หายนะ!ค่าแรง600 รุมถล่มประชานิยมพท.‘อิ๊งค์’พลิ้วรอเศรษฐกิจดี

"วิษณุ" คาด 1-2 วัน กม.เลือกตั้ง 2 ฉบับถึงมือรัฐบาล "เลขาฯ กกต." สั่งเตรียมพร้อมเลือกตั้งปี 66 เร่งสื่อสารข้อมูล ปชช. "บิ๊กตู่" รูดซิปปากถูกถามทายาททางการเมือง "พีระพันธุ์" มั่นใจ "รทสช." ได้ ส.ส.เพียงพอเสนอชื่อแคนดิเดตชิงเก้าอี้นายกฯ "พปชร.” กระตุก "มิ่งขวัญ" แคนดิเดตนายกฯ ต้องผ่านมติ กก.บห.พรรค "การเมือง" ดาหน้าซัด "พท." นโยบายค่าแรง 600 บาทเพ้อเจ้อ "เสี่ยเฮ้ง" ตอกหาเสียงไม่นึกถึงหายนะทาง ศก. "อุ๊งอิ๊งค์" ตั้งโต๊ะแจงต้องคิดใหญ่ให้ประเทศมูฟตัว "พรหมินทร์" ยันทำได้แน่ พร้อมเตรียมยกคณะปราศรัยภาคใต้ 11 ธ.ค. ปักธงแลนด์สไลด์  

เมื่อวันที่ 7 ธ.ค. นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมือง (ฉบับที่...) พ.ศ.... และร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. (ฉบับที่...) พ.ศ.... ว่า ขณะนี้นายชวน หลักภัย ประธานรัฐสภา ยังไม่ส่งร่างกฎหมายดังกล่าวมาที่รัฐบาล ซึ่งหลังจากศาลรัฐธรรมนูญส่งมาถึงรัฐสภา จะอยู่ที่รัฐสภา 3 วัน จากนั้นจะส่งมาที่รัฐบาล ซึ่งมีเวลา 5 วันในการนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย โดยจะนับเป็นวันที่หนึ่งเมื่อประธานรัฐสภาส่งมาถึงรัฐบาล และคาดว่าภายใน 1-2 วันนี้น่าจะมาถึงรัฐบาล

ด้านนายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึงความพร้อมรองรับการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในปี 2566 ว่า ได้ฝากเป็นข้อคิดกับทางสำนักประชาสัมพันธ์เพื่อเตรียมความพร้อมรองรับการเลือกตั้ง ซึ่งเงื่อนไขที่สำคัญในการเลือกตั้งที่มีผู้เกี่ยวข้องกว่า 50 ล้านคน ประการหนึ่งคือ พนักงานผู้ดำเนินการเลือกตั้ง กรรมการประจำหน่วยเลือกตั้ง (กปน.) และผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ต้องรู้เท่ากันในสิ่งที่ต้องรู้ จึงจะสนองตอบต่อหลักการโปร่งใส มีส่วนร่วม และตรวจสอบได้ ทำให้การเลือกตั้งเป็นที่ยอมรับ

"ขอฝากสำนักประชาสัมพันธ์หารูปแบบการสื่อสารกับประชาชน ในวันเลือกตั้งประชาชนต้องรู้อะไร เช่น การเตรียมตัว การแสดงตน การจ่ายบัตร การลงคะแนน การหย่อนบัตร การนับคะแนน ฯลฯ เพื่อให้ประชาชนหรือผู้มีสิทธิเลือกตั้งรู้ เหมือนที่ กปน.รู้ โดยอาจจะทำเป็นตอนสั้นๆ เป็นตอนในรูปแบบ tiktok หรือรูปแบบอื่นที่เหมาะสม ให้ประชาชนเข้าถึงและเข้าใจง่าย เช่น ตอนแสดงตน ตอนรับ/จ่ายบัตร ฯลฯ" เลขาฯ กกต.ระบุ        

ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ปฏิเสธตอบคำถามถึงประเด็นทางการเมืองต่างๆ ทั้งการหาเสียงของพรรคการเมืองและการชูนโยบายค่าแรง 600 บาท รวมทั้งกรณีที่ได้ประกาศจะทำการเมืองต่ออีก 2 ปีได้มีการเตรียมวางทายาททางการเมืองไว้หรือไม่ เช่น พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ รวมทั้งนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ไม่ตอบคำถาม เพียงแต่หยุดฟังและกล่าวทักทายสื่อมวลชนว่า "สวัสดีจ้ะ"

นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวถึงความคืบหน้าการประกาศตัวแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค รทสช.ว่า ตอนนี้ยังเหมือนเดิม ตนบอกแล้วว่ายังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เพราะยังไม่ถึงเวลา

ถามว่า พล.อ.ประยุทธ์ได้ส่งสัญญาณการเข้ามาร่วมพรรคหรือไม่ นายพีระพันธุ์ ปฏิเสธว่ายังไม่ได้คุยกัน ซึ่งเมื่อวันที่ 6 ธ.ค.ที่ผ่านมา ตนก็ฟัง พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์ แต่ก็ไม่เห็นท่านพูด ท่านแค่บอกว่าจะอยู่ต่อ 2 ปี

หัวหน้าพรรค รทสช.กล่าวถึงการเลือกแคนดิเดตนายกฯ ว่า ก็เหมือนพรรคอื่นเราต้องดูคนที่เหมาะสมที่สุด ตอนนี้มีการทาบทามเรียบร้อย แต่ถึงเวลาค่อยเปิด เมื่อถามว่าพรรคจะเสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯ 3 คนหรือคนเดียว นายพีระพันธุ์กล่าวว่า ไม่ทราบ แล้วแต่กรรมการบริหารพรรค

เบรก'มิ่ง'แคนดิเดตนายกฯ

ถามว่า พรรค รทสช.มั่นใจจะสามารถนำ ส.ส.เข้ามาได้เกิน 25 เสียง เพื่อเสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯ ในสภา นายพีระพันธุ์กล่าวว่า มั่นใจๆ ตนมั่นใจ เมื่อถามว่าพรรค รทสช.จะทยอยเปิดนโยบายหรือไม่ นายพีระพันธุ์กล่าวว่า มีแน่นอน แต่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา ซึ่งก็เหมือนกับทุกพรรค

ส่วนนายวีระกร คำประกอบ ส.ส.นครสวรรค์ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงการเปิดตัวของนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ที่จะมาเป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรค พปชร.ว่า เป็นเรื่องเซอร์ไพรส์ ไม่คาดคิดมาก่อน ซึ่งส่วนตัวมองว่านายมิ่งขวัญเป็นคนที่มีความรู้ความสามารถ และจะเป็นประโยชน์ในการหาเสียงของพรรค แต่การที่จะเป็นแคนดิเดตนายกฯ จะต้องขึ้นอยู่กับกรรมการบริหารพรรคที่จะเป็นผู้พิจารณา ไม่ใช่ขึ้นอยู่กับหัวหน้าพรรคเพียงคนเดียว และอาจจะต้องขึ้นอยู่กับที่ประชุมสามัญของพรรคด้วย

"ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 88 พรรคสามารถเสนอชื่อแคนดิเดตได้ถึง 3 คน น่าจะเป็นประโยชน์กับพรรคในการหาเสียง เพราะที่ผ่านมานายมิ่งขวัญเคยทำให้พรรคเศรษฐกิจไทยได้คะแนนมาถึง 500,000 คะแนน จึงน่าจะมาเติมคะแนนให้พรรคพลังประชารัฐได้" นายวีระกรกล่าว

ถามถึงนโยบายหาเสียงพรรคเพื่อไทย (พท.) ที่จะเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาทต่อวัน นายวีระกรกล่าวว่า เว่อร์ เป็นการพูดเอาใจ และเป็นการพูดหาเสียง แต่จะไปกระทบกับภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะประเทศไทยเป็นอุตสาหกรรมเกษตร มาขึ้นค่าแรงเกือบเท่าตัวจะทำได้อย่างไร อาจต้องไปใช้แรงงานจากประเทศเพื่อนบ้าน ส่วนคนไทยก็ตกงาน ทั้งนี้เรื่องแรงงานน่าจะปล่อยให้เป็นเรื่องของผู้ประกอบการในการพิจารณาจะดีกว่า  อย่านึกแต่เรื่องหาเสียงอย่างเดียว เน้นความหวือหวาจนเกินไป

นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน โพสต์เฟซบุ๊กตอบโต้นโยบายค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท และเงินเดือนปริญญาตรี 25,000 บาทว่า เพื่อไทยหากจะหาเสียงอะไรก็แล้วแต่ ควรคำนึงถึงหายนะทางเศรษฐกิจด้วย อย่าหาเสียงเพราะนึกสนุกแบบนี้ เพราะสิ่งที่พูดออกมามันเหมือนการโยนระเบิดเวลาให้เจ้าของกิจการ การหาเสียงแบบนี้เป็นการโยนภาระให้ภาคเอกชน แต่ตัวเองได้คะแนนเสียง ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง

"นอกจากนี้จะกระทบต่อนักลงทุนต่างประเทศ เพราะจะไม่กล้าเข้ามาลงทุน การออกมาพูดแบบนี้ส่งผลเสียหายต่อเศรษฐกิจทั้งระบบ หากจะหาเสียงอะไรก็แล้วแต่ ควรคำนึงถึงหายนะทางเศรษฐกิจด้วย" รมว.แรงงานกล่าว

ซัดขายฝันค่าแรง 600 บ.

นายเสกสกล อัตถาวงศ์ หัวหน้าพรรคเทิดไท กล่าวถึงนโยบายพรรคเพื่อไทยว่า น.ส.แพทองธารออกมาเพ้อเจ้อ ขายฝัน เรื่องขึ้นค่าแรงงานขั้นต่ำ 600 บาท และเงินเดือน 2.5 หมื่นบาทสำหรับผู้จบการศึกษาระดับปริญญาตรี จะเห็นว่า น.ส.แพทองธารเพ้อขายฝันยังไม่ถึงข้ามคืน นายทักษิณผู้เป็นพ่อก็กระโดดออกมาอวยลูกสาว และขยายความในสิ่งที่ลูกสาวตัวเองเพ้อฝันทันที

"คิดว่าคงมีการเขียนสคริปต์จากดูไบส่งโพยมาถึงเมืองไทยเพื่องานนี้โดยเฉพาะ ผู้อ่านโพยก็มีหน้าที่อ่านไป จะทำได้หรือไม่ ข้อเท็จจริงสภาพสังคมเป็นอย่างไรไม่รู้ อ่านไปท่องไปตามสิ่งที่พ่อเขียนให้อ่านให้ท่องเป็นพอ ใช่หรือเปล่า ผมอยากบอกว่าไม่ต่างจากการลอกการบ้านจากยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีของ พล.อ.ประยุทธ์ที่เอามายำเป็นนโยบายพรรคเพื่อไทย 10 ข้อ และที่ผ่านมาเกือบ 8 ปี พล.อ.ประยุทธ์ได้ทำได้พัฒนาไปทุกด้าน และทำอย่างมีระบบ ประสบผลสำเร็จอีกด้วย ที่สำคัญทำแล้วเงินทองซึ่งเป็นภาษีประชาชนไม่รั่วไหล แต่กลับคืนสู่ประชาชนในรูปแบบโครงการพัฒนาประเทศให้ดีขึ้น ต่างจากยุคก่อน แต่ละโครงการ ทุจริตคอร์รัปชันกันวินาศสันตะโร รัฐมนตรีติดคุกกันหลายคน" นายเสกสกลกล่าว

หัวหน้าพรรคเทิดไทกล่าวถึงคำพูดของนายทักษิณที่ว่า "ผมรวยมาจากคว้าอากาศมาเป็นเงิน ผมเลยคิดว่าเงินมันมีทุกที่ ถ้ามีปัญญาหาเงินได้หมด" ว่า ตนเองอยากตั้งคำถามสั้นๆ ว่า ก่อนนายทักษิณจะรวยมาจากการคว้าอากาศมาเป็นเงินนั้น นายทักษิณเดินห่อไหล่กุมเป้าแทบจะหมอบคลานเข้าไปหาใครจนได้สัมปทานจากรัฐ ใครก็รู้กันทั่ว พูดอะไรจะว่าใครให้หากระจกมาส่องหน้าตัวเองก่อน จะได้คิดก่อนพูด ไม่ต้องอายปากตัวเอง

นายวรวุฒิ อุ่นใจ รองหัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวถึงนโยบายค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาทว่า กลุ่มที่น่าห่วงสุดคือ SME ที่เป็นผู้ประกอบการรายเล็ก ที่ถ้าเจอค่าแรงขั้นต่ำของนโยบายรัฐเข้าไปจะยิ่งตายหมู่ ทั้งปัญหาทุนใหญ่ผูกขาด ทั้งตลาดฝืดหลังยุคโควิด รวมไปถึงสงครามรัสเซีย-ยูเครน ปัญหาแบงก์ไม่ปล่อยสินเชื่อ และเงินกู้นอกระบบที่ต้นทุนสูงลิ่ว SME 3-4 ล้านราย ที่เป็นประชากรเกือบ 20 ล้านคน เจอต้นทุนจากค่าแรงขั้นต่ำขึ้นไปจะทำอย่างไร หลายรายคงไม่รอด

ที่พรรคเพื่อไทย ​น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย พร้อมด้วยนพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ประธานคณะกรรมการนโยบาย และนายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรค ร่วมแถลงข่าวชี้แจงนโยบายพรรคกรณีเสนอแนวคิดขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาทต่อวันภายในปี 2570 ว่า วิสัยทัศน์ปี 2570 ที่แถลงไป แสดงให้เห็นว่าถ้าพรรค พท.เป็นรัฐบาลจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง ประเด็นขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาทเป็นหนึ่งในนั้น

น.ส.แพทองธารกล่าวว่า เข้าใจดีว่าทำไมถึงมีการถกเถียงเรื่องนี้ เพราะตอนนี้เศรษฐกิจประเทศไม่ดี หากค่าแรงเพิ่มเป็น 600 บาท หมายความว่าต้นทุนผู้ประกอบการต้องเพิ่มขึ้น แน่นอนว่าหากคิดในวันนี้เดือดร้อนแน่ แต่เราพูดถึงเศรษฐกิจภาพรวมทั้งประเทศที่จะเติบโตพร้อมๆ กัน ทั้งระบบ ทั้งนายจ้างและลูกจ้างได้ประโยชน์ทั้ง 2 ฝ่าย ค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาทที่เคยขึ้นสมัย น.ส.ยิ่งลักษณ์เป็นนายกฯ ผ่านมากว่า 10 ปี ค่าแรงขั้นต่ำเพิ่มขึ้นประมาณ 10 บาทเท่านั้น ฉะนั้นพรรคต้องคิดใหญ่เพื่อให้เศรษฐกิจทั้งประเทศมูฟตัวไปด้วยกัน แต่ไม่ใช่นำงบประมาณมาใช้ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำรวยกระจุกจนกระจาย ส่วนจีดีพีประเทศจะเติบขึ้นเฉลี่ยปีละ 5% นั้น ไม่ใช่จะตายตัว 5% ทุกปี ซึ่งปีแรกอาจจะสูงกว่า 5% ก็ได้ ปีต่อมาอาจจะลดน้อยลงตามเลขเฉลี่ยแต่ละปีที่จะเติบโตได้ และดูเศรษฐกิจโลกบวกด้วย 

พท.เสียงแข็งทำได้จริง

 “ไม่แปลกเลยที่คนจะคิดว่าต้นทุนจะเพิ่มขึ้น วันนี้ยังคิดไม่ได้ ค่าแรงขึ้นเป็น 600 บาทยังคิดไม่ได้ เพราะเศรษฐกิจยังไม่ดี เมื่อเศรษฐกิจดีทั้งระบบแล้วจะไปโดยธรรมชาติของเศรษฐกิจ การเติบโตเศรษฐกิจ เราต้องการเติบโตทั้งระบบทั้งประเทศ คนทุกชนชั้น ทุกฐานะได้รับประโยชน์ มีโอกาส มีศักดิ์ศรี มีเกียรติที่จะสามารถออกมาใช้ชีวิตจับจ่ายใช้สอย ลดหนี้สิน ดูแลครอบครัวได้ คือคอนเซ็ปต์ที่เราเปลี่ยนตั้งแต่แคมเปญพรรคว่า เราต้องคิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อไทยทุกคน ปัญหามีนานแล้ว คิดเล็กปัญหาไม่จบ ต้องคิดใหญ่แก้ปัญหาทั้งระบบ” น.ส.แพทองธารกล่าว 

นพ.พรหมินทร์เสริมว่า เศรษฐกิจจะดีขึ้นต้องสร้างรายได้ใหม่ รัฐบาลจึงจะมีภาษีให้เก็บ วันนี้รัฐบาลเก็บภาษีได้น้อย จึงต้องไปกู้มาและขยายเพดานกู้ กลายเป็นเราแก้ปัญหาเศรษฐกิจด้วยการกู้ เราไม่ได้เชื่อเช่นนั้น เราเน้นเรื่องสร้างเศรษฐกิจ สำหรับภาคเอกชนที่มีความเห็น ขอให้ชัดเจนว่าในฐานะรัฐบาล เราเก็บภาษีจากกำไรของท่าน 20% หมายความว่าเราถือหุ้น 20% ของท่านเช่นกัน จะต้องทำให้ภาคเศรษฐกิจและภาคธุรกิจโตไปด้วยกัน

"การขึ้นค่าแรงจะดำเนินการเป็นขั้นตอน มีหลายท่านวิจารณ์ว่าเราทำลายโครงสร้าง ขอเรียนว่าไม่จริง การปรับขึ้นค่าแรงเป็นเรื่องของนายจ้างกับลูกจ้าง และมีรัฐในฐานะดูภาพรวมเพื่อให้ประเทศเดินต่อได้ จะต้องขยับไปด้วยกันเป็นขั้นตอน สิ่งสำคัญคือเราต้องทำให้เกิดรายได้ก่อน ซึ่งสิ่งที่เคยแถลงมาแล้ว เป็นไปได้แน่นอน เนื่องจากเคยทำมาแล้วในอดีต และขอให้มั่นใจว่าเราจะต้องเติบโตไปด้วยกัน" นพ.พรหมินทร์กล่าว

ถามว่า พล.อ.ประยุทธ์ถามนโยบายนี้จะเอาเงินมาจากไหน น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า เป็นสิ่งติดตัวของพรรคเพื่อไทยว่านโยบายที่ออกไปเราทำให้มันเกิดขึ้นจริง ระยะเวลา 8 ปีหลังรัฐประหารทำให้เศรษฐกิจชะลอตัว และไม่สามารถเติบโตขึ้นได้ รวมทั้งแรงงานดีๆ ถูกดองไว้ ไม่มีการพัฒนาศักยภาพแรงงานไทย ถึงมีคนพูดว่าอยากย้ายประเทศ

นายเผ่าภูมิอธิบายว่า ค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท คิดจากองค์ประกอบ 3 ส่วน ได้แก่ 1.การเจริญเติบโตทางจีดีพี 2.ผลิตภาพของแรงงานที่สามารถสร้างเงินได้เท่าไหร่ และ 3.เงินเฟ้อ ต่อจากนี้ตั้งเป้าจีดีพีของเราพุ่งเป้าปีละอย่างน้อย 5% หากไม่ปรับค่าแรงขั้นต่ำ หมายความว่าช่องว่างระหว่างนายจ้างกับลูกจ้างจะถูกถ่างขึ้น การปรับค่าแรงขั้นต่ำต้องคู่ขนานไปกับการดูแลผู้ประกอบการ จะมีแพ็กเกจดูแลผู้ประกอบการตามมา เช่น สิทธิประโยชน์ทางภาษี หรือลดภาษีนิติบุคคล ทั้งนี้ การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำจำเป็นต้องเพิ่มความเร็วของการหมุนเงินในระบบเศรษฐกิจ ที่เคยทำมาแล้วในสมัยรัฐบาลทักษิณ ในสมัยนั้นมีการหมุนเร็วกว่าในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ 40% คิดเป็นเกือบ 2 เท่า 

จากนั้น น.ส.แพทองธารให้สัมภาษณ์กรณี พล.อ.ประยุทธ์ระบุเหลือเวลาอีก 2 ปีสำหรับเส้นทางการเมืองว่า ไม่สามารถตัดสินใจแทน พล.อ.ประยุทธ์ได้ แต่พรรคมีความพร้อมและมีความชัดเจนที่จะแก้ไขปัญหาให้ประชาชน ความชัดเจนที่เกิดขึ้นมากที่สุดของประเทศคือประชาชนเดือดร้อน ดังนั้น ควรจะชัดเจนในเรื่องที่ควรจะชัดเจนมากกว่าในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจให้กับประชาชน 

 “วันนี้อิ๊งค์มีหน้าที่เสนอวิสัยทัศน์ของพรรคเพื่อไทยว่ามีนโยบายอย่างไร ช่วยให้ประชาชนพ้นจากความทุกข์ที่เผชิญอยู่ อิ๊งค์มีหน้าที่ที่จะบอกว่าประชาชนยังมีความหวัง เพราะพรรคเพื่อไทยทำงานกันมาหนักหน่วง หาข้อมูลและแนวทางอย่างจริงจังที่จะแก้ไขปัญหาให้ประชาชน นั่นคือหน้าที่ของอิ๊งค์” น.ส.แพทองธารกล่าว

ถามว่ามองคู่แข่งอย่าง พล.อ.ประยุทธ์อย่างไร น.ส.แพทองธารกล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรีมาแล้วช่วงเวลาหนึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ได้พิสูจน์ตัวเองมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นในด้านดีหรือด้านไม่ดีอะไรก็ตามประชาชนจะเห็นเอง สมัยนี้คิดว่าประชาชนทราบและมีการเข้าถึงข่าวอย่างเสรี ฉะนั้นจึงไม่มีคอมเมนต์อะไร เราก็ทำหน้าที่ของเราไป ไม่ต้องสู้กัน ไม่ต้องว่ากัน เราทำหน้าที่และนโยบายของเราให้ดี ถ้าถึงเวลาประชาชนอยากเลือกพรรคเพื่อไทยเข้ามาทำงานตรงนี้แทน เราต้องเต็มที่คือหน้าที่หลัก ซึ่งตนไม่ถนัดในการสู้กัน

                    นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม และรองหัวหน้าพรรค พท. กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์จะอยู่ต่ออีก 2 ปีว่า ชัดเจนดี ก็ต้องขอขอบคุณมาก จะอยู่อีกกี่ปีก็บอกเลย ประชาชนจะได้คิดได้ง่ายๆ แต่ถามว่าเราจะชนะได้หรือไม่ ตนคิดว่าไม่มีใครจะชนะหรือแพ้แค่ใครจะอยู่ไม่กี่ปี อยู่ที่ประชาชนจะทนอยู่กับระบบเก่าๆ ได้หรือไม่ อีก 2 ปีชาวบ้านจะทนแบบเดิมได้อีกหรือไม่ นี่เป็นจุดที่เราคิด ถ้าเราเสนอแนวทางใหม่ว่าอีก 2-4 ปีข้างหน้า หากประชาชนสามารถก้าวออกจากแบบเดิมได้ เขาคิดเป็นว่าเขาจะเลือกใคร

                    ต่อมา นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย แถลงข่าวว่า ครอบครัวเพื่อไทย นำโดย น.ส.แพทองธาร, นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค พท. พร้อมตนเองและคณะ จะเปิดเวทีปราศรัยครอบครัวเพื่อไทยที่ภาคใต้ครั้งแรก ในชื่องานว่า ‘แหลงจริง ทำได้ คนใต้หรอยแรง!’ ที่หอประชุมเทศบาลนครนครศรีธรรมราช โดยจะมีการปราศรัยในเรื่องของนโยบายของพรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคใต้ คือนโยบายแนวทางการยกระดับราคาพืชผลทางการเกษตร การรักษาเสถียรภาพราคา เพื่อสร้างรายได้เพิ่มให้พี่น้องเกษตรกร ทั้งราคาปาล์มน้ำมัน ยางพารา

                    นอกจากนี้ จะนำสิ่งที่หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยได้ปราศรัยประกาศวิสัยทัศน์ประเทศไทย 2570 ไปแล้ว ก็จะถือเป็นโอกาสได้ไปขยายความรายละเอียดในแต่ละนโยบาย สื่อสารประเด็นให้ชัดเจน เป็นที่เข้าใจให้ตรงกันมากยิ่งขึ้น นอกจากแค่การพูดคุยเรื่องเป้าหมายการแลนด์สไลด์ของพรรคเพื่อไทยแล้ว ยังมีเรื่องการกระจายอำนาจ การแก้ไขปัญหาการประมงในพื้นที่ และจะได้แนะนำผู้ประสงค์ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.ของพรรคในกลุ่มภาคใต้ที่ได้เปิดตัวไปก่อนหน้านี้ พร้อมด้วยทีมคณะผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ภาคใต้ทุกจังหวัดอีกด้วย

“จะบอกพี่น้องชาวใต้ว่า เราจะพาลูกพาหลานไปหา ไปยกมือไหว้ ไปคารวะแสดงความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะทำงานให้กับพี่น้องประชาชนทั้งประเทศ ให้กับพี่น้องชาวใต้ ในวันที่ 11 ธันวาคมนี้ ที่หอประชุมทุ่งท่าลาด ไปกันตั้งแต่เวลา 09.00 น. แล้วเราจะมาสนทนาแบบวิถีทางของพรรคเพื่อไทย แบบประชาธิปไตยกันอย่างอบอุ่น” นายณัฐวุฒิกล่าว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง