ยังคึกไปต่อได้อีกยาว ‘ไตรรงค์’ขึ้นตึกไทยคู่ฟ้าอวยบิ๊กตู่/‘สอท.-ทสท.’จับมือเป็นพันธมิตร

“พีระพันธุ์” ควง "ไตรรงค์" ขึ้นตึกไทยคู่ฟ้าพบนายกฯ พร้อมดูห้องทำงานที่ปรึกษาฯ “สามสี” อวย "บิ๊กตู่" ยังคึกไปต่อได้อีกยาว ชี้ไม่จำเป็นต้องแนะปรับลุคเดี๋ยวเป็นนักการเมืองเองตามธรรมชาติ “หมอระวี” ลั่นรวมพรรคเล็กสู้ “อนุพงษ์” รับไม่เหมาะเล่นการเมืองเตรียมวางมือ “วิษณุ” เผย “รบ.” รอ “สภา” ประสานเคาะวันซักฟอก “อนุทิน” ขอทำ ภท.เป็นทางเลือกพาชาติพ้นขัดแย้ง ไม่ยึดติดเป้า 120 เสียง “พท.” เอาคืนยื่น กกต.ฟัน "สนธิญา" โยง "อิ๊ง" ไปพอ "ทักษิณ" หวังลากยุบพรรค “สอท.-ทสท” แทงกั๊กควบรวม “หน่อย” บอกแค่จับมือเป็นพันธมิตรการเมือง “สมคิด” ขอเลิกถามแคนดิเดตนายกฯ

ที่ทำเนียบรัฐบาล วันที่ 29 ธ.ค. เวลา 14.45 น. นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เลขาธิการนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) และนายไตรรงค์ สุวรรณคีรี ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีและสมาชิกพรรค รทสช. พร้อมทีมงานเข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมง

จากนั้นนายไตรรงค์กล่าวว่า มาตามคำสั่งของนายพีระพันธุ์เพื่อมาดูห้องที่มีการจัดเตรียมไว้ให้ว่าพอใจหรือไม่ ซึ่งจริงๆ แล้วตนมาทำหน้าที่ที่ปรึกษานายกฯ โดยระยะเวลาที่ผ่านมา 1-2 เดือน มีประชาชนร้องทุกข์ในเรื่องปัญหาต่างๆ ทั้งปัญหาการนำเข้า-ส่งออก มีอุปสรรค ไม่สะดวก ไม่คล่องตัว ทำงานกันลำบาก หรือปัญหาหนี้สินเกษตรกร ชาวไร่ ชาวนา ที่เดือดร้อนอยากให้รัฐบาลรีบดูแล และวันนี้ตนมีคณะที่ปรึกษาทั้งนักเศรษฐศาสตร์และคนที่ผ่านงานในระดับสถาบันการเงินต่างๆ รวมถึงข้าราชการที่เกษียณแล้วรวมกว่า 50 คน มาให้คำแนะนำว่าปัญหาพวกนี้ควรจะแก้ไขอย่างไร จึงมากราบเรียนให้นายกฯ ทราบถึงแนวทางการแก้ปัญหา 1, 2, 3 ว่านายกฯ จะเลือกแนวทางไหน

“นี่คือหน้าที่ของผม ซึ่งมีหน้าที่เป็นที่ปรึกษานายกฯ ทำหน้าที่เสนอ ไม่ควรบังอาจไปสั่งการเอง แบบนั้นมันไม่ถูก เพียงแต่เรามีหน้าที่เสนอให้นายกฯ ทราบ เป็นการเสนอแนะแนวทาง แล้วนายกฯ จะเป็นคนตัดสินใจเองทุกอย่าง แต่ทุกอย่างออกมาเชื่อเถอะดีหมด และผมจะช่วยเร่งรัดการปฏิบัติงานของข้าราชการ โดยผ่านวิธีอย่างนี้” นายไตรรงค์กล่าว

ถามว่า นายกฯ มีอะไรอยากให้ช่วยเป็นกรณีพิเศษหรือไม่ นายไตรรงค์กล่าวว่า ไม่มี นายกฯ ไม่ได้ฝากอะไร ตนคุยกันบ่อย คุยกันเยอะมากเรื่องแล้ว เรียกได้ว่าแทบรู้กันทุกเรื่อง ไม่ต้องฝากอะไรแล้ว แค่มองตาก็รู้ใจกันว่าจะต้องแก้ปัญหากันยังไง

ซักว่า ได้ถามนายกฯ หรือไม่ว่าจะไปสมัครเป็นสมาชิกพรรค รทสช.วันไหน นายไตรรงค์รีบปฏิเสธที่จะตอบคำถาม พร้อมระบุว่า อันนี้เป็นเรื่องของหัวหน้าพรรค ก่อนหันไปหานายพีระพันธุ์ที่ยืนอยู่ด้านข้าง

พอถามว่าได้ให้กำลังใจนายกฯ อย่างไร นายไตรรงค์กล่าวว่า ไม่ ตนแค่อวยพรปีใหม่กันนิดหน่อย แต่คงไม่ต้องให้กำลังใจ เพราะดู พล.อ. ประยุทธ์ยังคึกอยู่ เมื่อถามว่าต้องปรับลุคให้ พล.อ.ประยุทธ์หรือไม่เพื่อให้เป็นนักการเมืองเต็มขั้น นายไตรรงค์กล่าวว่า ก็จะเป็นไปเองตามธรรมชาติ ของพวกนี้จะเป็นไปเองตามธรรมชาติ เมื่อถามว่าบุคลิกอย่าง พล.อ.ประยุทธ์ยังไปต่อได้ยาวใช่หรือไม่ นายไตรรงค์กล่าวว่า บุคลิกเหมือนกับตน ไปต่อได้

ส่วนนายพีระพันธุ์กล่าวว่า วันนี้ไม่ได้พูดเรื่องเข้าพรรคกับนายกฯ มาในเรื่องภารกิจงานราชการ ซึ่งนายกฯ ได้ให้แนวทางการทำงานเรื่องปัญหาปากท้องของประชาชนเป็นหลัก ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในเรื่องความเป็นอยู่ โดยมอบแนวทางให้นายไตรรงค์ไปปฏิบัติ

ถามว่า แบ่งการทำงานในส่วนของรัฐบาลและพรรค รทสช.กันอย่างไร นายพีระพันธุ์กล่าวว่า แยกชัดเจน ไม่เกี่ยวกัน ตนแยกหน้าที่ออก อะไรคือเรื่องส่วนตัว อะไรคือเรื่องส่วนรวม อย่างไหนงานราชการ อย่างไหนเป็นงานส่วนตัว เราแยกกันได้

‘ป๊อก’ วางมือไม่ไป 'รทสช.'

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นพ.ระวี มาศฉมาดล หัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ พร้อมด้วย นายพีระวิทย์ เรื่องลือดลภาค หัวหน้าพรรคไทรักธรรม และนายสัมพันธ์ เลิศนุวัฒน์ หัวหน้าพรรคพลเมืองไทย ได้เดินทางมายังตึกบัญชาการ ทำเนียบรัฐบาล โดย นพ.ระวีกล่าวว่า มาอวยพรปีใหม่นายกฯ ส่วนการตัดสินใจร่วมงานทางการเมืองของกลุ่มพรรคเล็กในขณะนี้มีทั้งต้องต่อสู้เอง ส่วนตนเองได้รวมกลุ่มกับพรรคเล็กเพื่อต่อสู้ โดยไม่ได้จะไปร่วมงานกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) หรือ พล.อ.ประยุทธ์ ที่พรรค รทสช. เพราะอยากเป็นอิสระที่พร้อมสนับสนุนฝ่ายประชาชนและยึดผลประโยชน์ของชาติ ยืนยันไม่น่าจะมีการพลิกขั้วหรือเลือกไปอยู่กับอีกฝ่ายหนึ่ง

ด้าน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวถึงทิศทางทางการเมืองของตนเอง หลัง พล.อ.ประยุทธ์มีความชัดเจนกับพรรค รทสช.ว่า นายกฯ ยังไม่มีการชวน ซึ่งหลักเกณฑ์ในการตัดสินใจทำการเมืองตนเคยกล่าวในการประชุมว่า ตนประเมินตัวเองว่าเราเหมาะสมที่จะต้องไปทำหรือไม่

“ผมก็ประเมินตัวเองว่าเราเหมาะสมที่จะต้องไปทำไหม ก็ต้องพิจารณา อายุก็เยอะแล้ว และมีคนที่มีความสามารถที่มีความตั้งใจ อายุน้อยก็มีเยอะ” พล.อ.อนุพงษ์กล่าว

 ถามย้ำว่า จะมีการประเมินอีกครั้งหรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่า ตนน่าจะพิจารณาตัวเองแล้ว ไม่น่าเหมาะสม

ซักว่า หากนายกฯ มาชวนจะทำการเมืองต่อหรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ถามกลับว่า “ใคร นายกฯ คนไหน มีตั้งเยอะแยะ รวมไทยฯ ผมไม่ไปอยู่แล้ว ในอนาคต นายกฯ ไหนผมก็ไม่ทราบ”

มีรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า ในวันที่ 6 ม.ค.66 พล.อ.ประยุทธ์มีกำหนดจะลงพื้นที่ที่ จ.สิงห์บุรี เพื่อเยี่ยมพื้นที่แปลงนาในโครงการงานถ่ายทอดเทคโนโลยี การปฏิวัติการทำนาสู่ความยั่งยืน ที่ ต.น้ำตาล อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี เยี่ยมชมนิทรรศการของดีเมืองสิงห์บุรี พบปะเยี่ยมเยียนประชาชนและเกษตรกร และเดินทางกลับกรุงเทพมหานครในเวลา 11.00 น.

ขณะที่ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายกฎหมาย กล่าวถึงขั้นตอนภายหลังจากที่ฝ่ายค้านยื่นขอเปิดอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 ต่อนายชวน หลีกภัย ประธานสภาว่า หลังจากนี้ประธานสภาจะตรวจสอบรายชื่อที่ฝ่ายค้านรวบรวมมาว่าถูกต้องและครบตามขั้นตอนตามกฎหมายหรือไม่ ซึ่งก็ไม่ได้เป็นเรื่องยากอะไร จากนั้นจะแจ้งมายังรัฐบาลว่าจะพร้อมเมื่อไหร่ ซึ่งคณะรัฐมนตรี (ครม.) จะต้องรอประชุมในวันที่ 3 ม.ค.2566 แต่ตนยังไม่ทราบว่าวันที่ 3 ม.ค.นี้ สภาจะส่งมติมาได้หรือไม่ เพราะช่วงปีใหม่อาจจะยังตรวจสอบไม่เสร็จ แต่ถ้าพร้อมแล้ว ครม.จะตอบกลับไปว่าพร้อมช่วงเวลาใด

ถามว่าช่วงปลายรัฐบาลนี้ฝ่ายรัฐบาลมีสิทธิ์ทำสภาล่มเพื่อเอาคืนฝ่ายค้านได้หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ทำได้ทุกวันทุกเวลาอยู่แล้ว พิจารณากฎหมาย พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญ อภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่การอภิปรายในครั้งนี้ไม่มีการลงมติ และที่สำคัญไม่มีผลต่อตำแหน่งใดๆ ต่อผู้ถูกอภิปราย 

 “การจะอภิปรายได้ต้องครบองค์ประชุมเสียก่อน ส่วนแนวโน้มสภาจะล่มหรือไม่ผมไม่ทราบ แต่เชื่อว่าการอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมานี้ถือเป็นโอกาสดีที่รัฐบาลจะได้ชี้แจงเรื่องต่างๆ ที่ฝ่ายค้านและประชาชนไม่เข้าใจให้เกิดความเข้าใจอย่างชัดเจน” นายวิษณุกล่าว

ภท.ไม่ยึดติด 120 เสียง

วันเดียวกัน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวถึงการตั้งเป้า ส.ส.ของพรรคจะเกิน 120 เสียงตามที่นายเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เคยระบุไว้หรือไม่ว่า เชื่อว่าที่นายเนวินบอกว่าขอให้ได้ 120 คน ระหว่างวันเกิดครบรอบ 64 ปี ที่ จ.บุรีรัมย์ เมื่อวันที่ 4 ต.ค.ที่ผ่านมานั้น นายเนวินพูดขึ้นมาก็ไม่มีตัวเลขนี้ในหัวหรอก ท่านก็กลอนพาไปเท่านั้น ท่านเดินเข้ามาเห็นคนมาเยอะแยะ ก็เลยพูดว่า 120 คงเป็นการอุปมาอุปไมย ฉะนั้นอย่าไปยึดติดกับตัวเลขใดๆ มีปัญญาทำพรรค ทำนโยบาย คัดเลือกผู้สมัครที่โดนใจประชาชนหรือไม่ แล้วเข้ามาได้แค่ไหน นั่นคือของจริง อีก 3-4 เดือนก็รู้แล้ว  

 “การทำการเมืองแบบพรรค ภท. ต้องเอาประสบการณ์ที่เลวร้าย คือความขัดแย้ง ความเกลียดชัง ฝักใฝ่ความรุนแรง ทำให้แตกความสามัคคี ของเหล่านี้พรรคภูมิใจไทยต้องไม่ทำ ถึงแม้เราจะถูกกระทำ เราจะทำได้หรือไม่ พอกันทีและขอโอกาสที่จะนำประเทศออกจากความขัดแย้ง” นายอนุทินกล่าว

ถามว่ามีเสียงวิจารณ์ว่า คนที่มาอยู่พรรค ภท.เพราะมีกระสุนดินดำเยอะใช่หรือไม่ หัวหน้าพรรค ภท.กล่าวว่า มโนกันไปเรื่อย เวลาจะย้ายไปพรรคการเมืองไหนเขาก็ต้องดูว่านโยบายพรรคการเมืองนั้นดีหรือไม่ รูปแบบของพรรคนั้นเป็นอย่างไร ซึ่งพรรคภูมิใจไทยมีความเป็นเอกลักษณ์ที่ชัดเจนเรื่องของความเป็นหนึ่งเดียวกัน  มีความเป็นเอกภาพ บางครั้งผู้สมัครก็ต้องการเช่นนี้ เขาอาจจะคิดว่าตรงนี้แสดงถึงความอบอุ่นก็ได้ ไปคุยกับชาวบ้านได้ว่าจะได้แรงสนับสนุนทั้งพรรค สิ่งที่จะทำให้ได้ ส.ส.คือนโยบายกับความขยันของ ส.ส.  

“ส่วนกระสุนและเงินทองเป็นการวิเคราะห์ของคนภายนอก ถ้าบอกว่ากระสุนหรือเงินทองสามารถทำให้ชนะได้ เราก็คงไม่ต้องมานั่งคิดนโยบาย เดินทางขึ้นเหนือล่องใต้หาเสียง ถ้าหากใช้กระสุนดินดำจริงคงไม่ต้องเดินหาเสียง” หัวหน้าพรรค ภท.กล่าว

ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา และเลขาธิการพรรค พท. กล่าวถึงการเลือกตั้งว่า หลังจากพรรคได้เปิดตัววิสัยทัศน์รัฐบาลพรรคเพื่อไทยในปี 2570 โดย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม และหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย พบว่าได้รับการตอบรับจากประชาชนเป็นอย่างดี ประชาชนต้องการเห็นความเปลี่ยนแปลงในคุณภาพชีวิต อยากเห็นความเปลี่ยนแปลงของประเทศไปในทิศทางที่ดีกว่าวันนี้ จึงได้มอบหมายให้ ส.ส.และผู้ซึ่งประสงค์สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ที่พรรคได้ประกาศรายชื่อทั้งหมด  นำแผ่นป้ายนโยบายหลัก 8 ด้าน ดำเนินการติดตั้งให้แล้วเสร็จทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทยก่อนช่วงเทศกาลปีใหม่ปี 2566

โดยแผ่นป้ายนโยบายทั้ง 8 ด้าน ได้แก่ 1.ค่าแรงขั้นต่ำ 600บ./วัน ปริญญาตรี 25,000 บ./เดือน ภายในปี 2570 2.เพื่อไทยมายาเสพติดหมดไป คืนชีวิตปลอดภัยให้ประชาชน 3.ยกระดับ 30 บาท บัตรประชาชนใบเดียวรักษาทั่วไทย จองคิวได้เร็ว วัคซีนมะเร็งปากมดลูกฟรี ซึมเศร้าใกล้บ้านรักษาฟรี 4.เพื่อไทยเป็นรัฐบาล ค่าไฟ ค่าน้ำมัน ค่าแก๊ส ลดราคาทันที 5.ราคาพืชผลเกษตรขึ้นยกแผง เพื่อไทยเคยทำได้และจะทำอีก 6.อินเทอร์เน็ตความเร็วสูงทุกหมู่บ้าน สร้าง Blockchain สัญชาติไทย ค้าขายออนไลน์สร้างรายได้ใหม่ให้ครอบครัว 7.เร่งสร้างคนทำงานทักษะสูง สร้างงาน 20 ล้านตำแหน่ง รายได้ไม่ต่ำกว่า 200,000 บาท/ปี 8.นโยบายดีๆ ใครก็พูดได้ แต่พรรคที่ทำได้และทำเป็น คือ เพื่อไทย

 “การเลือกช่วงเวลาติดแผ่นป้ายนโยบายในช่วงเทศกาลปีใหม่ เพื่อเป็นการส่งมอบความสุขและความหวังในการเดินทางเข้าสู่ปี 2566 ปีแห่งการเริ่มต้นใหม่ เปลี่ยนไปสู่รัฐบาลใหม่ เปลี่ยนผู้นำประเทศคนใหม่ และจะดียิ่งไปกว่านั้นคือ พี่น้องประชาชนจะได้รัฐบาลพรรคเพื่อไทย เป็นรัฐบาลที่จะนำพาคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าวันนี้” เลขาฯ พรรค พท.กล่าว

‘สอท.-ทสท.’ กั๊กควบรวม

  ด้าน น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ส.ส.กทม.และโฆษกพรรค พท. พร้อมด้วยนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ และรองหัวหน้าพรรค นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี แถลงข่าวกรณีนายสนธิญา สวัสดี ยื่นหนังสือต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้ดำเนินการตรวจสอบการที่ น.ส.แพทองธารเดินทางไปพบนายทักษิณ ชินวัตร ที่ฮ่องกง กล่าวหาว่าการกระทำของ น.ส.แพทองธาร ซึ่งเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย อาจเข้าข่ายเป็นการกระทำผิดมาตรา 44 มาตรา 45 มาตรา 28 และมาตรา 29 อันมีโทษถึงขั้นยุบพรรคตามมาตรา 92 (3) และ (4) แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 นั้น

น.ส.ธีรรัตน์กล่าวว่า เมื่อวันที่ 28 ธ.ค. พรรคได้ยื่นหนังสือถึงประธาน กกต. เพื่อขอให้สืบสวน ไต่สวน และดำเนินคดีกับนายสนธิญากระทำการอันเป็นการฝ่าฝืน พ.ร.ป.พรรคการเมือง พ.ศ.2560 หรือไม่ เพราะการยื่นหนังสือดังกล่าวต่อ กกต.ของนายสนธิญาทั้งที่รู้อยู่แล้วว่า น.ส.แพทองธาร เป็นบุตรของ ดร.ทักษิณ ตามปกติวิสัยสามารถเดินทางไปพบที่ไหน เมื่อใด ย่อมเป็นสิทธิเสรีภาพ และไม่มีข้อเท็จจริงใดที่จะชี้ให้เห็นว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย อีกทั้งก็ไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับพรรคเพื่อไทยแม้แต่น้อย แต่นายสนธิญากลับนำข้อเท็จจริงดังกล่าวมากล่าวหา แสดงให้เห็นว่านายสนธิญา ซึ่งเป็นคู่ขัดแย้งทางการเมืองกับพรรค มีเจตนาที่จะแจ้งหรือกล่าวหาพรรคเพื่อไทยว่ากระทำความผิดตาม พ.ร.ป.พรรคการเมือง พ.ศ.2560 ทั้งที่รู้อยู่ว่าเป็นความเท็จ เป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต อันเป็นการกระทำที่เข้าข่ายเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 101 แห่ง พ.ร.ป.ข้างต้น ซึ่งการกระทำดังกล่าวย่อมทำให้พรรคเพื่อไทยได้รับความเสียหาย

ที่ร้านอาหาร Corner สุขุมวิท 26 พรรคสร้างอนาคตไทย พรรคไทยสร้างไทย นำโดย นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ประธานพรรคสร้างอนาคตไทย คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย นายโภคิน พลกุล ประธานยุทธศาสตร์พรรคไทยสร้างไทย นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทย นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคไทยสร้างอนาคตไทย ร่วมพูดคุยหารือทิศทางการเมือง โดยทันทีที่แกนนำมาถึงร้านอาหาร Corner ได้เข้าไปหารือในห้องอาหารก่อนออกมาร่วมกันแถลงข่าวในเวลาประมาณ 10.25 น.

นายโภคินกล่าวว่า ทั้ง 2 พรรคได้พูดคุยมาเป็นระยะๆ ในฐานะที่เป็นเพื่อนเก่า เคยทำงานร่วมกันมานาน ไม่เคยเห็นยุคใดสมัยใดการเมืองย่ำแย่ มีปัญหาทั้งเรื่องเชิงอำนาจเงิน อำนาจรัฐ ขณะที่ระบบราชการไม่ตอบสนองต่อประชาชน กลับไปตอบสนองผู้มีอิทธิพล นักธุรกิจสีเทา ตลอดเวลามีแต่ความขัดแย้ง ทำให้ประเทศเดินไปไม่ได้ หากปล่อยสถานการณ์เป็นเช่นนี้ต่อไป จะทำให้ประชาชนไม่มีอนาคต ประเทศไม่สามารถเดินหน้าต่อไปได้ จึงมาคุยกันหาทางออกให้ประเทศ

คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวว่า ส่วนตัวและนายสมคิดเคยทำงานร่วมกันมาหลายสิบปี ในฐานะคนที่ผ่านประสบการณ์มา และเคยทำนโยบายที่สำคัญให้กับประเทศจนสำเร็จ ถ้าปล่อยให้เป็นแบบนี้ ลูกหลาน คนรุ่นใหม่จะอยู่อย่างไร ดังนั้นภารกิจครั้งนี้คือการสร้างพรรคการเมือง เพื่อส่งมอบประเทศไทยให้คนรุ่นต่อไป จึงมาหารือร่วมกันว่าจะร่วมงานการเมืองกันต่ออย่างไร ที่ไม่ใช่การแย่งชิงตำแหน่ง แย่งชิงอำนาจ โดยตกลงกันว่าจะพยายามแสวงหาทางออกให้บ้านเมือง และร่วมมือเป็นพันธมิตร ยุติความขัดแย้งทางการเมือง เศรษฐกิจและสังคม

นายอุตตมกล่าวว่า ความท้าทายที่เกิดขึ้นจึงต้องมาผนึกกำลังเป็นพันธมิตรเพื่อทำให้บ้านเมือง เพราะปัญหาบ้านเมืองขณะนี้ใหญ่เกินกว่าที่คนไม่กี่คนจะมาแก้ได้ จึงต้องมาร่วมกันคิด ร่วมกันทำ

นายสมคิดกล่าวว่า ตลอดที่อยู่การเมืองมา 20 กว่าปี มีความตั้งใจทำงานมาตลอด และไม่เคยเห็นยุคใดที่การเมืองค่อนข้างย่ำแย่จนอดเป็นห่วงไม่ได้ ทั้งเชิงความรับผิดชอบต่อหน้าที่ทางการเมือง การใช้ทรัพยากร เพื่อแย่งชิงผู้สมัครที่ทำอย่างโจ่งแจ้ง มีการโยกย้าย มีการลาออกไม่เว้นแต่ละวัน ความไม่สามารถในการบริหารภาครัฐ แก้ไขปัญหาปากท้องของประชาชน การสร้างความสามัคคี เพราะยังอยู่ในวังวนของความแตกแยกจนประเทศอื่นล้ำหน้าไทยไปแล้ว

“ที่จริงแล้วส่วนตัวไม่คิดทำการเมือง เพราะรู้สึกเหนื่อย แต่ที่มาทำเพราะเห็นภารกิจที่สำคัญ คือต้องการสร้างพรรคการเมืองที่ดี เน้นการสร้างประเทศ ไม่เคยคิดเรื่องตำแหน่ง ขออย่าถามว่าจะเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีหรือไม่ เพราะสิ่งนั้นคือปลายเหตุ เรื่องตำแหน่งไม่สำคัญ เพราะได้มาทุกตำแหน่งแล้ว ส่วนตำแหน่งนายกฯ อยู่ที่ฟ้าลิขิต ฟ้าประทาน แต่สิ่งสำคัญคือการแก้ปัญหาให้ประเทศให้ได้” นายสมคิดกล่าว

ทั้งนี้ ภายหลังการหารือแกนนำทั้ง 2 พรรคได้เข้าไปพูดคุยหารือภายในห้องอาหารอีกครั้ง.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

รมต.ใหม่ถวายสัตย์ เศรษฐานำเข้าเฝ้าฯ3พ.ค. แม้วควงสุวัจน์ทัวร์ภูเก็ต

มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ "มาริษ" เป็น รมว.ต่างประเทศ "นายกฯ" เตรียมนำ รมต.ชุดใหม่เข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนปฏิบัติหน้าที่ 3 พ.ค.นี้