ยื่นร่างนิรโทษ หวังทัน28ก.พ. บิ๊กตูยั่งกอดกม.

ระวี มาศฉมาดล

"หมอระวี" ยื่นแล้วร่าง พ.ร.บ.สร้างเสริมสังคมสันติสุข นิรโทษกรรมคดีการเมืองเพื่อความปรองดอง  ย้ำยกเว้น 3 ข้อ โกง-ม.112-คดีร้ายแรง  หวังให้ผ่านก่อน 28 ก.พ.66 ให้เวลา 10 เดือนรัฐมนตรียุติธรรมปล่อยผียกเข่ง  "แนวร่วมแดง" กลับใจตั้งกลุ่มรวมไทยรักชาติหนุน "ประยุทธ์" เดินหน้าสลายความขัดแย้ง ขณะที่ "บิ๊กตู่" ฉุนครูบูลลี่ "ป๋าเปรม" สั่งฟันคนทำแตกสามัคคีต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายทั้งหมด ไล่ไปสู้คดีกันเอาเอง

ที่รัฐสภา วันที่ 22 ธันวาคม นพ.ระวี มาศฉมาดล ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ แถลงว่า ได้ยื่นร่างพระราชบัญญัติสร้างเสริมสังคมสันติสุข พ.ศ..... โดยมีหลักการคือ ให้มีกฎหมายว่าด้วยการสร้างเสริมสังคมสันติสุข โดยให้มีการนิรโทษกรรมแก่ผู้ซึ่งกระทำความผิดเนื่องจากการชุมนุมทางการเมือง การแสดงออกทางการเมืองของประชาชน

นพ.ระวียังกล่าวถึงเหตุผลของร่างกฎหมายฉบับนี้ว่า ตลอดระยะเวลาสิบกว่าปีที่ผ่านมา สังคมไทยเกิดการแตกแยกความคิดทางการเมือง แบ่งแยกเป็นฝักเป็นฝ่ายอย่างรุนแรง และกระจายไปทั่วประเทศ มีการชุมนุมทางการเมืองต่อต้านรัฐบาลอย่างต่อเนื่องหลากหลายรูปแบบ ฝ่ายรัฐบาลได้ประกาศและบังคับใช้กฎหมายควบคุมการชุมนุมอย่างเข้มงวด เพื่อควบคุมและยุติการชุมนุมทางการเมือง ส่งผลให้การชุมนุมทางการเมืองของประชาชนเกิดการกระทำผิดต่อกฎหมายที่ภาครัฐประกาศและบังคับใช้อย่างเคร่งครัด ขาดการยืดหยุ่นจนเกินความจำเป็น บางครั้งก็มีการสลายการชุมนุมโดยใช้ความรุนแรงต่อผู้ชุมนุม เจ้าหน้าที่และประชาชนจำนวนมากเกิดการบาดเจ็บล้มตาย ผู้ร่วมชุมนุมจำนวนมากถูกดำเนินคดีทั้งทางแพ่งและอาญา ลงท้ายด้วยการจำคุกและชดใช้ค่าเสียหายทางแพ่ง ก่อให้เกิดปัญหาที่ร้าวลึกปรากฏการณ์ดังกล่าวนี้ สร้างความเสียหายอย่างรุนแรงต่อประเทศชาติ ทั้งทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคม ความมั่นคงและวัฒนธรรม

“การกระทำต่างๆ ของผู้ร่วมชุมนุมและประชาชน ล้วนแต่ได้กระทำไปเพื่อ แสดงออกทางความคิดเห็นทางการเมือง เพื่อเรียกร้องต่อรัฐบาล ไม่ใช่แสดงออกเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว เป็นการใช้สิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานของประชาชนตามรัฐธรรมนูญ จึงสมควรให้มีการนิรโทษกรรมแก่ประชาชนทุกกลุ่มที่ได้กระทำผิดจากการชุมนุมทางการเมืองและจากการแสดงออกทางการเมือง เพื่อเป็นการให้โอกาสกับประชาชนในการแสดงออกทางการเมือง เป็นการส่งเสริมสิทธิมนุษยชนและสิทธิพลเมืองตามระบอบประชาธิปไตยเป็นการรักษาคุ้มครองศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ซึ่งจะส่งผลต่อการสร้างเสริมสังคมสันติสุข ลดความขัดแย้งและสร้างความสามัคคีปรองดองของคนในชาติ เพื่อให้สังคมไทยและประเทศชาติกลับมาสู่ความสงบสุข สมัครสมานสามัคคี ร่วมแรงร่วมใจกันพัฒนาประเทศให้มีความเจริญยั่งยืนต่อไป”

สำหรับพระราชบัญญัติดังกล่าวมีข้อยกเว้น 3 ประการคือ 1.ไม่นิรโทษกรรมคดีทุจริตคอร์รัปชัน 2.คดีมาตรา 112 และ 3.ความผิดอาญาที่รุนแรงที่ทำให้มีผู้เสียชีวิต รวมทั้งให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมตั้งคณะกรรมการกลั่นกรองคดีนิรโทษกรรม จำนวน 7 คน ภายใน 60 วันหลังจากที่ พ.ร.บ.ดังกล่าวผ่าน โดยมีระยะเวลาในการดำเนินการ 10 เดือน หากผู้ที่ได้รับการนิรโทษกรรมผ่านไปแล้วกลับมาทำผิดอีกครั้ง ศาลยุติธรรมจะไม่มีการรอการลงอาญา หรือรอการลงโทษใดๆ ทั้งสิ้น คาดว่าจะมีการประสานกับ ส.ส.พรรคต่างๆ เพื่อผลักดันร่าง พ.ร.บ.นี้ให้พิจารณาได้ทันในสมัยการประชุมนี้ก่อนวันที่ 28 ก.พ.2566

ด้านนายสิระ พิมพ์กลาง อดีตแนวร่วมคนเสื้อแดงภาคอีสาน เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 21 ธ.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เดินทางมาตรวจราชการจังหวัดเชียงราย ตนและคณะกว่า 80 คน ส่วนใหญ่เคยเป็นแนวร่วมคนเสื้อแดง มีโอกาสได้เข้าพบและมอบเสื้อ เพื่อแสดงถึงสัญลักษณ์แห่งความสามัคคี ปรองดองให้กับนายกรัฐมนตรี แม้ในอดีตจะเคยร่วมเคลื่อนไหวกับกลุ่มคนเสื้อแดง ต่อสู้เรียกร้องประชาธิปไตย แต่ในวันนี้เมื่อมามองถึงเหตุการณ์ปัจจุบัน เห็นว่าประเทศมีความขัดแย้ง และได้หารือกับพี่น้องที่เคยเคลื่อนไหว หลายคนมองไปในทิศทางเดียวกัน ต่างอยากเห็นประเทศหลุดออกจากความขัดแย้งเสียที จึงได้รวมตัวในนามกลุ่มรวมไทยรักชาติ โดยมีวัตตุประสงค์หวังจะทำความเข้าใจผู้คนหลายภาคส่วน ขอเป็นส่วนร่วมในการเดินหน้าประเทศ มุ่งหวังที่สลายความขัดแย้ง ให้บ้านเมืองเดินหน้าไปสู่ความรัก ความสามัคคี เชื่อว่า คนทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นนายกฯ หรือใครก็ตาม คงอยากจะเห็นบ้านเมืองปรองดอง คนไทยรักสามัคคีกัน

"ขอขอบคุณ พล.อ.ประยุทธ์ ที่มีความพยายามผลักดัน ทำเรื่องนี้อยากให้เกิดขึ้นจริง ขอบคุณนายหิมาลัย ผิวพรรณ เมื่อได้พูดคุย ต่างสนับสนุนแนวทางนี้" นายสิระกล่าว

ขณะเดียวกัน ที่ห้องประชุมศรียานนท์ ชั้น 2 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) โดยภายหลังเยี่ยมชมบูธนิทรรศของขวัญปีใหม่จากตำรวจไทยสู่ประชาชน พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวตอนหนึ่งว่า เราต้องหันหน้าเข้าหากัน ไม่ใช่เกลียดชังกัน ถ้าเกลียดชังกันคอยจับผิดจับถูกกันตลอดเวลา มันไม่มีอะไรเกิดขึ้นที่ดีได้ ความเข้าใจมันก็ลดลงไปเรื่อยๆ เมื่อสักครู่ผมได้สั่งการแล้ว สิ่งสำคัญวันนี้ เราดูแลประชาชนอย่างนี้ ประชาชนก็ต้องดูแลชาติบ้านเมืองด้วย ต่อไปนี้สิ่งใดก็ตามที่ทำให้เกิดความไม่สมัครสมานสามัคคี อะไรก็ตามที่ทำให้เกิดความแตกแยกหรือ ทำให้สังคมวุ่นวาย ทั้งหมดจะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายทั้งหมดทุกประการ ก็ไปสู้คดีกันเอาเอง ฉะนั้นผมสั่งในฐานะที่ไม่ได้บังคับใคร สั่งให้ปฏิบัติตามกฎหมายทุกกรณีทั้งสิ้น ไม่ว่าการจะบูลลี่กันในโรงเรียน เอาคนเข้าไปในโรงเรียนหรือในสถานศึกษา

"ต่อไปนี้มีความผิดทั้งหมด ไปหากฎหมายดำเนินการให้ได้ทั้งหมด ทั้งผู้อำนวยการสถาบันการศึกษา ครู อาจารย์ ทั้งหมดโดนหมด ไม่เช่นนั้นไม่หยุด บ้านเมืองจะอยู่กันได้อย่างไรถ้าเป็นแบบนี้ ทั้งหมดนี้คือความสุขให้กับคนบริสุทธิ์ คนที่เขาทำความดีไม่อยากมีความขัดแย้ง ฉะนั้นไม่ยกเว้นใครทั้งสิ้น ไม่ว่าจะใครทั้งสิ้นถ้าทำเข้าคดี ผิดกฎหมาย ต้องดำเนินการทั้งหมดโดยทันที จะกี่คดีก็ต้องดำเนินการ อันนี้แจ้งเตือนไว้ก่อน สื่อโซเชียลโดนด้วยทั้งหมด" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่มีการวิพากษ์วิจารณ์บนโลกออนไลน์เกี่ยวกับครูสาวโรงเรียนแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร มีการสอนเนื้อหาในวิชาประวัติศาสตร์ พาดพิง พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ อดีตประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ โดยมีเด็กนักเรียนได้ถ่ายคลิปขณะครูสาวบูลลี่ พล.อ.เปรมไว้ด้วย และมีรายงานว่าเด็กนักเรียนคนดังกล่าวกำลังถูกข่มขู่ด้วย.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ชงไทยบี้เมียนมา งดขายน้ำมันให้ เจรจาสันติภาพ

"โรม" เสนอให้ไทยงดขายน้ำมันให้ "เมียนมา" ปูดใช้ไทยฟอกเงินเครือข่ายซื้ออาวุธที่ใช้ปฏิบัติการ เตือนถูกดึงไปเอี่ยวร่วมฆ่าล้างเผ่าพันธุ์