เดินมาครึ่งทางแล้ว บิ๊กตู่บอกชาวสิงห์บุรี/สมชัยจ้องจับผิดวันเปิดตัว

นายกฯ ลงพื้นที่สิงห์บุรี รับ 8 ปีปัญหานับร้อยยังแก้ไม่จบ “สายัณห์” เผย ส.ส.จ่อย้ายซบ รทสช.หลังปิดสมัยประชุมสภา โวใต้ไม่ต่ำกว่า 30 คนมาร่วม “พลังท้องถิ่นไท” อ่อย “พรรคตู่” ต้อนรับหรือไม่ “วันชัย” ขู่หลัง 9 ม.ค. ผู้นำเตรียมรับแรงกระแทก “สมชัย” จ้องจับผิด ใช้ของหลวง เวลาราชการ ด้านพรรค 2 ส.เร่งเคลียร์พื้นที่ทับซ้อน

 เมื่อช่วงเช้าวันที่ 6 ม.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ  รมว.กลาโหม พร้อมคณะ ประกอบด้วย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย,   นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม, นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ออกเดินทางจาก กทม.ไปยัง จ.สิงห์บุรี โดย พล.อ.ประยุทธ์และคณะ ได้สวมเสื้อม่อฮ่อมแขนยาว ปักข้อความ ฅนศูนย์ข้าว และทันทีที่มาถึงได้เข้าไปสักการะและปิดทองพระนาคปรกที่วัดโพธิ์ศรี อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ที่มีพระอายุกว่า 700 ปี

จากนั้นได้เดินทางมายังพื้นที่ก่อสร้างพนังกั้นน้ำ ต.น้ำตาล อ.อินทร์บุรี เพื่อตรวจเยี่ยมความก้าวหน้า เสร็จแล้วได้เดินทางไปยังพื้นที่นานำร่อง หมู่ที่ 1 ต.น้ำตาล เพื่อเป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรมข้าวรักษ์โลก โดยมีนายสุพจน์ ยศสิงห์คำ ผู้ว่าราชการจังหวัดสิงห์บุรี ให้การต้อนรับ รวมถึงนางภรณี ธนาคมานุสรณ์ มารดานายชัยวุฒิ ร่วมต้อนรับผูกผ้าขาวม้าให้นายกฯ นอกจากนี้ ยังมี ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ได้แก่ นายสัญญา นิลสุพรรณ ส.ส.นครสวรรค์, นายสุรชาติ ศรีบุศกร ส.ส.พิจิตร และนายมนัส อ่อนอ้าย ส.ส.พิษณุโลก ร่วมต้อนรับด้วย

พล.อ.ประยุทธ์ได้ขับรถดำนาปลูกข้าว Yammer รุ่น 80 D ปลูกได้ครั้งละ 8 แถว เป็นรถระบบดีเซล ซึ่งจังหวะขากลับที่นายกฯ จอดเทียบทางขึ้น ปรากฏว่ากะระยะไม่ถูก ทำให้บันไดรถเกี่ยวกับทางขึ้นจนบิดงอ จากนั้นได้ปล่อยปลายี่สก ปลานิล ปลาตะเพียน รวมประมาณ 5,000 ตัว ร่วมกับเกษตรกร และปล่อยแหนแดง ปล่อยผำน้ำสำหรับเป็นอาหารของปลากินพืช ซึ่งเป็นอาหารธรรมชาติช่วยลดต้นทุนอาหารเคมีทั่วไป ทั้งนี้ ภายในงานตัวแทนเกษตรกรยังสวมเสื้อม่อฮ่อมปักข้อความ ฅนศูนย์ข้าว มาต้อนรับนายกฯ ด้วยเช่นกัน

ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวเปิดกิจกรรม ข้าวรักษ์โลก ตอนหนึ่งว่า รัฐบาลสมัยที่ตนบริหารสามารถทำได้มากขึ้น และจะทำต่อไป จะทำทีเดียวคงไม่ได้ มุ่งเน้นในจุดที่เดือดร้อนมากที่สุด มากบ้างน้อยบ้าง จัดลำดับเพื่อจัดสรรงบประมาณรายปีลงไป จะเห็นได้ว่ารัฐบาลพยายามทำทุกอย่าง ถ้ามองด้วยความเป็นธรรมจะเห็นว่าหลายอย่างเปลี่ยนไปเยอะ การพัฒนาบางทีเรากินเราอยู่ เราใช้จนชินตาโดยไม่ย้อนกลับไปว่าก่อนหน้านี้ 5 ปี 10 ปีเป็นอย่างไร ถึงวันนี้ลองมองกลับไปดูว่าอะไรดีขึ้นบ้าง อะไรยังไม่ดีตนพร้อมที่จะรับฟังจากบรรดา ส.ส.และรัฐมนตรีของพวกท่าน

นายกฯ กล่าวว่า ปัญหาทุกปัญหาแก้ได้ แต่ใจเราสำคัญที่สุดว่าเราจะแก้กันอย่างไร อันไหนจะเร็วจะช้า สนับสนุนปลายทางอย่างเดียวก็จะอยู่อย่างนี้ ถ้าร่วมมือกันเราจะเดินหน้าไป วันนี้คิดว่าเดินมาครึ่งทางแล้ว ของเก่าเดินแล้ว แต่เดินแล้วเซบ้างอะไรบ้างตอนนี้ ให้มันตรงแล้วก้าวให้เร็วที่สุด ด้วยกลไกในลักษณะนี้ ขอยืนยันว่าเป็นนายกฯ 8 ปีไม่สนใจว่าพื้นที่ไหนจะเป็นของใคร ทุกจังหวัดคือคนไทย ต้องดูแลคนไทยทั้งประเทศ มากน้อยบ้างก็เป็นไปตามแผนงาน

"ขออย่างเดียว อย่าทุจริต ขอย้ำเตือนอีกครั้ง อย่าทุจริต ผมมีหน้าที่ในการเป็นนายกฯ ในการกำกับดูแลติดตามอนุมัติ อนุญาต แต่ผมจะสั่งเสมอว่าจะต้องโปร่งใส สุจริต และเป็นธรรม ตรวจสอบได้ ถ้าตรวจสอบแล้วพบร้องเรียนมาเลย จะตรวจสอบหมดตามกฎหมาย เพราะนายกฯ ไม่สามารถที่จะลงไปถึงคนข้างล่างได้ ซึ่งนายกฯ ได้สั่งการไปแล้วนำเข้า ครม. โดยงบประมาณทุกอย่างถ้านายกฯไม่อนุมัติเห็นชอบเข้า ครม. ก็จะไม่เกิดทั้งประเทศ อันไหนเร่งด่วนมากน้อยถ้าไม่ทำตอนนี้แล้วจะเสียหาย หรือทำในปีหน้าได้ก็ต้องคิดแบบนี้" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

ใต้กว่า 30 คนซบ รทสช.

นายกฯ ระบุอีกว่า คนทุกกลุ่มทุกฝ่ายทุกอายุ คือพลังของแผ่นดิน จะทำอย่างไรให้คนทุกรุ่นมีความรักความสามัคคี เข้าใจซึ่งกันและกัน และเดินหน้าไปสู่อนาคตพร้อมกัน ไม่มีอะไรจะเปลี่ยนได้ภายในวันเดียวหรือปีเดียว ตนอยู่มา 8 ปียังเปลี่ยนได้ไม่หมด ทั้งที่ตนอยากจะเปลี่ยนเป็นร้อยเรื่อง ไม่ใช่ไม่อยากทำ ไม่ใช่ไม่กล้าทำ  แต่เราคือประชาธิปไตย จะทำอะไรต่างๆ ต้องฟังความเห็นจากประชาชน ถ้าไม่เห็นชอบตนก็ทำไม่ได้ ไปบังคับไม่ได้ ฉะนั้น ขอให้ช่วยกันคิด วันนี้อาจจะพูดเยอะนิดนึง เพราะปีใหม่ไม่ได้เจอกัน นายกฯ ไม่ได้หยุด ทำงานอยู่ ติดตามสถานการณ์ การเป็นผู้บังคับบัญชามันหนักใจ ไอ้นั่นจะเสร็จหรือไม่ ไอ้นี่จะเสียชีวิตหรือเปล่า ชายแดนเป็นอย่างไร เมื่อวานต้องเสียใจ ต่อไปกู้ระเบิดแทนมีความเสี่ยงและเสียชีวิต แต่มันก็ต้องทำ ฉะนั้นจะบอกว่าฝ่ายไหนไม่มีประโยชน์มันไม่ได้ มีประโยชน์ทุกคน แต่จะทำอย่างไร และความสามัคคีเกลียดชังกันเองตรงนั้นไม่ใช่ประเทศไทยถ้าทำแบบนี้ต่อไปรักษ์โลกไม่เกิด จะทำอย่างไรให้รักษ์โลก เป็นทีมที่จะกำหนดว่าเราจะเดินอย่างนี้ ขอฝากไว้ด้วย

จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ได้เดินพบปะเกษตรกร สอบถามความเป็นอยู่ พร้อมบอกว่าให้กำลังใจทุกคน รู้ทุกคนลำบาก ไม่รักประชาชนแล้วจะไปรักใคร รับรู้ถึงหัวอกพวกเราและความยากลำบาก ขณะที่ชาวบ้าน เกษตรกร ได้ให้กำลังใจว่า นายกฯ สู้ๆ พร้อมขอถ่ายรูป สวมกอด รวมถึงชมว่านายกฯ หล่อ ขณะที่ภายหลังเสร็จสิ้นกิจกรรม พล.อ.ประยุทธ์ยังได้รับประทานอาหารกลางวันร่วมกับรัฐมนตรีและตัวแทนชาวนาที่บริเวณพื้นที่จัดงาน โดยนั่งเก้าอี้กองฟางและโต๊ะรับประทานอาหารเป็นแคร่ไม้ไผ่ สำหรับเมนูอาหารได้แก่ แกงเผ็ดไก่ใส่หน่อไม้, ไข่พะโล้, ปลาช่อนแดดเดียวทอด, กุนเชียงทอด, ส้มตำ, ไก่ย่าง ของหวานขนมบ้าบิ่น, ครองแครง, ไอติมกะทิ ทั้งนี้ เมนูอาหารดังกล่าวนางภรณีมารดาของนายชัยวุฒิเป็นผู้ดูแลจัดเตรียม

วันเดียวกัน นายสายัณห์ ยุติธรรม ส.ส.นครศรีธรรมราช พปชร. เปิดเผยว่า ในวันที่ 9 ม.ค. ที่จะมีการเปิดตัว พล.อ.ประยุทธ์ และสมัครสมาชิกเข้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์นั้น พวกตนและทีมภาคใต้จะเดินทางไปให้กำลังใจ พล.อ.ประยุทธ์ด้วย เพราะส่วนตัวได้ประกาศแล้วว่าจะไปกับนายกฯ ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็ตาม ส่วนการสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรค รทสช. ของพวกตน จะไปสมัครหลังปิดสภาในวันที่ 28 ก.พ. ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของสภา จากนั้นพวกตนจะไปลาออกจากสมาชิกพรรค พปชร. โดยในส่วนของภาคใต้ไม่ต่ำกว่า 30 คน ซึ่งเป็นผู้สมัครจากพรรคอื่นด้วย ทั้งจากพรรค พปชร. และพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เช่น น.ส.รังสิมา รอดรัศมี ส.ส.สมุทรสงคราม และ น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล ส.ส.นครศรีธรรมราช ที่จะลาออกจากพรรคสังกัดเดิมเพื่อสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรค รทสช.เช่นเดียวกัน

ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้ยังเป็นสมาชิกพรรค พปชร.อยู่ จะไปร่วมการประชุมใหญ่วิสามัญของพรรค พปชร. ที่กำลังจะมีขึ้นหรือไม่ นายสายัณห์ปฏิเสธว่า ไม่ไปแล้ว ใจตนมาอยู่พรรคนี้แล้ว คงไม่ไปแล้ว และตนไม่รู้ว่าเขาจะประชุมเมื่อไหร่ รู้แต่กิจกรรมของ รทสช.

นายโกวิทย์ พวงงาม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังท้องถิ่นไท เปิดเผยถึงการขับเคลื่อนพรรคสู้ศึกเลือกตั้งว่า ช่วงกลางเดือน ม.ค.นี้ จะประชุมกรรมการบริหารพรรคพลังท้องถิ่นไท เพื่อหารือถึงทิศทางของพรรค เบื้องต้นมี 2 แนวทางที่จะดำเนินการคือ สู้เลือกตั้งในนามพรรคต่อ หรือไปรวมกับ รทสช. ที่ก่อนหน้านี้ นายชัชวาลล์ คงอุดม อดีตประธานที่ปรึกษาพรรคพลังท้องถิ่นไท ย้ายไปร่วมงานกับ รทสช. ตามคำเชิญของ พล.อ.ประยุทธ์ อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าเสียดายนายชัชวาลล์ที่ออกจากพรรค แต่ท่านไป รทสช. เพราะความเกรงใจ หลัง พล.อ.ประยุทธ์เป็นผู้เชิญให้ไปร่วมทำงาน ซึ่งนายชัชวาลล์เป็นคนมีน้ำใจจึงตอบรับ

หลัง 9 ม.ค.ไม่มีใครเกรงใจ

นายโกวิทย์กล่าวว่า ในเรื่องแนวทางการเมืองของพรรคพลังท้องถิ่นไท ได้คุยกับนายชัชวาลล์ทุกคืน แต่ขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนจาก รทสช.ว่าจะเปิดบ้านต้อนรับหรือไม่ และช่วงที่นายชัชวาลล์ตัดสินใจไปอยู่กับ รทสช. ไม่มีเงื่อนไขที่จะพาคนของพรรคพลังท้องถิ่นไทไปเข้าสังกัดด้วย ทั้งนี้ สำหรับการประชุมกรรมการบริหารพรรคนั้น จะเป็นแค่การหารือถึงแนวทาง แต่การตัดสินใจอย่างไรนั้น ต้องฟังเสียงจากสมาชิกของพรรคที่ปัจจุบันมีกว่า 28,000 คน อย่างไรก็ดี จากการประเมินเสียงยังก้ำกึ่ง ดังนั้นต้องหาข้อยุติ เบื้องต้นคาดว่าภายในสิ้นเดือน ม.ค.นี้จะมีความชัดเจน

“ผมขอส่งเสียงดังๆ ไปยัง รทสช.ว่า จะว่าอย่างไร จะเปิดบ้านรับหรือไม่ ถ้าไม่เปิดผมจะไปอย่างไร ผมต้องสู้ตามแนวทางของพรรคต่อไป แต่หากพูดถึงการรวมกัน ต้องเจรจาว่าจะทำอย่างไร เพราะพรรคพลังท้องถิ่นไทมี ส.ส.ถึง 5 คน ส่วน รทสช.ไม่มี ส.ส.ในสภา” นายโกวิทย์ระบุ

นายโกวิทย์ยังกล่าวอีกว่า เชื่อว่ารัฐบาลจะอยู่ไปจนถึงเดือน มี.ค. แม้สภาพของสภาจะง่อนแง่น และยุบสภา หรืออาจจะอยู่ครบเทอม ส่วนการเลือกตั้งจะอยู่ในช่วงเดือน พ.ค. ขณะที่การต่อสู้ทางการเมืองจะเป็นศึกของพรรคใหญ่ ทั้งพรรคเพื่อไทย (พท.), พปชร., พรรคก้าวไกล, พรรคภูมิใจไทย (ภท.), ปชป. ที่จะสู้กันด้วยกระแส

น.ส.วทันยา บุนนาค ประธานคณะทำงานนวัตกรรมการเมืองกรุงเทพมหานคร ปชป. กล่าวว่า แสดงความยินดีกับ พล.อ.ประยุทธ์ ที่เตรียมสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรค รทสช. ถือเป็นการตัดสินใจเข้าสนามการเมืองแบบประชาธิปไตยอย่างเต็มตัว ถือเป็นทางเลือกให้ประชาชนได้พิจารณาให้ตอบโจทย์ในการแก้ไขปัญหา และพัฒนาประเทศ แต่ยังกังวลปัญหาธนกิจการเมือง ที่จะมีการใช้เงินมาชี้นำเลือกตั้ง จึงขอให้ประชาชนช่วยกันต่อต้านปัญหาดังกล่าวที่จะมาทำลายประชาธิปไตยของประเทศ

นายวันชัย สอนศิริ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) กล่าวว่า การเปิดตัวของ พล.อ.ประยุทธ์ในวันที่ 9 ม.ค. สร้างความคึกคักให้กับ รทสช. และสร้างกระแส แต่ไม่ได้หมายความว่าจะนำไปสู่ชัยชนะในการเลือกตั้งหรือได้เป็นรัฐบาลหรือไม่ เพราะยังมีปัจจัยอื่นๆ เข้ามาเกี่ยวข้อง ส่วนตัวมองว่าเมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ประกาศตัวชัดเจนในทางการเมืองจะเกิดแรงกระแทกจากคู่แข่ง หรือศัตรูทางการเมืองได้ เพราะนักการเมืองจะไม่มีใครเกรงใจใคร และโดนกระแทกมากขึ้น เมื่อเทียบกับตอนที่ พล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้เข้าสังกัดพรรคการเมือง เพราะต้องยอมรับว่า พล.อ.ประยุทธ์มีจุดอ่อน ทั้งการดำรงตำแหน่งนายกฯ มาแล้ว 8 ปี และวาระนายกฯ ที่เหลืออยู่ไม่ถึง 2 ปี ที่นำไปขยายแผลได้มากขึ้น

เมื่อถามถึงแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลปัจจุบันที่ยังออกท่าทีเกรงใจ นายวันชัย มองว่า เป็นเรื่องปกติ เพราะพรรคร่วมรัฐบาลปัจจุบันยังต้องการเป็นพันธมิตรกับ พล.อ.ประยุทธ์ เพราะสถานะของนายกฯ มีเสียงสนับสนุนในรัฐสภากว่า 100 เสียง ทั้งในกลุ่มของ ส.ว.และ ส.ส. เมื่อประเมินอาจจะร่วมรัฐบาลกันต่อก็ได้ แต่ต้องพิจารณาเงื่อนไขของการฟอร์มรัฐบาลด้วยว่า หากพรรคร่วมรัฐบาลปัจจุบันรวมได้ 250 เสียงขึ้นไป อาจจับมือกันต่อ แต่หากไม่ได้สมการฟอร์มรัฐบาลอาจจะเปลี่ยนไป ทั้งนี้ ส่วนตัวมองว่าหลังการเลือกตั้ง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และหัวหน้าพรรค พปชร. ยังเป็นผู้ประสานสิบทิศ ไปได้รอบทิศ ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ทำไม่ได้ 

เมื่อถามว่า หากจับยามสามตาดูสถานการณ์การเมือง หลังจากนี้จะเป็นอย่างไร นายวันชัยตอบว่า ในวันที่ 8 มี.ค. จะมีการเปลี่ยนแปลง ไปจนถึงเดือน เม.ย. เพราะเป็นช่วงที่ดาวมฤตยูและราหูแสดงฤทธิ์ทำให้อำนาจเก่าถูกบดขี้ อำนาจเก่าถูกล้าง และหลัง เม.ย.เป็นต้นไป จะมีการเปลี่ยนแปลงของขั้วอำนาจการเมือง

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมือง พท. กล่าวว่า การมาเปิดตัวกับ รทสช.เป็นเหมือนไฟต์บังคับ ถ้าปล่อยเวลาให้ผ่านไปเชื่อว่าจะมีคนกลับคำให้การ ส.ส.ที่ตกลงว่าจะยอมให้ดูด ถ้าไม่มีความชัดเจนคงไม่มา งานหนักของพล.อ.ประยุทธ์อีกเรื่องคือ จะแย่งเสียง ส.ว. 250 คน มาโหวตให้ตัวเองเป็นนายกฯ ได้เท่าไหร่ ถ้าหาเสียง ส.ว.มาได้น้อย เชื่อว่าอนาคตที่จะเป็นนายกฯ อีก 2 ปีที่เหลือจะมืดมน และเชื่อว่าจะมี ส.ว.จำนวนไม่น้อยที่เมื่อเห็นผลการเลือกตั้งของประชาชนออกมา จะไม่กล้าโหวตสวนมติของประชาชนคนไทยทั้งประเทศ

 2 ส.เร่งเคลียร์พื้นที่ทับซ้อน

นายสมชัย ศรีสุทธิยากร ประธานขับเคลื่อนยุทธศาสตร์นโยบายพรรคเสรีรวมไทย โพสต์เฟซบุ๊กตอนหนึ่ง ถึงกรณีที่ รทสช.มีจะมีการเปิดตัว พล.อ.ประยุทธ์ ในวันที่ 9 ม.ค.ว่า จะราชาฤกษ์หรือวันดี แต่ต้องไม่ทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง ฝากเลขาธิการกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และ ผอ.กกต.กทม.ตอบด้วยว่าสิ่งนี้อาจเข้าข่ายผิดกฎหมายเลือกตั้งหรือไม่ ถ้าพล.อ.ประยุทธ์ออกจากทำเนียบรัฐบาลก่อนเวลา 16.30 น. ซึ่งยังเป็นเวลาราชการ เป็นการใช้เวลาราชการหาเสียงหรือไม่ หากใช้รถหลวงเดินทางไปศูนย์ประชุมสิริกิติ์ มีรถตำรวจนำเพื่ออำนวยความสะดวกเส้นทางให้รวดเร็วขึ้น เป็นการใช้ทรัพยากรของรัฐหาเสียงหรือไม่ และกรณีเกณฑ์คนนับพัน มีการจ่ายค่ารถ จัดหารถอำนวยความสะดวก จัดเลี้ยงอาหารเครื่องดื่มแก่ผู้มาร่วมพิธีและฟังปราศรัย ผิดฎหมายเลือกตั้งหรือไม่

นายสมชัยระบุอีกว่า หากไม่ต้องการสุ่มเสี่ยงทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง พล.อ.ประยุทธ์ควรก้าวเท้าออกจากทำเนียบรัฐบาลหลังเวลาราชการ ขับรถส่วนตัว ไม่มีรถตำรวจนำ เผชิญกับปัญหาจราจรเช่นคนกรุงเทพฯ และให้คนมาร่วมงานด้วยใจ ไม่จัดเลี้ยงแม้น้ำดื่มสัก 1 ขวด

                    เมื่อวันศุกร์ ที่ห้องประชุมรอยัลนาคารา อ.เมืองหนองคาย ได้มีการประชุมสัมมนาผู้แสดงเจตจำนงเป็นว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคสร้างอนาคตไทย (สอท.) โดยมีนายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค,  นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค และแกนนำพรรค ร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง โดยนายอุตตมกล่าวตอนหนึ่งว่า วันนี้การเมืองมาสู่โค้งสุดท้าย คาดว่าจะมีการยุบสภาในเร็วๆ นี้ ไม่เกินเดือน ก.พ.-  มี.ค. การเลือกตั้งครั้งใหม่จะมีขึ้นอย่างแน่นอน โจทย์ต่อไปต้องก้าวไปข้างหน้าด้วยยุทธศาสตร์ที่คม เราจะมีการเป็นพันธมิตรกับพรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) ทั้งหมดผ่านการพิจารณาตรึกตรองร่วมกันหลายฝ่าย ต้องเดินหน้าทำงานอย่างต่อเนื่องและต้องเข้มข้น

“วันนี้ สอท.ยังเป็น สอท. ทำงานภายใต้ สอท. ไม่ต้องไปหวั่นไหว ที่ผ่านมาอาจมีมรสุมบ้าง แต่วันนี้เรานิ่งแล้ว พร้อมเดินไปข้างหน้าอย่างเดียว ที่ผ่านมาหลายคนสนใจว่าพรรคเรากำลังทำอะไรอยู่ ซึ่งผม กับเลขาฯ พรรคได้รับการติดต่อ และมีคนสนใจร่วมงานกับพรรคเรา สะท้อนให้เห็นว่าเราไปได้แน่นอน และจะไปด้วยแนวทางเป้าหมายที่ชัดเจนในทุกพื้นที่ พรรคก็คือท่าน หากท่านชัดเจน พรรคก็เดินหน้า”หัวหน้าพรรค สอท.ระบุ

นายประวัฒน์ อุตตะโมช รองหัวหน้าพรรค ทสท. กล่าวถึงกระแสข่าวระหว่าง ทสท.กับ สอท.ว่า ขณะนี้มีความคืบหน้าไปมาก ล่าสุดเพิ่งประชุมร่วมกันถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาประเทศโดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจ โดยคณะทำงานทั้ง 2 ฝ่ายที่ได้ร่วมหารือกัน เห็นว่านายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ประธานพรรค สอท., คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรค ทสท. และนายโภคิน พลกุล เป็นผู้มีความรู้และมีประสบการณ์ ทั้ง 3 คนเคยทำงานร่วมกันมายาวนาน ดังนั้น การรวมตัวของทั้ง 2 พรรคการเมือง จึงมุ่งแสวงหาทางรอดให้ประชาชน และเราจะเป็นทางออกให้ประเทศ

 “การประชุมร่วมกันล่าสุดเมื่อวานก่อน ผมเข้าร่วมประชุมด้วย เรากำลังเคลียร์เรื่องพื้นที่ทับซ้อน โดยผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย ไม่มีการพูดถึงตำแหน่งใดๆ เลยไม่ว่าจะเป็นแคนดิเดตนายกฯ หัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค เพราะทั้งสองฝ่ายมารวมกันด้วยความเสียสละไม่ยึดติดกับตัวตนและตำแหน่งใดๆ พวกเราที่ร่วมประชุมกันก็งงว่าข่าวนี้ออกมาได้อย่างไร” รองหัวหน้าพรรค ทสท.กล่าว

นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปโดยไม่มีการลงมติ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 ว่า เป็นสิทธิของฝ่ายค้านที่สามารถดำเนินการได้ตามรัฐธรรมนูญ ส่วนตัวแล้วก็เห็นด้วย ที่ฝ่ายค้านหันมาใช้กลไกของรัฐสภาในการตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล เพราะดีกว่าการใช้สื่อโซเชียลมีเดีย หรือการไปให้ข่าวกับสื่อมวลชนรายวันโดยที่ไม่ทราบถึงข้อเท็จจริงที่ครบถ้วน มีแต่จะทำให้ประชาชนสับสนเปล่าๆ และหากคิดว่ามีหลักฐานที่เชื่อถือได้ ก็สามารถยื่นต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายได้อีกด้วย ยืนยันรัฐบาลมีความพร้อม โดยจะถือโอกาสใช้เวทีนี้เพื่อชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชน เพื่อไม่ให้ประชาชนสับสนกับข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อดีตบิ๊กข่าวกรอง ชี้ 'บิ๊กทิน' กินยาผิด! ยันทหารไม่อยากยึดอำนาจถ้านักการเมืองไม่โกง

นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Nantiwat Samart หัวข้อ