตามถนนอังรีดูนังต์มุ่งหน้าถนนพระราม 4 โดยเลือกที่จะไม่ผ่านหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่มี คฝ.สแตนด์บายอยู่ หวั่นเหตุการณ์จะบานปลาย โดยกำลัง คฝ.ยังตั้งแนวเตรียมพร้อมรับสถานการณ์

ต่อมาเวลา 18.30 น. บริเวณหน้าสถานทูตเยอรมนี ย่านสาทร กลุ่มผู้ชุมนุมได้เดินทางมาถึงหน้าสถานทูตท่ามกลางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ตั้งแนวป้องกันไว้อย่างแน่นหนาหน้าประตู จากนั้นตัวแทนผู้ชุมนุมอ่านแถลงการณ์เหมือนกับที่เพจในกลุ่มเครือข่ายได้เผยแพร่ในช่วงเช้า ก่อนที่นายธัชพงศ์ได้ประกาศผ่านเครื่องขยายเสียงว่า เจ้าหน้าที่สถานทูตให้เราส่งตัวแทน 3 คนเข้าไปยื่นหนังสือ นอกจากเรามาที่นี่แล้ว ยังจะมาบอกกับตัวแทนสถานทูตด้วยว่า ระหว่างเดินทางมาผู้ชุมนุมถูกยิงโดยเจ้าหน้าที่รัฐ

ต่อมาในเวลา 18.50 น. นายธัชพงศ์ได้ประกาศยุติการชุมนุม หลังตัวแทนเข้ายื่นหนังสือกับเจ้าหน้าที่สถานทูตเยอรมนี โดยประกาศว่า ภารกิจเสร็จทุกอย่างบรรลุวัตถุประสงค์ ขอให้เดินทางกลับบ้าน เพราะหนึ่งในข้อห่วงใยของเจ้าหน้าที่สถานทูตคือเสร็จภารกิจแล้วให้เดินทางกลับ ก่อนให้มวลชนพูดพร้อมกัน 3 รอบ "ไม่เอาระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์" 3 ครั้ง แล้วแยกย้ายกันกลับ

ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่าการชุมนุมครั้งนี้กลับไม่มีใครเห็น น.ส.ปนัสยา หรือรุ้ง ที่เป็นตัวตั้งตัวตีในการจัดการชุมนุมแต่อย่างใด

นายชูชาติ ศรีแสง อดีตผู้พิพากษาหัวหน้าศาลฎีกา โพสต์เฟซบุ๊กถึงการชุมนุมที่มีการแขวนและเผาหุ่นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญว่า เข้าข่ายมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 198 ที่บัญญัติว่า ผู้ใดดูหมิ่นศาลหรือผู้พิพากษาในการพิจารณาหรือพิพากษาคดี หรือกระทำการขัดขวางการพิจารณาคดีของศาล ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ปี ถึง 7 ปี หรือปรับตั้งแต่ 2 หมื่นบาท ถึง 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ความผิดตามมาตรานี้เป็นความผิดอาญาแผ่นดิน เมื่อเจ้าพนักงานตำรวจพบเห็นการกระทำความผิด ก็มีอำนาจจับกุมผู้กระกระทำความผิดมาดำเนินคดีได้ โดยไม่ต้องรอให้ผู้เสียหายโดยตรงมาร้องทุกข์ เพราะไม่ใช่ความผิดอันยอมความได้.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง