“จุรินทร์” ไฟเขียวต่ออายุสินค้าควบคุม 5 รายการ หน้ากากอนามัย-ใยสังเคราะห์-เจล-กระดาษ-ไก่ อีก 1 ปี สั่งเร่งแก้ปัญหาลานเทช่วยชาวสวนปาล์ม กกร.หวังท่องเที่ยวหนุน ศก.ปี 66 ฟื้น 3-3.5% ห่วงแรงงานขาดแคลน ต้นทุนสูง ส่งออกชะลอ ค่าไฟธุรกิจที่ 5.33 บาทยังแพง ดันต้นทุนขึ้น 9-10%
เมื่อวันที่ 11 มกราคม เวลา 14.00 น. นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) ครั้งที่ 1/2566 พร้อมด้วยนายกีรติ รัชโน ปลัดกระทรวงพาณิชย์, นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน และผู้แทนหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ว่า มีวาระสำคัญคือการต่ออายุสินค้าควบคุม 5 รายการ ปัจจุบันสินค้าควบคุมภายใต้กฎหมายว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ มีสินค้า 51 รายการ และบริการ 5 รายการ สำหรับสินค้าและบริการที่ควบคุม 51 + 5 รายการนี้ มี 5 รายการที่กำลังจะหมดอายุวันที่ 24 ม.ค.2566 จึงมาขอมติให้ต่ออายุไปอีก 1 ปี
โดยที่ประชุม กกร.เห็นชอบให้ต่ออายุสินค้าควบคุม 5 รายการดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 25 ม.ค.2566 ถึง 24 ม.ค.2567 ประกอบด้วย 1.หน้ากากอนามัย 2.ใยสังเคราะห์ เพื่อผลิตหน้ากากอนามัยที่เรียกว่า สปันบอนด์ 3.แอลกอฮอล์และเจลล้างมือ 4.เศษกระดาษและกระดาษที่นำกลับมาใช้ได้อีกที่เรียกว่ากระดาษรีไซเคิล และรายการที่ 5 ไก่และเนื้อไก่ จะต่ออายุเป็นสินค้าควบคุมไปอีก 1 ปี ส่วนที่เหลือยังเป็นสินค้าควบคุมเช่นเดิม เพื่อประโยชน์ของทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภคร่วมกัน
นายจุรินทร์ยังกล่าวถึงกรณีชาวสวนปาล์มเรียกร้องรัฐเร่งแก้ปัญหาปาล์มราคาตกต่ำทั้งระบบ หลังโรงสกัดและลานเทหยุดซื้อจำนวนมากว่า ได้สั่งการให้กรมการค้าภายในประสานสำนักงานพาณิชย์จังหวัดเร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงทันที โดยจากการลงพื้นที่ตรวจสอบติดตามสถานการณ์ พบว่าโรงงานสกัดฯ ยังเปิดรับซื้อตามปกติ แต่เนื่องจากช่วงเทศกาลปีใหม่ลานเทและโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มส่วนใหญ่ปิดรับซื้อ ตั้งแต่วันที่ 25 ธ.ค.2565 และเริ่มเปิดรับซื้อในวันที่ 2 ม.ค.2566 เกษตรกรที่มีรอบเก็บเกี่ยวในช่วงปีใหม่และมีผลปาล์มสุกเต็มที่ ต้องเร่งเก็บเกี่ยวพร้อมๆ กัน ส่งผลให้ปริมาณผลปาล์มที่เข้าสู่ตลาดมากกว่าปกติเกินกำลังการผลิตของโรงงาน คาดว่าสัปดาห์หน้าสถานการณ์น่าจะคลี่คลาย
โดยหลังจากวันที่ 15 ม.ค.นี้ ปริมาณผลปาล์มที่เข้าโรงงานจะเริ่มลดลง ประกอบกับความต้องการตลาดจะเพิ่มขึ้นจากปริมาณนักท่องเที่ยวที่เริ่มเดินทางมายังไทย รวมทั้งความต้องการใช้ที่จะสูงขึ้นในช่วงเทศกาลตรุษจีน ซึ่งจะส่งผลให้ราคาปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มปรับสูงขึ้น ทั้งนี้ ให้จัดส่งเจ้าหน้าที่ออกตรวจสอบติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง รวมถึงกำชับให้ผู้ประกอบการปฏิบัติตามกฎหมาย พร้อมคุมเข้มชายแดนป้องกันการลักลอบนำเข้าน้ำมันปาล์มด้วย โดยหากพบพฤติกรรมอันถือว่าเป็นการฉวยโอกาสกดราคารับซื้อผลผลิตจากเกษตรกรโดยไม่เป็นธรรม หรือทำให้เกิดความปั่นป่วนของตลาด จะดำเนินการตามกฎหมายทันที
วันเดียวกัน นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ในฐานะประธานการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประจำเดือน ม.ค.2566 กล่าวภายหลังการประชุมว่า กกร.ประเมินเศรษฐกิจไทยปี 2566 ยังมีข้อจำกัดในการฟื้นตัว แม้แนวโน้มภาคการท่องเที่ยวของไทยปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ภาคเอกชนยังคงมีความกังวลเรื่องปัญหาแรงงานในภาคการท่องเที่ยวที่ยังคงขาดแคลน จึงจำเป็นที่รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องหาแนวทางดึงกลุ่มแรงงานกลับเข้าสู่ภาคธุรกิจท่องเที่ยวให้เพียงพอในการรองรับการฟื้นตัวต่อไป
ทั้งนี้ เศรษฐกิจไทยมีปัจจัยสนับสนุนจากภาคการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาเที่ยวไทย 11.1 ล้านคนในปีที่ผ่านมา มากกว่าที่คาดการณ์ไว้ช่วยให้ธุรกิจที่เกี่ยวข้องฟื้นตัวได้ อัตราการเข้าพักโรงแรมในเดือนธ.ค.2565 อยู่ที่ 63% เข้าใกล้ระดับปกติที่ 77% และในปีนี้ มีปัจจัยหนุนจากการที่ประเทศจีนเปิดประเทศโดยผ่อนคลายมาตรการกักตัวภาคบังคับ ตั้งแต่ 8 ม.ค.2566 น่าจะทำให้ตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติในปีนี้อาจสูงได้ถึง 20-25 ล้านคน ที่ประชุม กกร.จึงคาดการณ์เศรษฐกิจไทยปี 2566 มีแนวโน้มขยายตัวที่ 3.0-3.5% การส่งออกคาดอยู่ในกรอบ 1.0-2.0% อัตราเงินเฟ้อทั่วไปคาดอยู่ในกรอบ 2.7-3.2%
นายสนั่นกล่าวว่า กกร.ประเมินว่าการผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิดของจีนจะช่วยให้เศรษฐกิจจีนกลับมาเดินหน้าฟื้นตัวได้มากขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 2 เป็นต้นไป แม้ในช่วงแรกของการผ่อนคลายจะเกิดการขาดแคลนแรงงานในภาคการผลิตและการส่งออกของจีนหดตัวลงเพิ่มเติมในระยะนี้ โดยเชื่อว่าจะทำให้เศรษฐกิจจีนมีโอกาสเติบโตได้ 5% ตามเป้าหมาย เทียบกับปีก่อนที่เติบโตต่ำกว่าเป้าหมาย ช่วยพยุงไม่ให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัวลงมากเกินไปในภาวะที่ยังเผชิญแรงกดดันจากราคาพลังงานในระดับสูงและต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามการส่งออกที่มีสัญญาณชะลอตัวตามภาวะเศรษฐกิจโลก รวมถึงต้นทุนที่อยู่ในระดับสูงจากราคาพลังงาน ค่าไฟฟ้า และอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นเป็นความท้าทายของภาคเอกชน
ด้านนายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า แม้รัฐบาลจะลดค่าเอฟทีภาคธุรกิจเพื่อช่วยให้ค่าไฟฟ้าปรับขึ้นเฉลี่ยหน่วยละ 5.33 บาท จากเดิมหน่วยละ 5.69 บาท แต่ถือว่ายังเป็นระดับสูงกว่าที่เอกชนต้องการให้พยุงไว้หน่วยละ 4.72 บาท ซึ่งจะส่งผลให้ต้นทุนสินค้าสูงขึ้นระดับ 9-10% ถือเป็นระดับที่สูงเช่นกัน แม้ผู้ผลิตจะพยายามดูแลราคาสินค้าไม่ให้พุ่งสูงมากเกินไปก็ตาม อีกความกังวลคือ หากรัฐบาลยุบสภา จะทำให้คณะทำงานที่ตั้งขึ้นมาแก้ไขด้านพลังงานร่วมกันอาจเกิดเกียร์ว่างอีก จึงอยากฝากไปถึงรัฐบาลชุดใหม่ให้ดูเรื่องการแก้ปัญหาค่าเอฟทีในระยะยาว.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'สมศักดิ์' ตั้ง 'ปลอดประสพ' ปลุกผีโครงการแก้ย้ำยุคปูเอาอยู่
'สมศักดิ์' ตั้ง 'ปลอดประสพ' ศึกษาโครงการบริหารจัดการน้ำขนาดใหญ่ยุค 'ยิ่งลักษณ์' หวังแก้ปัญหาน้ำท่วมที่ต้นเหตุ
กม.สมรสเท่าเทียมฉลุย! ‘นิด’ปลื้มรอยยิ้มLGBTQ
สภาโหวตฉลุย “กม.สมรสเท่าเทียม” กลุ่มหลากหลายทางเพศ LGBTQ ได้รับสิทธิ์ “คู่สมรส” ด้าน สว. เร่งถกต้น เม.ย. ก่อนปิดสมัยประชุม
เม.ย.ชงครม.ลุยแจกหมื่น ตรึงค่าไฟงวดใหม่4.18บ.
“เศรษฐา” นั่งหัวโต๊ะดิจิทัลวอลเล็ต ถามหา “ผู้ว่าฯ ธปท.” กลางวง เหตุติดภารกิจต่างประเทศ สั่งหาแหล่งเงิน
อสส.ยุติ2คดีใหญ่ ยิ่งลักษณ์โยกถวิล พันธมิตรบุกสภา
"ยิ่งลักษณ์" ติดปีก อสส.ไม่ยื่นอุทธรณ์คดีฟ้องโยกย้ายไม่เป็นธรรม
ตั้มพลิ้วเส้นเงินไม่ถึง‘บิ๊กต่อ’
บารมียังไม่เกิด! "เศรษฐา" พับเพียบขอถึงศึกนายพลสีกากีเป็นครั้งสุดท้าย
กกต.ไฟเขียวทักษิณ เดินสายพบปชช.ไม่ครอบงำพท./จักรภพเลิกลี้ภัยกลับไทย
"ประธาน กกต." ชี้ "ทักษิณ" เดินสายเข้า "เพื่อไทย" พบ ปชช. ไม่ถือครอบงำพรรคการเมือง ขออย่าคิดไปเองต้องดู กม