ส่ง‘รองอสส.’คุมคดีตู้ห่าว

อัยการโดดคุมสอบคดีตู้ห่าว ตั้ง "สมเกียรติ" รอง อสส.นั่งกุมบังเหียนดูแล "บิ๊กเด่น" เป็นที่ปรึกษา ขณะที่ "บิ๊กโจ๊ก" หอบผลสรุปสอบสวนส่ง "ผบช.น."  ยันยังคลำไม่เจอปมอาชญากรข้ามชาติ  พร้อมขีดเส้นทำงาน 2 สัปดาห์ "ชูวิทย์"  เขย่าต่อจ่อร้อง ป.ป.ช.สอบตำรวจร่วมหัวขบวนการมาเฟียจีน

เมื่อวันพุธ นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า วันนี้ น.ส.นารี ตัณฑเสถียร อัยการสูงสุด ได้ลงนามคำสั่งสำนักงานอัยการสูงสุด ที่ 2167/2565 เรื่องแต่งตั้งคณะทำงานกำกับการสอบสวนและการดำเนินคดีสำคัญ โดยเนื้อหารายละเอียดคำสั่งดังกล่าวระบุว่า

ด้วยคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ดำเนินคดีอาญากับนายชัยณัฐร์ หรือตู้ห่าว กรณ์ชายานันท์ กับพวก ผู้ต้องหา ในสำนวนคดีอาญา ที่ 794/2565 และที่ 824/2565 ของ สน.ยานนาวา ในความผิดฐานร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษ ประเภท 1 (ยาอี, เฮโรอีน) อันเป็นการมีไว้จำหน่ายเพื่อการค้า อันเป็นการกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ หรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป, ร่วมกันจำหน่ายวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทประเภท 2 อันเป็นการมีไว้จำหน่ายเพื่อการค้า อันเป็นการกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป, สมคบกันกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดและสนับสนุนช่วยเหลือผู้กระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติด, ร่วมกันเปิดสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาตและยินยอม หรือปล่อยปละให้มีการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดภายในสถานบริการและมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ โดยกลุ่มผู้ต้องหาเป็นผู้มีอิทธิพลที่อยู่ในความสนใจของประชาชน และมีการตรวจยึด ทรัพย์สินของกลุ่มผู้ต้องหาได้จำนวนมาก

อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 19 แห่ง พ.ร.บ.องค์กรอัยการและพนักงานอัยการ พ.ศ.2553 ประกอบ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พ.ศ.2556มาตรา 12 และข้อตกลงการปฏิบัติหน้าที่ในคดีระหว่างหน่วยงานของรัฐตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พ.ศ. 2556 อัยการสูงสุดจึงมีคำสั่งแต่งตั้งพนักงานอัยการและเจ้าพนักงานตำรวจเป็นคณะทำงานและมีอำนาจหน้าที่ดำเนินการ ดังนี้

คณะทํางานดังกล่าวประกอบด้วย 1.อัยการสูงสุด เป็นที่ปรึกษาคณะทํางาน 2.ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นที่ปรึกษาคณะทำงาน 3.นายสมเกียรติ คุณวัฒนานนท์ รองอัยการสูงสุด เป็นหัวหน้าคณะทํางาน 4.ร.ต.ท.อุทัย อาทิเวช รองอัยการสูงสุด เป็นคณะทํางาน 5.นายศุภชัย นิพิธกุล ที่ปรึกษาอัยการสูงสุด เป็นคณะทํางาน 6.เลขานุการอัยการสูงสุด เป็นคณะทํางาน 7.อธิบดีอัยการสำนักงานคดีอัยการสูงสุด เป็นคณะทํางาน 8.ผู้บัญชากาตำรวจนครบาล เป็นคณะทำงาน 9.อธิบดีอัยการสํานักงานการสอบสวน เป็นคณะทำงานและเลขานุการ

โดยมีอำนาจหน้าที่ 1.กำกับและติดตามการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานของพนักงานสอบสวน ในคดีนี้ให้เป็นไปด้วยความละเอียดรอบคอบ 2.เร่งรัดการสอบสวนและการส่งสำนวนการสอบสวนคดีนี้ให้ทันภายในกรอบ ระยะเวลาในการควบคุมฝากขังผู้ต้องหาตามกฎหมาย ทั้งนี้ ให้มีระยะเวลาพอสมควรเสนอให้อัยการสูงสุดพิจารณาสั่งคดี 3.แต่งตั้งคณะทำงานย่อยเพื่อมอบหมายให้ปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับหนังสือคำสั่งดังกล่าว มาจากกรณีที่เมื่อวันที่ 13 ธ.ค.65 พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. ได้มีหนังสือรายงานข้อมูลผู้ต้องหากระทำผิดฐานมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พ.ศ.2556 ถึง อัยการสูงสุด ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) กล่าวถึงความคืบหน้าการสืบสวนกลุ่มธุรกิจคนจีนผิดกฎหมาย โดยขณะนี้ทางทีมสืบสวนที่รับผิดชอบได้สืบสวนแล้วยังไม่พบความผิดนอกราชอาณาจักรของกลุ่มนายตู้ห่าว และได้สรุปส่งไปให้ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) แล้ว โดยหากจะดำเนินคดีนอกราชอาณาจักรได้นั้น จะต้องสืบสวนให้ได้แน่ชัดก่อนว่าขบวนการนี้ต้องเตรียมการวางแผนมาจากต่างประเทศ และเข้ามาก่อเหตุในไทย รวมทั้งยาเสพติดที่ชื่อแฮปปี้วอเตอร์ที่พบในจินหลิงผับ

 “พบว่าผสมเองในไทยไม่ได้นำเข้า ไม่พบการโอนเงินไปยังต่างประเทศ จึงยังไม่พบความผิดในส่วนนี้ และไม่สามารถแจ้งข้อหาอาชญากรข้ามชาติได้ เช่นเดียวกับคดียาเสพติดทั่วไปที่จับได้ หากจะดำเนินคดีความผิดอาชญากรข้ามชาติ ก็จะต้องพิสูจน์ให้ได้ว่ามีการวางแผนนำเข้าประเทศอย่างชัดเจนหรือไม่ เพราะหากนำเสนออัยการแล้วก็จะสั่งไม่ฟ้อง” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า ผบ.ตร.ให้ข้อมูลว่าพบข้อมูลว่าเข้าข่ายความผิดอาชญากรข้ามชาตินั้น รอง ผบ.ตร.กล่าวว่า น่าจะได้รับข้อมูลการสืบสวนมาจากผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ในฐานะหัวหน้าชุดสืบสวน และเป็นผู้มีอำนาจในการสั่งฟ้องผู้ต้องหาตามกฎหมาย ส่วนในชุดสืบสวนของตัวเองนั้น เป็นการตั้งขึ้นมาจากผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อกำกับดูแล และร่วมสืบสวนเพื่อนำความเห็นส่งไปให้ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลเท่านั้น

   พล.ต.อ.สุรเชษฐ์กล่าวว่า การแจ้งข้อกล่าวหาเจ้าของสถานบริการกับพนักงานรักษาความปลอดภัยของจินหลิงผับ ก็เป็นการแจ้งข้อหาของชุดสืบสวนนครบาลที่พบหลักฐานในขณะนั้น และที่ผ่านมาไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับสำนวนการสอบสวน จึงไม่ทราบรายละเอียด แต่ทราบว่าได้สั่งไม่ฟ้องในข้อหานี้แล้ว และเพิ่งมาทราบว่าพนักงานรักษาความปลอดภัยคนนี้ถูกแจ้งข้อหาก่อนที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ออกมาให้ข้อมูลก่อน 1 วัน

"การสืบสวนดำเนินการไปแล้วร้อยละ 90 และกำลังดำเนินคดีกับตำรวจทั้งนายพลและชั้นประทวนที่เกี่ยวข้องในการเอื้อประโยชน์ ไม่เว้นแต่เพื่อนร่วมรุ่นของตัวเอง ซึ่งจะดำเนินการให้เสร็จภายใน 2 สัปดาห์ อย่างไรก็ตาม ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติจะเรียกคณะทำงานทั้งหมดมาประชุมสรุปสำนวนการสืบสวนสอบสวนอีกครั้งในวันศุกร์ที่ 16 ธ.ค.นี้ เวลา 16.00 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ" พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ระบุ

ด้านนายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ และ พ.ต.อ.สุรโชค เจษฎาเดช (สารวัตรแรมโบ้) ประธานมูลนิธิป้องกันต่อต้านอาชญากรรมและยาเสพติดในประเทศไทย แสดงสัญลักษณ์  ถือไม้กวาด พร้อมตะเกียง เข้ายื่นหนังสือถึง พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ว่า ขอให้สั่งการและเร่งรัดการดำเนินคดีนายหาว เจ๋อ ตู้ ขอให้เร่งรัดสอบสวนคดีที่มีตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้องเกี่ยวกับการทุจริตในคดี โดยใช้พนักงานสอบสวนจากส่วนกลางทั้งหมด เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และเมื่อสอบสวนเสร็จแล้ว ให้รีบนำสำนวนประสานกับ ป.ป.ช.เจ้าของคดีและอัยการ เพื่อให้เกิดความรวดเร็ว เป็นธรรมกับทุกฝ่าย

วันเดียวกัน ที่โรงแรมเดอะเดวิส คอนเนอร์วิง สุขุมวิท 24 นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองชื่อดัง นำถังใส่น้ำยาฟอกขาวมาแถลง โดยระบุใจความว่า ตนจะร้องเรียนไปยังสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้ตรวจสอบนายตำรวจที่เกี่ยวข้องกับการให้ความช่วยเหลือขบวนการจีนสีเทา พร้อมจะขอเสนอตนต่อ ผบ.ตร. เพื่อเป็นพยานชี้เบาะแสในคดีนี้ทั้งหมด.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง