หวังงานลอยกระทงปลอดโควิด

"นายกฯ" อยากเห็นคนไทยร่วมงานลอยกระทงปลอดโควิด-19 พร้อมให้หน่วยงานถอดบทเรียนการจัดงานมาปรับปรุงมาตรการช่วงงานปีใหม่ ศปม.คุมเข้ม ห้ามขายแอลกอฮอล์-พลุ-ประทัด  ด้าน “ลุงป้อม” อยากให้ลอยความขัดแย้งทิ้งไป สธ.เร่งเชิงรุกฉีดวัคซีนโควิดคนไทย 11 ล้านคนทันสิ้นปีนี้

เมื่อวันที่ 18 พ.ย. นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กำชับผู้จัดงานและประชาชนผู้ร่วมงานยึดหลัก “ลอยกระทงวิถีใหม่” ปฏิบัติตามมาตรการโควิดฟรีเซตติง (COVID Free Setting) และป้องกันการติดเชื้อครอบจักรวาล (Universal Prevention) พร้อมรณรงค์การลอยกระทงรักษ์โลก “1 ครอบครัว 1 กระทง“ หรือ “1 หน่วยงาน 1 กระทง” โดยใช้กระทงทำจากวัสดุที่ย่อยสลายง่ายและไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม เพื่อการใช้ทรัพยากรคุ้มค่าและลดปริมาณขยะ โดยในวันพรุ่งนี้นายกรัฐมนตรีและภริยาจะนำคณะรัฐมนตรีแต่งกายผ้าไทยร่วมงาน “ลอยกระทงวิถีใหม่ สืบสานประเพณีไทย 1 ครอบครัว 1 กระทง รักษาระยะห่าง สวมหน้ากากอนามัย ปลอดโรค ปลอดภัย” ณ คลองผดุงกรุงเกษม ข้างทำเนียบรัฐบาล โดยจะมีจุดตรวจวัดอุณหภูมิ จุดลงทะเบียน “ไทยชนะ” และจุดบริการเจลแอลกอฮอล์ก่อนเข้าและออกงานด้วย

นายธนกรกล่าวย้ำถึงแนวทางและมาตรการการจัดประเพณีลอยกระทง ภายใต้โควิดฟรีเซตติง (COVID Free Setting) และมาตรการป้องกันการติดเชื้อครอบจักรวาล (Universal Prevention) เพื่อคุมเข้มการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยขอความร่วมมือผู้จัดงานเน้นมาตรการป้องกัน เช่น คัดกรองผู้เข้าร่วมงาน จัดพื้นที่เว้นระยะห่างทางสังคม ทำความสะอาดพื้นผิวสัมผัสก่อนและหลังการจัดงาน และทุกคนจะต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาเข้าร่วมงาน ขณะเดียวกัน ต้องคำนึงถึงมาตรการด้านความปลอดภัยภายในงาน โดยห้ามปล่อยโคมลอย งดเล่นดอกไม้เพลิง พลุ ประทัด และรณรงค์ลอยกระทงปลอดเหล้า เพื่อให้ความมั่นใจกับประชาชนที่มาร่วมงาน

“นายกรัฐมนตรีคาดว่าปีนี้จะมีประชาชนร่วมงานลอยกระทงในพื้นที่ต่างๆ เพิ่มขึ้น จึงอยากให้ประชาชนได้ท่องเที่ยวร่วมงานอย่างมีสุข แต่ต้องปลอดโรคและปลอดภัย ซึ่งหลังเสร็จสิ้นประเพณีลอยกระทง นายกรัฐมนตรียังเตรียมให้หน่วยงานถอดบทเรียนการจัดงานลอยกระทง นำข้อบกพร่องและข้อจำกัดต่างๆ มาปรับปรุงมาตรการป้องกันการแพร่ระบาด ให้เป็นแนวปฏิบัติที่ดีในการจัดกิจกรรมและงานบันเทิงต่างๆ  ในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ด้วย” นายธนกรกล่าว

พล.ต.ธีรพงศ์ ปัทมสิงห์ ณ อยุธยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย เปิดเผยว่า พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด/หัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง (ผบ.ทสส./หน.ศปม.) ห่วงใยต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จึงขอให้แต่ละพื้นที่ที่จะจัดงานประเพณีลอยกระทงได้ปฏิบัติตามข้อกำหนด ออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนด การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ด้านการกำหนดมาตรการควบคุมแบบบูรณาการในพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว ให้สถานที่ กิจการ หรือการดำเนินกิจกรรมในเขตพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว สามารถเปิดดำเนินการได้ ภายใต้เงื่อนไข เงื่อนเวลา การจัดระบบ ระเบียบ และมาตรการป้องกันโรคที่ทางราชการกำหนด

ทั้งนี้ ขอความร่วมมือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกำหนดมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด เช่น ห้ามปล่อยโคมลอย งดเล่นดอกไม้ไฟ พลุ ประทัด งดขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด เป็นต้น การเพิ่มมาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ด้วยการควบคุมผู้ร่วมงานไม่ให้แออัด กำหนดให้เว้นระยะห่างทางสังคมในทุกกิจกรรม สำหรับภาคประชาชน ขอความร่วมมือปฏิบัติตนตามข้อกำหนดโดยเคร่งครัด เช่น สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาเข้าร่วมงาน หมั่นล้างมือด้วยน้ำสะอาดหรือเจลแอลกอฮอล์ เว้นระยะห่างทางสังคมตามมาตรการป้องกันโรค เพื่อร่วมสืบสานประเพณีลอยกระทงได้อย่างงดงาม ควบคู่กับการรณรงค์ป้องกันการแพร่ระบาดของโรคให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดต่อไป

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์อย่างอารมณ์ดีถึงการร่วมกิจกรรมลอยกระทง “ลอยกระทงวิถีใหม่ สืบสานประเพณีไทย 1 ครอบครัว 1 กระทง รักษาระยะห่าง สวมหน้ากากอนามัยปลอดโรคปลอดภัย” ในวันที่ 19 พ.ย.นี้ ที่ทำเนียบรัฐบาล ที่มีนายกรัฐมนตรีพร้อมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ร่วมงานว่า “ก็มาลอย ลอยๆ แต่ว่าลงไปลอยไม่ได้เดี๋ยวตกน้ำตาย” ผู้สื่อข่าวถามว่า อยากลอยอะไรทิ้งไป พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “ก็ลอยความขัดแย้งทั้งหมดไป ถ้าคิดว่ามี แต่ผมไม่มี”

สำหรับการเตรียมความพร้อมช่วงวันลอยกระทงในจังหวัดปัตตานี ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทางจังหวัดได้สั่งการให้ทุกอำเภอจัดเจ้าหน้าที่ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง สาธารณสุข ตั้งด่านตรวจ ทั้ง 115 ตำบล โดยเน้นตรวจใบฉีดวัคซีน หากพบว่าคนในชุมชนยังไม่ฉีดวัคซีน สั่งห้ามออกนอกพื้นที่  ขณะที่ด่านตรวจความมั่นคง เจ้าหน้าที่ ตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครองได้มีการตรวจความเข้มงวดสำหรับรถทุกชนิดที่เข้า-ออกในเขตเทศบาลเมืองปัตตานี เพื่อป้องกันการก่อเหตุในช่วงก่อนถึงวันลอยกระทง ประกอบกับผู้ยังไม่ได้รับวัคซีนจะไม่ให้เข้าในพื้นที่ด้วย

ทางด้านสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. รายงานสถานการณ์ในประเทศไทยว่า พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 6,901 ราย เป็นการติดเชื้อในประเทศ 6,742 ราย มาจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 6,423 ราย สำหรับ 10 จังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุด ได้แก่ กทม. 878 ราย, สงขลา 592 ราย, นครศรีธรรมราช 365 ราย, เชียงใหม่ 278 ราย, ยะลา 214 ราย, ชลบุรี 205 ราย, ปัตตานี 201 ราย, สุราษฎร์ธานี 201 ราย,  สมุทรปราการ 187 ราย, ตาก 152 ราย

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า จากรายงานประจำวัน เห็นได้ว่าประเทศไทยควบคุมสถานการณ์ได้ดีขึ้น ซึ่งเป็นผลจากความร่วมมือของทุกภาคส่วน ประชาชนได้รับวัคซีนแล้ว 86 ล้านโดส ยืนยันว่าปีนี้มีวัคซีนอย่างเพียงพอ สำหรับปีหน้าคาดว่าจะมีวัคซีนอย่างน้อย 90 ล้านโดส วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า 60 ล้านโดส และวัคซีนไฟเซอร์ 30 ล้านโดส ไม่รวมวัคซีนโปรตีนโนวาแวกซ์ วัคซีนที่ทางองค์การเภสัชกรรม และวัคซีนคณะแพทย์ที่กำลังพัฒนากันอยู่ เพื่อให้ได้รับวัคซีนเข็มที่ 3 กันถ้วนหน้า พร้อมกับการสำรวจภูมิคุ้มกันอย่างต่อเนื่อง

"เมื่อวันที่ 17 พ.ย. ได้รับข่าวว่า รัฐบาลฝรั่งเศสบริจาควัคซีนไฟเซอร์ 4 แสนโดส พร้อมส่วนผสมและไซริงค์ให้กับไทย ซึ่งจะมีการจัดสรรวัคซีนต่อไป พร้อมกันนั้นต้องดำเนินการตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ที่แสดงความห่วงใยต่อคนไทย 11 ล้านคนที่ยังไม่ได้รับวัคซีนเข็มแรก ด้วยความเชื่อ ความจำเป็น หรือเหตุสุดวิสัย ทางกรมควบคุมโรค สาธารณสุขจังหวัด และผู้ว่าราชการจังหวัด ต้องทำงานเชิงรุกให้ประชาชนได้รับวัคซีนไม่เกินเดือน ธ.ค. ตามสโลแกนที่ว่า ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง" นายอนุทินกล่าว และว่า นอกจากนี้ยังได้ดำเนินการเรื่องเวชภัณฑ์และยา ตามที่นายกรัฐมนตรีดำริไว้ให้คนไทยเข้าถึงยารักษาโควิด-19 ในทุกตระกูล

ด้าน นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขได้เตรียมความพร้อมด้านการแพทย์และสาธารณสุข โดยจัดทำแผนปฏิบัติการรองรับการเปิดประเทศและการระบาดโควิด-19 พ.ศ.2565 ด้านสาธารณสุขขึ้น กำหนดทิศทางของแผนไว้ 4 เป้าหมาย 5 กลยุทธ์ และ 6 ตัวชี้วัด เพื่อสร้างความเชื่อมั่น สร้างความมั่นคงด้านสุขภาพ ฟื้นฟูเศรษฐกิจ

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม เปิดเผยว่า หลังจากที่เรือนจำทั่วประเทศได้เปิดเยี่ยมญาติตั้งแต่วันที่ 12 พ.ย. ขณะนี้มีเรือนจำที่เปิดเยี่ยมแล้ว 38 แห่ง และจะเปิดเพิ่มภายในสิ้นเดือน พ.ย.นี้อีก 8 แห่ง ซึ่งมีการควบคุมตามมาตรฐานได้ดี ส่วนที่เหลืออีก 97 แห่ง จะทยอยเปิดตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค.เป็นต้นไป โดยอยู่ในช่วงรอพ้นการระบาดของโควิด-19 และอยู่ระหว่างปรับปรุงระบบระบายอากาศและห้องเยี่ยมให้เป็นไปตามมาตรฐาน.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'เศรษฐา' อวดคนอีสาน 10 เดือน ผลงานเพียบ ไตรมาส 4 ได้เงินหมื่นแน่

นายกฯ พบชาวหนองพอก อวดผลงาน 10 เดือน ราคาพืชผลการเกษตรดี ยันเร่งแก้ปัญหาน้ำประปา ปราบหนี้นอกระบบให้หมด ย้ำ 'ดิจิทัล วอลเล็ต' ไตรมาส 4 ได้แน่