แฉมีก๊วนปลุกปั่น สั่นคลอนสถาบัน ลุยแก้112คุ้มครอง

ซูเปอร์โพลเผยมีพรรคการเมืองบางพรรค นักวิชาการ นักเคลื่อนไหวบางคน ยุยง ปลุกปั่นเด็กและเยาวชนคนรุ่นใหม่ให้สั่นคลอนสถาบันหลักของชาติ  ชี้ผู้หลักผู้ใหญ่ในรัฐบาลปล่อยปละละเลยไม่จัดการขั้นเด็ดขาด "หมอวรงค์" เริ่มรณรงค์ลงชื่อแก้มาตรา 112 เพิ่มความคุ้มครองสถาบันพระมหากษัตริย์

เมื่อวันอาทิตย์ ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล เปิดเผยผลสำรวจเรื่อง สถาบันหลักของชาติ กับ คนไทย กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ จำนวน 1,159 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 20-24 ธันวาคม 2565 ที่ผ่านมา สรุปว่า ข้อเท็จจริงส่วนใหญ่หรือร้อยละ 80.1 พบว่ามีการยุยง ปลุกปั่นมากถึงมากที่สุด ให้เด็กและเยาวชนสั่นคลอนสถาบันหลักของชาติในโลกโซเชียล ในขณะที่ร้อยละ 14.6 ระบุกลางๆ และร้อยละ 5.3 ระบุน้อยถึงไม่มีเลย

ความคิดเห็นและประสบการณ์ของประชาชนต่อการสั่นคลอนสถาบันหลักของชาติ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 85.9 ระบุ มีพรรคการเมืองบางพรรค นักการเมือง นักวิชาการ นักเคลื่อนไหวทางสังคมบางคน ยุยง ปลุกปั่น เด็กและเยาวชน คนรุ่นใหม่ ให้สั่นคลอนสถาบันหลักของชาติ  นอกจากนี้ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 79.9 ระบุผู้หลักผู้ใหญ่ในรัฐบาลบางคนปล่อยปละละเลย ไม่มีมาตรการเชิงรุก ไม่เด็ดขาดจัดการขบวนการสั่นคลอนสถาบันหลักของชาติ และส่วนใหญ่หรือร้อยละ 78.4 ระบุต่างชาติสนับสนุนขบวนการสั่นคลอนสถาบันหลักของชาติไทย

ความพร้อมของประชาชน ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 81.8 ระบุพร้อมมากถึงมากที่สุด ในการปฏิเสธพรรคการเมืองที่สั่นคลอนสถาบันหลักของชาติ ในขณะที่ ร้อยละ 14.8 ระบุกลางๆ และร้อยละ 3.4 ระบุน้อยถึงไม่พร้อมเลย

ผอ.ซูเปอร์โพลกล่าวว่า ทุกครั้งที่มีเหตุการณ์ต่อสถาบันหลักของชาติ จิตใจของคนไทยส่วนใหญ่จดจ่อต่อเหตุการณ์ใกล้ชิดจากการเกาะติดสถานการณ์สั่นคลอนสถาบันหลักของชาติในโลกโซเชียล และการสำรวจอย่างต่อเนื่องกว่า 5 ปีที่ผ่านมา พบว่าสถานการณ์การสั่นคลอนสถาบันหลักของชาติยังน่าเป็นห่วง เพราะในข้อเท็จจริงที่ค้นพบยังคงมีการยุยงปลุกปั่นเด็ก เยาวชน สั่นคลอนสถาบันหลักของชาติในโลกโซเชียลอย่างกว้างขวาง มีการยุยงซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทำให้ความสนใจของเด็ก เยาวชน ที่ตอนแรกเพียงแค่ “อยากรู้อยากเห็น” ต้องการหาความจริงแต่เมื่อทดลองเข้าไปดู ก็จะถูกขบวนการสั่นคลอนสถาบันหลักของชาติปล่อยข้อมูลในทางลบเข้ามายังการรับรู้ของเด็กและเยาวชนต่อเนื่อง ในลักษณะซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทำให้กลุ่มเด็กเยาวชนที่เคยแค่อยากรู้อยากเห็น เปลี่ยนมาเป็นข้อสงสัย จากข้อสงสัยเปลี่ยนมาเป็นคิดว่าน่าจะจริง จากที่คิดว่าน่าจะจริงกลายเป็นอคติฝังใจ ถูกบิดเบือนว่าจริงไปแล้ว พัฒนาไปสู่ขั้วข้าง สร้างความเกลียดชังขึ้นในทัศนคติและพฤติกรรมที่แสดงออก น่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง

"ถ้าวันนี้ผู้หลักผู้ใหญ่ในรัฐบาลหันมาเอาจริงเอาจังกับขบวนการในโลกโซเชียล ออกแบบสถาปัตยกรรมทางไซเบอร์ ปรับปรุงกฎหมายทางไซเบอร์ รณรงค์เสริมสร้างความตระหนักและดึงความร่วมมือจากภาคประชาสังคม (Civil Society) ทำให้คนไทยมั่นคงแข็งแกร่ง เกิดจิตสำนึกทัศนคติที่ดีต่อความมั่นคง ปลอดภัยของชาติ ผลประโยชน์ชาติและผลประโยชน์ส่วนตัวของประชาชน ผลที่ตามมาคือคนไทยจะเลือกปฏิเสธและไม่สนับสนุนขบวนการสั่นคลอนสถาบันหลักของชาติในทุกรูปแบบ ทั้งพรรคการเมือง นักการเมือง นักวิชาการ และนักเคลื่อนไหวทางสังคม ที่กำลังพยายามสั่นคลอนสถาบันหลักของชาติในเวลานี้" ผอ.ซูเปอร์โพลกล่าว

ด้าน นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี โพสต์เฟซบุ๊ก Warong Dechgitvigrom ระบุว่า #เพิ่มความคุ้มครองมาตรา 112 พรรคไทยภักดีขอเชิญชวนพี่น้องประชาชน เข้าร่วมแคมเปญ รณรงค์ “เพิ่ม มากกว่า แก้ ม.112 คุ้มครองสถาบันพระมหากษัตริย์” พรรคไทยภักดีอาสาเป็นกองหน้าประชาชนเดินหน้า รวบรวมรายชื่อของพี่น้องประชาชน เพื่อเสนอเป็นร่างแก้ไขแก้ ม.112 เพื่อเพิ่มความคุ้มครอง-เพิ่มความคุ้มครองอดีตพระมหากษัตริย์ทุกพระองค์ในราชวงศ์จักรี-เพิ่มความคุ้มครองพระบรมวงศานุวงศ์ตั้งแต่พระองค์เจ้าขึ้นไป-เพิ่มความคุ้มครองข้อความ "สถาบันพระมหากษัตริย์"  โดยประชาชนสามารถร่วมลงชื่อ (ปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์) ได้ที่ : 112.thaipakdee.org ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

หมายเหตุ สามารถแชร์ผ่านทางไลน์ ให้พี่น้องผู้สนใจร่วมลงชื่อได้ครับ ติดตามข่าวสารของพรรคไทยภักดี ได้ที่ Line Official คลิก https://lin.ee/rP11pu0A

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง