‘พีระพันธุ์’นายกฯน้อยแค่หัวโขน

“นายกฯ” ควันออกหูถูกโยงไปกินข้าว 40 ส.ส. ลั่นไม่เคยทานข้าวกับใครเลย ไม่พลิก! เคาะ "พีระพันธุ์" นั่งเก้าอี้นายกฯ น้อย วิษณุแจงทำงานได้ทันที เจ้าตัวยันพร้อมทำงาน ไม่สนเสียงวิจารณ์ ชี้เป็นแค่หัวโขน “บิ๊กป้อม” ไม่ตอบปมเป็นแคนดิเดตนายกฯ พปชร.คนเดียว “สุชาติ” ย้ำยึดตัวบุคคล พร้อมเดินหน้าไปกับ “บิ๊กตู่” ไม่ว่าที่ไหน “เฉลิมชัย” โวศึกภายใน ปชป.จบแล้ว แถวตรงมีวินัย “ชวน” กรีดเพื่อไทยโวยเรื่องไม่เป็นกลาง

เมื่อวันอังคารที่ 20 ธ.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ด้วยน้ำเสียงดุดัน ในขณะกำลังเดินขึ้นตึกไทยคู่ฟ้า ถึงกรณีมีรายงานข่าวไปรับประทานอาหารร่วมกับ 40 ส.ส.ที่มีกระแสข่าวว่าจะย้ายเข้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ว่า ไปเอาข่าวมาจากไหน ส.ส.40 คน เอามาจากไหน

เมื่อผู้สื่อข่าวชี้แจงว่ามีรายงานข่าวไปร่วมรับประทานอาหารกับบรรดา ส.ส.ย่านซอยอารีย์ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “ผมไม่เคยทานข้าวอะไรกับใครเลยนะ จะบอกให้" ก่อนที่ พล.อ.ประยุทธ์เดินขึ้นไปบนตึกไทยคู่ฟ้าทันที และเมื่อถามถึงภาพถ่ายที่ ส.ส.ได้โพสต์คู่กับนายกฯ พล.อ.ประยุทธ์ไม่ตอบแต่อย่างใด

นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์และคณะเตรียมลงพื้นที่ตรวจราชการ ณ จังหวัดเชียงราย ในวันพุธที่ 21 ธันวาคม 2565 เพื่อเป็นประธานเปิดงานมหกรรมสิ่งประดิษฐ์ไอซีทีของนักเรียนไทยและนักเรียนญี่ปุ่น Thailand-Japan Student ICT Fair 2022 (TJ-SIF2022) รวมทั้งจะตรวจติดตามผลการดำเนินงานการค้าชายแดนไทย-เมียนมา-จีน ณ ด่านศุลกากรแม่สาย และเยี่ยมชมโครงการนำร่องเกษตรดิจิทัลด้วยเทคโนโลยี 5G

รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลแจ้งว่า ก่อนการประชุม ครม. พล.อ.ประยุทธ์ พล.อ.ประวิตร และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ได้พูดคุยกันในห้องรับรองตามปกติ โดยมีรัฐมนตรีสลับกันเข้าไปหา ขณะที่บรรยากาศภายในห้องประชุม ครม. พล.อ.ประยุทธ์กับ พล.อ.ประวิตรที่นั่งติดกันได้หันไปพูดคุยกันบ่อยครั้ง ทั้งคู่มีหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใสดี และก่อนเลิกประชุม พล.อ.ประยุทธ์ยังได้เอามือไปจับมือของ พล.อ.ประวิตรด้วย  

ทั้งนี้ ในช่วงต้นการประชุม นายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้ประสานงานวิปรัฐบาล ได้รายงานวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎรที่จะมีขึ้นในวันที่ 21-22 ธ.ค.ว่ามีวาระอะไรบ้าง ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ได้พูดถึงเหตุการณ์สภาล่มที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งในช่วงนี้ว่า “ทราบดีอยู่แล้วว่ามีปัญหาอะไร ขอความร่วมมือทุกคนด้วย” 

ชี้พีระพันธุ์ทำงานได้ทันที

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ กล่าวภายหลังการประชุม ครม.ว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบแต่งตั้งนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เป็นเลขาธิการนายกรัฐมนตรี แทนนายดิสทัต โหตระกิตย์ ที่นายกฯ แต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษานายกฯ ก่อนหน้านี้ โดยหลังจากนี้นายพีระพันธุ์สามารถปฏิบัติหน้าที่เป็นเลขาธิการนายกฯ ได้ทันที

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ แถลงผลประชุม ครม.ว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบตามที่สำนักเลขาธิการนายกฯ เสนอการแต่งตั้งนายพีระพันธุ์ ให้ดำรงตำแหน่งข้าราชการการเมือง ตำแหน่งเลขาธิการนายกฯ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 20 ธ.ค.2565 เป็นต้นไป               

ขณะที่นายพีระพันธุ์ให้สัมภาษณ์ว่า เมื่อมีการมอบหมายพร้อมทำหน้าที่ ให้ทำอะไรเราก็ทำได้ ซึ่งทำงานกับนายกฯ ก็มีความสุขได้ทำหลายๆ อย่างให้บ้านเมืองสำเร็จ ซึ่งนายกฯ คอยชี้แนะและส่งเสริม

เมื่อถามว่า เกรงหรือไม่จะถูกวิพากษ์วิจารณ์เข้ามารับตำแหน่งใกล้เลือกตั้ง นายพีระพันธุ์กล่าวว่า ไม่มีใครไม่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ คนที่อยากวิพากษ์วิจารณ์เขาก็หาเรื่องได้ ไม่สะทกสะท้าน ทุกอย่างอยู่ที่เรา คนจะวิจารณ์ก็หาเรื่องวิจารณ์ อยู่ที่เราทำตัวให้ดี ไม่ต้องไปสนใจคนอื่น

ถามต่อว่า การวิจารณ์นั้นจะเป็นไปในลักษณะการได้เปรียบเสียเปรียบทางการเมืองกับการเลือกตั้ง นายพีระพันธุ์ตอบทันทีว่า ถามว่าในอดีตในสมัยรัฐบาลเลือกตั้งปกติ เลขาธิการนายกฯ ก็มาจากพรรคการเมือง แล้วทำไมไม่วิพากษ์วิจารณ์ แล้วถ้าหากตนเองเป็นเพียงเลขาธิการนายกฯ แล้วบอกได้เปรียบเสียเปรียบ แล้วคนที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีไม่ได้เปรียบเสียเปรียบยิ่งกว่าเหรอ ก็ไม่เป็นปัญหาอะไร ก็วิพากษ์วิจารณ์กันไป

เมื่อถามว่า อาจจะมองว่าในอดีตคนที่เป็นเลขาธิการนายกฯ ไม่ได้เป็นหัวหน้าพรรค นายพีระพันธุ์กล่าวว่า อยากให้มองอีกมุมหนึ่ง ที่ผ่านมาทำงานหลายอย่างให้นายกฯ ซึ่งก็ทำได้ทั้งหมด ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องการเมืองเลย ท่านอาจต้องการคนที่สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็ว ทำไมไม่มองเรื่องของงาน ไม่ค่อยสนใจเรื่องแบบนี้ คนอยากวิพากษ์วิจารณ์ก็ตามสบาย ใครอยากมองอะไรก็ปล่อยเขาไป เราไปห้ามไม่ได้ มันอยู่ที่เรา

ถามอีกว่า จะไม่มีปัญหาเกี่ยวกับข้อกฎหมายใช่หรือไม่ นายพีระพันธุ์กล่าวว่า ไม่มี อย่าไปคิดว่ามันมี ส่วนที่มาที่ไปของการมาเป็นเลขาธิการนายกฯ นั้น ได้รับการติดต่อให้มาทำหน้าที่นี้ ซึ่งไม่มีหน้าที่ถาม มีหน้าที่ทำงานเมื่อผู้บังคับบัญชาบอกว่าให้มาทำตรงนี้ก็มา สำหรับตำแหน่งเลขาธิการนายกฯ ไม่ได้ต่างจากที่ทำทุกวันนี้ ซึ่งไม่ว่าจะอยู่ตรงไหนก็จะเป็นอยู่อย่างนี้ งานก็ทำแบบเดิม เพียงแต่ว่าอาจมีงานด้านการบริหารเพิ่มมากขึ้น ไม่ได้รู้สึกเปลี่ยนแปลงอะไร

เมื่อถามว่า คนทั่วไปมักพูดว่าตำแหน่งเลขาธิการนายกฯ คือนายกฯ น้อย นายพีระพันธุ์กล่าวว่า “ผมไม่ได้เป็นนายกฯ สำหรับผมอดีตเป็นรัฐมนตรี เป็นที่ปรึกษานายกฯ ส่วนวันหน้าเป็นอะไรก็แล้วแต่ ผมก็คือนายพีระพันธุ์ เป็นใครเป็นอะไรผมไม่เคยสนใจ มันคือหัวโขน เป็นตัวเรา ทำงานตามแนวทางอุดมการณ์ของเราดีที่สุด เพราะผมมาทำงานไม่ได้มาเปลี่ยนชีวิต"

บิ๊กป้อมนิ่งแคนดิเดตนายกฯ

วันเดียวกัน ยังคงมีความเคลื่อนไหวทางการเมืองในพรรคต่างๆ โดยที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ก็มีความต่อเนื่องในกรณีนายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรค พปชร. สนับสนุนให้เสนอชื่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร. เป็นแคนดิเดตนายกฯ เพียงชื่อเดียว โดย พล.อ.ประวิตรมีสีหน้าเรียบเฉย และปฏิเสธตอบคำถามดังกล่าว

ต่อมา พล.อ.ประวิตรก็ยังคงปฏิเสธให้สัมภาษณ์อีกครั้งในประเด็นการเมือง โดยเดินออกจากรถเข้าห้องประชุม ครม.ทันที

นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.การคลัง ในฐานะเลขาธิการพรรค พปชร. กล่าวถึงกรณีนี้จะส่งผลให้นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ สมาชิกพรรค พปชร. ย้ายออกหรือไม่ว่า "ไม่รู้ๆ ไม่ทราบ ยังไม่ได้คุยกัน" และเมื่อถามถึงแนวโน้มจะเสนอ พล.อ.ประวิตรเป็นแคนดิเดตนายกฯ คนเดียวของพรรค พปชร. เป็นไปได้หรือไม่นั้น นายสันติกล่าวว่า ต้องคุยกันในกรรมการบริหารพรรค พปชร.

นายอิทธิพล คุณปลื้ม รมว.วัฒนธรรม ในฐานะ กก.บห.พรรค พปชร. กล่าวถึงการเสนอรายชื่อแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคว่า พล.อ.ประวิตรยังไม่ได้เรียกประชุม กก.บห. ซึ่งอาจมีการคาดคะเนกันว่าอาจเป็น 1 หรือ 2 หรือ 3 รายชื่อ โดยขึ้นอยู่กับมติที่ประชุม แต่ตอนนี้ยังไม่ได้หารือ ส่วนแคนดิเดตต้องเป็นสมาชิกพรรคหรือไม่นั้น ตามกฎหมายไม่ได้กำหนดส่วนนี้ แต่ต้องเป็นมติของ กก.บห.ที่จะเสนอ และขอให้เป็นทิศทางที่ พล.อ.ประวิตรหารือกับ กก.บห.พรรคต่อไป

เมื่อถามถึงความเป็นไปได้ที่พรรค พปชร.จะเสนอชื่อ พล.อ.ประวิตรชื่อเดียว นายอิทธิพลกล่าวว่า ยังไม่มีการหารือถึงเรื่องนี้โดยตรง แต่มีสมาชิกพรรคหลายคนเสนอหลักการว่า หัวหน้าพรรคควรเป็นแคนดิเดตนายกฯ ซึ่งส่วนตัวไม่ขัด จะมี 1 หรือ 2 หรือ 3 คน ส่วนนายมิ่งขวัญจะเป็นแคนดิเดตนายกฯ ได้หรือไม่นั้น นายมิ่งขวัญเชี่ยวชาญเศรษฐกิจ ส่วนเรื่องแคนดิเดตนายกฯ ยังไม่ทราบ เพราะหัวหน้าพรรคยังไม่ได้หารือ กก.บห.เป็นการเฉพาะ มีแต่ความเห็นส่วนตัวกัน

เมื่อถามถึงความชัดเจนในการอยู่กับพรรค พปชร. นายอิทธิพลกล่าวว่า ยังอยู่กับพรรค และในส่วนของ กก.บห.พรรคยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง เป็นไปตามที่ พล.อ.ประวิตรแถลงไว้ รัฐมนตรีของพรรคทุกคนทำงานอย่างเต็มที่ ในหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย ส่วนหลังปีใหม่จะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไรนั้น ก็เป็นไปตามที่ พล.อ.ประวิตรได้กล่าวไว้ว่าขึ้นอยู่กับการพิจารณาและวิจารณญาณของแต่ละบุคคล ขณะนี้สถานการณ์การเมืองภายในพรรคเป็นไปด้วยความเรียบร้อย มีการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.และสมาชิกใหม่ของพรรคอยู่ตลอด ส่วนสมาชิกเก่าของพรรคก็ไม่ได้มีความเคลื่อนไหวอะไรเป็นพิเศษ

ผู้สื่อข่าวถามถึงกลุ่มบ้านใหญ่ชลบุรียังอยู่หรือไม่ นายอิทธิพลกล่าวว่า ไม่ทราบ เพราะนายสนธยา คุณปลื้ม อดีตนายกเมืองพัทยา จะพิจารณาเอง ส่วนกระแสข่าวที่จะย้ายไปอยู่พรรคเพื่อไทย ก็ยังไม่ได้รับการยืนยัน

ภายหลังการให้สัมภาษณ์ นายอิทธิพลได้กระเซ้ากับผู้สื่อข่าวว่า "ช่วงนี้ควันเยอะ ยังไม่จาง ขมุกขมัวตัวกันอยู่" นักข่าวย้อนถามว่าใช่ควันการเมืองหรือไม่ นายอิทธิพลกล่าวว่า "ไม่ใช่ PM 2.5 หรอกนะ" พร้อมหัวเราะและเดินเข้าห้องประชุม ครม.ไป

สุชาติย้ำยึดตัวบุคคล

นายสุชาติ​ ชมกลิ่น​ รมว.แรงงาน​ ในฐานะผู้อำนวยการพรรค พปชร. กล่าวถึงกระแสข่าวไปร่วมงานกับพรรคอื่นที่ไม่ใช่พรรค รทสช.ว่า​ ไม่เคยไปคุยกับใคร​ และที่ผ่านมาตนเองก็ป่วย​ ขอตำหนิคนที่ปล่อยข่าวดังกล่าวออกมา​ ถ้าหากคนของคุณไปพูดมั่วๆ​ ก็ต้องละอายใจตัวเอง​ และขอตำหนิสื่อบางช่อง ที่ไม่รู้เรื่องและมาตำหนิตนเอง ซึ่งเปรียบเสมือนเป็นกบในกะลา หรือมัวแต่ไปรับงานใครมาหรือไม่ ที่มาพูดด้อยค่าคนอื่น​แบบนี้ ไม่มีจรรยาบรรณ​ของสื่อ แบบนี้ไม่ได้​ ขอให้ผู้บริหารช่องลงโทษสื่อของตัวเองด้วย

นาย​สุชาติยังกล่าวถึงทิศทาง​การเมือง​ว่า​ มีพลัง​ มีกำลัง​ ก็เดินหน้าการเมืองต่อ​ ​แต่หากถึงวันเลือกตั้งจะเป็นฝ่ายค้านหรือรัฐบาล​ ไม่สามารถตัดสินใจได้​ ขึ้นอยู่กับประชาชน​ แต่ขอยืนหยัด​กับ พล.อ.ประยุทธ์ ส่วนสถานการณ์ของนายกฯ พูดแทนไม่ได้ แต่สำหรับตนเองยืนยันไปกับ​ พล.อ.ประยุทธ์​ วันดีเดย์สมัครเป็นสมาชิกพรรค รทสช.จะเป็นเมื่อไหร่ขอให้รอถึงวันนั้นก่อน ตอนนี้ไม่สามารถพูดอะไรได้​ แต่เป้าหมายหลักทางการเมือง​คือ​ ติดตาม พล.อ.ประยุทธ์​ ไม่ได้ติดตามพรรคการเมือง​ การทำงานของตนเองยึดที่ตัวบุคคล ไม่ได้ยึดพรรค​ เพราะหากจะช่วยงานใครต้องมองที่ประเทศชาติจริงๆ​ ซึ่งใครไม่มีเรื่องทุจริต​ ไม่ได้ทำให้ประเทศเสียหาย​ ก็ทำงานให้คนนั้น

เมื่อถามว่า การเปิดตัว พล.อ.ประยุทธ์ ช้า จะส่งผลต่อเสียงสนับสนุนหรือไม่​ นายสุชาติ​กล่าวว่า​ รอถึงวันนั้น​ ไม่สามารถพูดแทนคนอื่นได้

ด้านนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงปัญหาสถานการณ์ภายในพรรคหลังมีกระแสข่าวเปลี่ยนตัวหัวหน้าพรรค ว่ามันจบแล้ว ก็เดินไปข้างหน้า ทั้งหมดไม่มีอะไร ตอนนี้สงบเรียบร้อยทุกอย่าง ส่วนกระแสข่าวเปลี่ยนตัวหัวหน้าไม่ใช่เพื่อต่อรองเก้าอี้ ซึ่งข่าวที่ออกไปผิดทั้งหมด ไม่มีต่อรองหรืออะไรทั้งสิ้น ประชาธิปัตย์แถวตรงทั้งหมด มีวินัย

เมื่อถามว่า ในอนาคตหัวหน้าพรรค ปชป.จะมีการเปลี่ยนตัวอีกหรือไม่ นายเฉลิมชัยย้อนว่า เคยบอกแล้ว เขาไม่ให้รู้ 2 อย่างคือ ไม่ให้รู้ใจคนกับไม่ให้รู้อนาคต พร้อมปฏิเสธว่าคำพูดดังกล่าวไม่มีนัยอะไร ซึ่งนี่เป็นธรรมชาติที่พระเจ้า เขาบอกไว้แล้วว่าไม่ให้รู้ใจคนกับไม่ให้รู้อนาคต นอกนั้นเดาทั้งหมด ถ้าใครมีอะไร เดี๋ยวจัดการเอง

เมื่อถามอีกว่า พรรค ปชป.จะมีเลือดไหลออกอีกหรือไม่ นายเฉลิมชัยกล่าวว่า อย่าบอกว่าเป็นการเลือดไหล เพราะรู้แล้วว่าใครจะออกไปบ้าง ถ้าออกไปแล้วไม่ทำลายพรรค ถือว่าเป็นมิตรกัน แต่ถ้าออกไปแล้วทำลายพรรคก็ต้องไปเคลียร์กันในสนามเลือกตั้ง เพราะการเมืองอยู่พรรคไหนเดี๋ยวก็ต้องเจอกัน

ขณะที่นายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรค ปชป. ในฐานะผู้อำนวยการเลือกตั้ง ได้นำนายสาคร พรหมภักดี กรรมการบริหารพรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) อดีต ส.ส.สกลนคร เดินทางเข้าพบนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรค ปชป. เพื่อสมัครเป็นสมาชิกพรรค

ประธานชวนกรีดสั่งไม่ได้

นายวิษณุกล่าวถึงความคืบหน้าร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองว่า พล.อ.ประยุทธ์ได้นำร่างกฎหมายทั้ง 2 ฉบับขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายแล้ว ตั้งแต่วันที่ 16 ธ.ค. หลังจากนี้จะอยู่ในพระราชอำนาจ 90 วัน ตั้งแต่วันที่ทูลเกล้าฯ ถวายไป ระหว่างนี้นักการเมืองยังต้องปฏิบัติตามกฎเหล็ก 180 วันของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) อยู่

ด้านนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงผลสำรวจของนิด้าโพลออกมาว่าประชาชนต้องการให้ พล.อ.ประยุทธ์ยุบสภาว่า เป็นความรู้สึกของประชาชนกลุ่มหนึ่งที่อยากให้เปลี่ยนแปลง แต่คนทั้งประเทศอาจเห็นต่างกัน ส่วนกรณีที่จะมี ส.ส.อีกจำนวนหนึ่งลาออก จะมีผลต่อความชอบธรรมในการพิจารณากฎหมายสำคัญหรือไม่นั้น โดยทั่วไปต้องรอดูตัวเลข ว่าลดลงจนไม่สามารถเป็นตัวแทนของประชาชนหรือไม่ โดยตัวเลขในขณะนี้เป็นคนที่ย้ายพรรค ซึ่งเชื่อว่าจะไม่มากไปกว่านี้

เมื่อถามถึงร่างกฎหมาย 2 ฉบับที่เกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพิ่มเติมที่พรรคเพื่อไทย (พท.) เสนอ จะมีโอกาสที่จะพิจารณาทันในสมัยประชุมนี้หรือไม่ นายชวนกล่าวว่า เข้าใจว่าในประชุมสมัยนี้ไม่ทัน เนื่องจากพรรค พท.เพิ่งเสนอเข้ามา และขณะนี้ยังมาไม่ถึง เพราะร่างที่เป็นทางการนั้น ขณะนี้อยู่ในกระบวนการการตรวจสอบความถูกต้อง ทั้งนี้ สมัยประชุมนี้เหลือสัปดาห์หน้าเพียงสัปดาห์เดียว หวังว่าวันที่ 28-29 ธ.ค. หากเป็นไปได้ร่าง พ.ร.บ.กัญชากัญชง, ร่าง พ.ร.บ.คู่ชีวิต และร่าง พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม หากผ่านก่อนสิ้นปีก็จะดี เพื่อที่กฎหมายอื่นจะสามารถเข้ามาพิจารณาได้

“ยังไม่มีสัญญาณใดๆ ที่บอกว่ารัฐบาลจะยุบสภา ซึ่งหากไม่มีการยุบสภาก็จะมีเวลาอีก 2 เดือน เราสามารถทำอะไรได้เยอะ เวลาเป็นของมีค่า หากทำงานจริงๆ ก็สามารถทำได้เยอะ”

เมื่อถามกรณีมี ส.ส.พรรค พท.พูดถึงการทำหน้าที่ของประธานสภาฯ ว่าไม่เป็นกลาง นายชวนกล่าวว่า เคยชี้แจงหลายครั้งแล้วว่าปัจจุบันฝ่ายบริหารไม่เคยมายุ่งหรือมาสั่ง ไม่เหมือนสมัยก่อน สมัยที่พรรคของผู้ที่พูดเรื่องนี้ เป็นรัฐบาล นายกฯ สั่งให้ทำแม้กระทั่งเรื่องที่ไม่ถูก และเชื่อว่าประธานทุกคนมีความเป็นกลาง จะมีแค่สมัยในยุคของประธานคนที่พูดเท่านั้นที่มีปัญหา

 “ท่านสมาชิกสบายใจได้ ในยุคที่ผมอยู่  ไม่มีใครมาสั่งให้ทำอะไรที่ผิด ซึ่งผู้ที่พูดเรื่องนี้อยู่ในยุคของประธานที่สามารถสั่งได้ เขาเลยอาจคิดว่าในยุคนี้อาจเหมือนยุคของพวกเขา ขอเรียนว่าไม่มี สภาไม่มีชีวิตไม่มีเสื่อม มีแต่คนที่จะทำให้ภาพพจน์ของสภาเสียหาย ไปประเมินกันเองว่าสมัยที่พรรคของตนเป็นรัฐบาล สภาอยู่ในอาณัติของหัวหน้าพรรค และนายกฯ สามารถสั่งได้ แต่ย้ำว่าในสมัยนี้ไม่มี” นายชวนกล่าว

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ถึงร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรค พท. ว่ายังไม่เห็นรายละเอียด พรรคยังไม่มีการคุยหรือหารือกันเรื่องนี้ เพราะมัวแต่วุ่นวายกับการเตรียมการเลือกตั้งมากกว่า และเหลือเวลา 2-3 เดือน จะเสนอทันหรือเปล่าก็ไม่รู้.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง