บิ๊กตู่โวใจถึงใจป้อม ฟุ้งสัมพันธ์ยังแน่น/สันติปูดส่ง‘ประวิตร’ชื่อเดียว

“บิ๊กตู่” ขอพรปีใหม่ให้บ้านเมืองสงบสุข 3 ป.จิบกาแฟดูคลิปชื่นมื่น “ประยุทธ์” โวใจถึงใจกับพี่ป้อมอยู่แล้ว ส่วนการเมืองก็ว่ากันไป ถ่อมตัวไม่มั่นใจ รทสช.ได้  ส.ส.เกิน 25 ที่นั่งหรือไม่ เพราะต้องขึ้นกับประชาชนตัดสิน  “เลขาธิการ พปชร.” ลั่นพร้อมชงชื่อ “ประวิตร” ชิงแคนดิเดตนายกฯ คนเดียว ไม่ขัดจับมือเพื่อไทยตั้งรัฐบาล “เสี่ยหนู”  ถามสภาสูง หากภูมิใจไทยรวบรวมเสียงได้มากจะไฟเขียวนั่งนายกฯ หรือไม่ ย้ำไม่ขอเป็นทายาทหรือนายกฯ คนละครึ่งกับใคร

เมื่อวันอังคารที่ 3 มกราคม 2566 ที่ตึกภักดีบดินทร์  ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม พร้อมด้วยนางนราพร จันทร์โอชา ภริยา  เป็นประธานในพิธีทำบุญเนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช 2566 โดยมีรองนายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี  เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ข้าราชการการเมือง หัวหน้าส่วนราชการสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี หัวหน้าส่วนราชการภายในทำเนียบฯ ร่วมพิธี

จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ได้ไปสักการะศาลพระภูมิเจ้าที่  ศาลตา ศาลยาย สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำทำเนียบฯ ก่อนกล่าวกับสื่อมวลชนว่า “สวัสดีทุกคน ขอให้มีความสุข ช่วยกันทำบ้านเมืองสงบสุขต่อไป”

เมื่อถามว่า นายกฯ อธิษฐานขอพรให้ประเทศชาติอย่างไรบ้าง พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “อธิษฐานแบบที่พวกเธออธิษฐานมั้ง ก็ให้บ้านเมืองดีสงบสุข” ก่อนเดินขึ้นห้องทำงานบนตึกไทยคู่ฟ้า และสักการะพระพุทธรูปที่ห้องทำงานเพื่อความเป็นสิริมงคล

ทั้งนี้ หลังพิธีทำบุญเนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ได้เดินทางมาที่ห้องทำงานตึกบัญชาการ 1 โดยกล่าวทักทายตอบสื่อมวลชนที่สวัสดีปีใหม่ว่า “สวัสดีปีใหม่จ้ะ” และก่อนเดินทางเข้าห้องประชุม ครม. ผู้สื่อข่าวได้สอบถามถึงความคืบหน้าเรื่องแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) รวมถึงได้พูดคุยกับ พล.อ.ประยุทธ์ช่วงวันหยุดยาวบ้างหรือยัง โดย พล.อ.ประวิตรยิ้มอย่างอารมณ์ดีและปฏิเสธตอบทุกคำถาม

มีรายงานแจ้งว่า ในการประชุม ครม.นัดแรกของปี  2566 โดยก่อนการประชุม พล.อ.ประยุทธ์ได้เข้าห้องสีเหลือง ตึกสันติไมตรี ที่มี พล.อ.ประวิตรและ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทยนั่งรออยู่แล้ว โดยใช้เวลาพูดคุยจิบกาแฟร่วมกัน โดยนายกฯ ได้พูดคุยกับ พล.อ.ประวิตรอย่างอารมณ์ดี ซึ่งในช่วงหนึ่งนายกฯ ได้หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเปิดคลิปวิดีโอแล้วยื่นให้ พล.อ.ประวิตรดูคลิปดังกล่าว  ก่อนที่ทั้งสองคนจะหัวเราะกันอย่างอารมณ์ดี

นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกฯ แถลงว่า ก่อนเริ่มประชุม ครม. พล.อ.ประวิตรเป็นตัวแทน ครม.กล่าวอวยพรปีใหม่นายกฯ โดยระบุว่าตั้งแต่ปี 2562 เป็นต้นมา  นายกฯ ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเข้มแข็ง ทุ่มเท ท่ามกลางปัญหาและอุปสรรค ทั้งการแพร่ระบาดของโควิด-19 และปัญหาเศรษฐกิจ แต่ก็นำพาประเทศข้ามพ้นปัญหาต่างๆ  ด้วยความไม่ย่อท้อ เพื่อประเทศและความผาสุกของประเทศ  ขออาราธนาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในสากลโลก และพระบารมีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ได้โปรดประทานพรให้นายกฯ มีสุขภาพแข็งแรง มีจิตใจเข้มแข็ง ฟันฝ่าอุปสรรคนำพาประเทศไปสู่ความมั่นคง  มั่งคั่ง และยั่งยืน ซึ่งนายกฯ ได้กล่าวขอบคุณ พล.อ.ประวิตร และ ครม.ที่มีน้ำใจไมตรีมอบให้ ทั้งนี้ถือว่าทุกคนใน ครม.เป็นผู้ที่ร่วมกันทำหน้าที่พาประเทศเดินไปข้างหน้า ท่ามกลางปัญหาความท้าทายทั้งโควิดและเศรษฐกิจ สามารถฝ่าฟันจนพ้น ให้ประเทศไทยเป็นที่ยอมรับของนานาชาติ  และในปี 2566 รัฐบาลจะมุ่งเน้นทำงาน เดินหน้าแก้ปัญหาประเทศและประชาชน และขออวยพรให้ทุกท่านใน ครม.ทำงานให้สำเร็จด้วยความเข้าใจซึ่งกันและกัน มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง

บิ๊กตู่ยังกั๊กนั่งเก้าอี้อะไรใน รทสช.

ต่อมา พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานประชุม ครม.ว่า "สวัสดีท่านผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบฯ ทุกคน  ขออวยพรให้ทุกคนมีความสุข สุขภาพแข็งแรง ขออวยพรอีกครั้ง ทำสิ่งใดประสบความสำเร็จ ขอให้ช่วยๆ กันช่วยรัฐบาลในการพัฒนาบ้านเมืองของเราต่อไป สร้างความเข้าใจเรื่องสำคัญหลายอย่าง"

พล.อ.ประยุทธ์ยังตอบคำถามถึงท่าทีทางการเมือง ในการไปสมัครเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ว่า  "การเมืองอีกแล้ว ก็รอหน่อยสิ เดี๋ยวก็ไปเองแหละ" เมื่อถามย้ำกำหนดวันหรือยัง พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ต้องดูวันที่เหมาะสม ถามอีกว่าจะเป็นเร็วๆ นี้หรือภายในสัปดาห์นี้หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวด้วยท่าทีไม่อยากตอบคำถามว่า  “เฮ้ย จะวันไหนก็ไม่ได้สำคัญอะไรนักหนา”

เมื่อถามว่า ที่นายกฯ บอกจะไปสมัครเป็นสมาชิก รทสช. นั่นหมายถึงจะรับตำแหน่งอะไรในพรรคด้วยหรือไม่  พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ยังไม่ได้พูดอะไรทั้งสิ้น

ถามอีกว่า มีข่าวว่านายกฯ จะไปเป็นประธานซูเปอร์บอร์ดของพรรค รทสช. พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า อย่าไปพูดอย่างนั้นสิ พูดอย่างนั้นใครออกไปพูดก็ไม่รู้เรื่อง ซูเปอร์บอร์ดบ้าง และเรื่องอะไรอีกนะ (ผู้สื่อข่าวตอบว่าประธานพรรค) พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “ผมยังไม่ได้ตัดสินใจอะไรเลยสักอย่าง ผมแค่จะไปสมัครเป็นสมาชิกก่อนก็เท่านั้น เออ จะได้ไม่มีปัญหามากนัก”

เมื่อถามว่า พล.อ.ประวิตรบอกว่าไม่ได้เป็นคู่แข่งนายกฯ เพราะนายกฯ เป็นน้อง แต่สุดท้ายใครดีใครได้  พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า “อ้าว ในฐานะหัวหน้าพรรคท่านก็ต้องพูดอย่างนั้นละมั้ง ใช่ไหม มันเป็นเรื่องของการเมือง”

เมื่อถามว่า พล.อ.ประวิตรให้พรปีใหม่อย่างไรหรือไม่  พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ก็เหมือนเดิมแหละ ไม่มีปัญหาอะไร  ไปคุยกับท่าน เสาร์-อาทิตย์ก็ไปคุยกับท่าน ไม่ใช่ว่าทะเลาะกัน ไม่เคยทะเลาะกัน ทะเลาะกันไม่ได้อยู่แล้วนะจ๊ะ เมื่อวันเสาร์-อาทิตย์ก็ไปคุยกับท่านมา นั่งกันอยู่เป็นชั่วโมง ก็คุยกระเซ้าเหย้าแหย่กันเหมือนเดิม ไม่ได้มีปัญหาอะไรทั้งสิ้น

ถามย้ำว่า แค่ในทางการเมืองใช่มั้ยที่มีความเห็นต่างกัน  พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ก็ถามเองตอบเองได้อยู่แล้ว

เมื่อถามว่า มั่นใจหรือไม่ว่าพรรค รทสช.จะนำ ส.ส.มาได้มากกว่า 25 เสียง เพื่อเสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯ แข่งกันในสภา พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “จะมั่นใจได้อย่างไรก็ต้องถามประชาชนสิจ๊ะ คนเลือกไม่ใช่ฉันเองนะ ฉันจะประเมินตัวเองไม่ได้ ต้องให้ประชาชนเป็นคนประเมิน เพราะทุกอย่างเป็นการเลือกตั้ง กระบวนการทางประชาธิปไตยก็ว่ากันไป  ตามรัฐธรรมนูญก็ว่ากันไป ส่วนใครจะได้ไม่ได้เป็นเรื่องของประชาชนที่จะตัดสินใจ ไม่ใช่เราจะไปกำหนดได้ เราจะไปคาดหวังนี่โน่นไม่ได้หรอก”

เมื่อถามว่า นายกฯ จะโหวงๆ หรือไม่ที่ไม่มี พล.อ.ประวิตรเดินเคียงคู่ในทางการเมือง พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า  “คือใจมันถึงใจกันอยู่แล้ว เรื่องอื่นก็คือเรื่องอื่น การเมืองก็ว่ากันไป ผมก็เรียนท่านไปแล้วว่าเราไม่ใช่คู่ขัดแย้งกัน ไม่ใช่ การเมืองต้องไม่ใช่คู่ขัดแย้งกัน ไม่ว่าจะพรรคไหนก็ตาม เพราะเราทำเพื่ออะไร เพื่อประเทศไทยใช่ไหม ไม่ว่าจะพรรคฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาล ประเทศไทยใช่ไหม เราทำเพื่อคนไทยใช่ไหม ฉะนั้นอะไรต่างๆ ก็ตามที่ไม่ใช่เรื่องจะมาเป็นประเด็นขัดแย้งกันสู่การเลือกตั้ง ผมไม่อยากให้ทำ อันตราย”

เมื่อถามว่า จะเป็นปาร์ตี้ลิสต์เบอร์ 1 ของพรรค รทสช.หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ปฏิเสธที่จะตอบคำถามพร้อมเดินออกจากวงสัมภาษณ์ทันที เมื่อถามอีกว่าระยะเวลาที่เหลือ 2 ปีจะเอาอะไรเป็นจุดขายเพื่อให้ได้กลับมา พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า อยู่ก็ทำงานให้มันจบให้เรียบร้อยราบรื่น

แจง 'เฮียมิ่ง' ยังอยู่ พปชร.

ด้านนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.การคลัง ในฐานะเลขาธิการพรรค พปชร.กล่าวถึงการประชุมใหญ่พรรคว่า ยังไม่ชัดเจนว่าจะประชุมวันที่ 14 หรือ 21 ม.ค.นี้ ซึ่งการประชุมไม่ถึงขั้นปรับทัพรับการเลือกตั้ง แต่ที่ผ่านมามี ส.ส.ลาออกไปหลายคน ซึ่งมีกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.)  รวมอยู่ด้วย ดังนั้นก่อนเลือกตั้งจึงต้องปรับ กก.บห.รวมถึงคณะทำงานต่างๆ เป็นเรื่องปกติเป็นการตั้งทดแทนตำแหน่งที่ว่าง

เมื่อถามว่า ขณะนี้นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ยังอยู่กับพรรคหรือไม่ นายสันติกล่าวว่ายังอยู่ ส่วนกระแสข่าวที่ออกมานั้นเป็นเฟกนิวส์

ถามถึงแคนดิเดตนายกฯ ของพรรค พปชร.ชัดเจนแล้วหรือไม่ นายสันติกล่าวว่า เรื่องดังกล่าวคาดว่าเมื่อประชุมใหญ่เสร็จแล้วจะมีการประชุม กก.บห.โดยเร็ว คงราวๆ สิ้นเดือนนี้ และเราจะประกาศรายชื่อออกมาเร็วที่สุดโดยทุกอย่างเป็นตามที่ทุกคนเข้าใจ

เมื่อถามย้ำว่าใช่ พล.อ.ประวิตรคนเดียวใช่หรือไม่ นายสันติกล่าวว่า เราคงมั่นใจอย่างนั้น แต่ก็ต้องขึ้นกับ กก.บห.  หากถามส่วนตัวถ้าเป็นเอกภาพก็ควรส่งคนเดียว แล้วเราจะได้มุ่งมั่นไปในทิศทางเดียว แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องขึ้นกับ กก.บห.

เมื่อถามว่าหากพรรค พปชร.เสนอชื่อ พล.อ.ประวิตร  แล้วพรรค รทสช.เสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จะเป็นการตัดคะแนนกันเองหรือไม่ นายสันติกล่าวว่า ไม่หรอก เพราะเราเน้นพี่น้องประชาชน เน้นชนบท เน้นการอยู่ดีกินดีตามที่  พล.อ.ประวิตรพูดมาโดยตลอด

ถามอีกว่า มั่นใจหรือไม่ว่าผลการเลือกตั้งพรรค พปชร.จะได้เสียง ส.ส.มากที่สุดในซีกรัฐบาลปัจจุบัน นายสันติ กล่าวว่า จะมากหรือเท่าไรก็แล้วแต่เราคงประเมินไม่ได้ แต่ตามเป้าหมายที่เราคาดการณ์ไว้แต่ต้นที่ 150 เสียง เรายืนยันคำนั้นอยู่ เราเชื่อมั่นว่าการที่ พล.อ.ประวิตรได้ไปทำเรื่องน้ำ เรื่องที่ดินทำกิน เรื่องที่อยู่อาศัย เป็นที่ประจักษ์ ท่านสามารถแก้ปัญหาได้ลุล่วง

เมื่อถามถึงหลังการเลือกตั้งพรรค พปชร.สามารถจับได้กับทุกขั้วหรือไม่ นายสันติกล่าวว่า ต้องดูที่พี่น้องประชาชนว่าเลือกพรรค พปชร.มาเท่าไร เลือกอย่างไรเราก็คิดไปตามที่ประชาชนเลือกเรามา

ถามย้ำว่า กระแสข่าวพรรค พปชร.จะจับมือกับพรรคเพื่อไทย (พท.) ตั้งรัฐบาลเป็นไปได้หรือไม่ นายสันติกล่าวว่า  เรื่องเป็นไปได้หรือเป็นไปไม่ได้คงตอบไม่ได้ในตอนนี้ แต่พรรคไหนที่ทำเพื่อชาติ เพื่อประชาชน ให้อยู่ดีกินดีตามนโยบายของเรา เราคงไม่มีปัญหาอะไร

ขณะที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวถึงกระแสวิเคราะห์ว่าพรรคอาจได้เสียงมาเป็นอันดับ 1 ของขั้วรัฐบาลเดิม จะรับตำแหน่งนายกฯ เลยหรือไม่ว่า เป็นเพียงการวิเคราะห์เท่านั้น ใครจะวิเคราะห์อย่างไรพรรคก็เดินไปแบบนี้ ทำนโยบายแบบนี้ เราอาจไม่เด่นในเรื่องของพรรคที่มีกระแส เราก็ต้องเน้นเรื่องสมาชิกที่อยู่ใกล้ชิดชาวบ้าน ใกล้ชิดพื้นที่ ได้รับความเชื่อถือจากชาวบ้าน สมาชิกเหล่านี้ถือเป็นฟันเฟืองของพรรค ในเมื่อเราไม่ทราบว่ากระแสเราแข็งแรงขนาดไหน แต่อย่างน้อยเราก็มีสิ่งที่เชื่อมต่อกับประชาชนได้

'หนู' ย้ำไม่พิสมัยการเป็นทายาท

​​ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า ถ้าพรรค ภท.เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลและได้ ส.ส.จำนวนมากกว่าพรรค รทสช.ที่จะชู พล.อ.ประยุทธ์เป็นแคนดิเดตนายกฯ หรือพรรค พปชร.ที่ชู พล.อ.ประวิตร นายอนุทินพร้อมเป็นนายกฯ หรือไม่ หรือจะดูบริบททางการเมืองประกอบด้วย ​​นายอนุทินกล่าวว่า ถ้าพรรค ภท.รวมได้เยอะกว่าพรรคอื่นๆ ก็ต้องดูว่า ส.ว.จะทำอย่างไร เราก็หวังว่าถ้าเรารวมได้ 250 เสียงหรือมากกว่านั้น ส.ว.ก็คงต้องใช้ดุลพินิจว่าถ้าไม่สนับสนุนพรรคที่ได้คะแนนเกินกึ่งหนึ่งของสภา ส.ว.จะตอบพี่น้องประชาชนอย่างไร ตรงนี้อยู่เหนือการควบคุมของพรรค

​​               เมื่อถามถึงสูตรคนละครึ่งระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์เป็นก่อน 2 ปี และต่อด้วยนายอนุทิน 2 ปี เป็นไปได้หรือไม่  นายอนุทินกล่าวว่า ตรงนี้ไม่รู้มาจากไหน ตำแหน่งแบบนี้มีทายาทการเมืองได้หรือ และตนไม่ขอเป็นทายาทของใคร จะเป็นอะไรก็ทำด้วยตัวเอง และที่สำคัญเราไม่ได้เลือกหรือแต่งตั้งตัวเอง กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ต้องผ่านไม่รู้กี่ด่าน โดยเฉพาะความต้องการของประชาชน ดังนั้นสิ่งที่ดูแล้วไม่เกี่ยวข้องกับทางเดินของเรา เราก็ไม่คิด ตอนนี้คิดแค่ว่านโยบายดีแล้วหรือไม่ ชาวบ้านเชื่อหรือไม่ ผู้สมัครแข็งแรง ขยันลงพื้นที่หรือไม่ ตอนนี้คิดแค่นี้และขอทำตรงนี้ให้ดีที่สุด

นายอนุทินยังกล่าวถึงกระแสข่าวที่พรรค ภท.พร้อมจับมือกับทุกขั้วพรรคการเมืองว่า เป็นเพียงการวิเคราะห์ ไม่เคยพูดสักคำ พูดอยู่คำเดียวตลอดเวลา และย้ำมาตลอดหลายครั้งว่าต้องรอผลเลือกตั้ง แล้วผลการเลือกตั้งจะเป็นตัวกำหนดว่าเราควรจะไปทางไหน

เมื่อถามว่า ไม่ปิดประตูสำหรับทุกด้านทุกฝ่ายใช่หรือไม่  นายอนุทินกล่าวว่า เราไม่นิยมความขัดแย้ง เราไม่ต้องการทะเลาะเบาะแว้งกับใคร เราไม่ต้องการสร้างความจงเกลียดจงชังระหว่างกัน ฉะนั้นที่ดีที่สุดคือรอผลการเลือกตั้ง เชื่อว่าทุกพรรคก็ต้องรอผลการเลือกตั้ง

ถามต่อว่า มีการวิเคราะห์กันว่าพรรค ภท., พปชร.และ พท.จะดัน พล.อ.ประวิตรเป็นนายกฯ โดยดึงเสียงจากกลุ่ม ส.ว. นายอนุทินกล่าวว่า เท่าที่ตามข่าวมีการระบุว่ามีการคุยเรียบร้อยแล้วในช่วงปีใหม่ จึงขอให้ไปตรวจสอบว่าช่วงนั้นตนอยู่ที่ไหน แต่ไม่มีหรอกไม่ได้คุยอะไรกับใครเลย ทำบุญอย่างเดียว

ส่วนนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงสมาชิกพรรคที่ย้ายไปอยู่พรรค รทสช.จะมีปัญหากระทบอะไรกับพรรคหรือไม่ว่า ส่วนตัวไม่หนักใจเพราะสมาชิกส่วนใหญ่ยังมั่นคงอยู่กับ ปชป. ซึ่งมีไม่กี่คนตามข่าวที่ออกมาว่าได้ย้ายพรรคไป ส่วนกระแสข่าว น.ส.รังสิมา รอดรัศมี ส.ส.สมุทรสงครามจะย้ายออกนั้น ไม่ขอตอบ เพราะหากตอบไปอาจจะกระทบกับตัวบุคคล แต่ยืนยันว่าไม่มีความกังวลอะไร  ไม่มีปัญหาอะไรที่มากระทบเป้าหมายที่พรรควางไว้ แต่ก็ยอมรับว่าอาจจะมีคนย้ายพรรคเพิ่มเติม

จี้ ส.ว.ปิดสวิตช์ตัวเอง

นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย  (พท.) ประเมินการเมืองในปี 2566 ว่าจะทวีความเข้มข้นมากขึ้น และเป็นการแข่งขัน ซึ่งเชื่อว่าหลังการเลือกตั้งไม่น่าจะเกิดเหตุการณ์ที่พรรคที่ได้อันดับหนึ่งไม่ได้จัดตั้งรัฐบาล  เพราะประชาชนตาสว่างแล้ว

ด้านนายพริษฐ์ วัชรสินธุ ผู้จัดการการสื่อสารและการรณรงค์นโยบาย พรรคก้าวไกล (ก.ก.) กล่าวถึงท่าทีของ  ส.ว.ที่แสดงออกผ่านนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน ส.ว.ว่า การให้สัมภาษณ์ของประธาน ส.ว.แสดงให้เห็นถึงการละเว้นไม่พูดถึงสาระสำคัญของปัญหา เพราะแม้ ส.ว.จะเหลือวาระอีกไม่นาน แต่ระยะเวลาที่เหลือนั้นคาบเกี่ยวกับการเลือกตั้งในปี 2566 ทำให้ ส.ว.ยังสามารถแทรกแซงกระบวนการเลือกนายกฯ และการจัดตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้ง ซึ่งอาจส่งผลไปอีก 4 ปีตามวาระรัฐบาลใหม่ ซึ่ง ส.ว.ไม่ควรเลือกนายกฯ ตามความเชื่อของตนเอง แต่ควรเลือกจากบุคคลที่ได้รับการสนับสนุนจากเสียงส่วนใหญ่ของ ส.ส.ที่มาจากการเลือกตั้ง หากต้องการให้ประเทศเป็นประชาธิปไตยที่เคารพเสียงของประชาชนที่แสดงออกผ่านบัตรเลือกตั้งจริงๆ

นายพริษฐ์กล่าวต่อไปว่า หาก ส.ว.อยากเห็นประเทศเดินหน้าตามวิถีประชาธิปไตย ที่เคารพ 1 สิทธิ์ 1 เสียงของประชาชนในการเลือกตั้ง ส.ว.ควรต้องทำ 2 เรื่องในอนาคตอันใกล้นี้ ประกอบด้วย 1.ลงมติเห็นชอบการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่พรรค พท.ยื่นต่อประธานสภาไปเมื่อวันที่ 16  ธ.ค.65 เพื่อยกเลิกมาตรา 272 และปิดสวิตช์ตนเองก่อนการเลือกตั้ง และ 2.ออกมายืนยันกับประชาชนก่อนการเลือกตั้ง หากพิจารณาการแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ทัน ว่า ส.ว.พร้อมลงมติสนับสนุนนายกฯ ที่ได้รับเสียงสนับสนุนจาก  ส.ส.เกินกึ่งหนึ่งของสภา ไม่ว่าจะเป็นใครหรือมาจากพรรคไหน และจะไม่เข้ามาแทรกแซงกระบวนการจัดตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้ง ไม่อนุญาตให้บุคคลหรือพรรคใดเอาเสียงของ ส.ว.ไปต่อรองในกระบวนการจัดตั้งรัฐบาล.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'หมอชัย' โนคอมเมนต์ นายกฯ ทาบ 'จักรพล' นั่งโฆษกรัฐบาล

นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสข่าวที่นายกรัฐมนตรีทาบทามนายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง