รุมอัดปมยืดเก้าอี้เกิน8ปี เสธ.อู้ฟันธงฝันสลายแน่

เสียงค้านระงม ปมให้นายกฯ นั่งเก้าอี้เกิน 8 ปี “เพื่อไทย” ยันไม่เห็นด้วย อุ๊งอิ๊งอ้างขัดหลักประชาธิปไตย “จาตุรนต์” เตือนระวังจุดจบสยองหากเดินหน้า “เสธ.อู้” ฟันธงโอกาสเป็นศูนย์หากทำเรื่องนี้

เมื่อวันอาทิตย์ ยังคงมีความต่อเนื่องจากกรณีคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา มีแนวคิดศึกษาเสนอประเด็นแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 158 เกี่ยวกับวาระการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 8 ปี โดยนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวว่า ไม่ทราบข้อเท็จจริงและไม่ทราบรายละเอียด แต่เท่าที่ฟัง ก็ต้องระมัดระวังในเรื่องนี้ เพราะอาจนำไปสู่การสร้างปัญหาไม่รู้จบในอนาคตได้ แต่ต้องมาดูรายละเอียดในร่างแก้ไขว่าเป็นอย่างไร จะแก้จริงหรือไม่ หรือแค่โยนหินถามทาง จะไปด่วนวิจารณ์ก็ไม่ได้

เมื่อถามถึงความเป็นไปได้ของการที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะได้รับเสียงโหวตจากที่ประชุมวุฒิสภา จนมาถึงการแก้วาระการดำรงตำแหน่ง นายจุรินทร์กล่าวว่าไม่ขอตอบไปไกลขนาดนั้น มันยังเร็วเกินไป ต้องรอดูว่ามีจริงหรือเปล่า และถ้ามีจริง รายละเอียดมันคืออะไร

เมื่อถามว่า หากพรรค ปชป.เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล จะมีแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างไร หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า เรื่องการแก้รัฐธรรมนูญในส่วนของพรรคนั้น ถือว่าเป็นนโยบายข้อหนึ่งที่เราจะเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่ว่ามีเงื่อนไขก็คือ ต้องเป็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ยังคงระบบการปกครองแบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ไม่แตะหมวด 1 หมวด 2 และขณะเดียวกันก็จะต้องแก้เพื่อให้มีความเป็นประชาธิปไตยยิ่งขึ้น สิ่งนี้ก็คือแนวของประชาธิปัตย์ที่ชัดเจน ไม่เปลี่ยนแปลง

นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ประธาน ส.ส.พรรค และรองหัวหน้าพรรค ปชป.กล่าวว่า เชื่อว่าคงแก้ไขไม่ทันในสภาชุดปัจจุบันที่จะหมดวาระลงเร็วๆ นี้ แต่ไม่เห็นด้วยที่จะแก้ไขไม่ให้จำกัดวาระนายกฯ แค่ 8 ปีในช่วงเวลานี้ ถ้าจะมีการแก้ไข ควรแก้ไขหลังจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พ้นจากตำแหน่งนายกฯ ไปก่อน เพราะถ้าแก้ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ยังเป็นนายกฯ ก็อาจถูกมองได้ว่าแก้เพื่อให้ พล.อ.ประยุทธ์มีโอกาสเป็นนายกฯ ได้ไปเรื่อยๆ โดยเฉพาะการเสนอแก้โดย ส.ว.ชุดปัจจุบันที่มาจากการแต่งตั้งโดย พล.อ.ประยุทธ์ ทำให้ถูกมองได้ว่าเป็นการแก้เพื่อ พล.อ.ประยุทธ์ เพราะมี ส.ว.ท่านหนึ่งระบุว่า ไม่ควรจำกัดวาระนายกฯ ไว้ 8 ปี เพราะนายกฯ เป็นคนดี ไม่ควรจะกำหนดวาระการทำงาน คนดีอยู่เกิน 8 ปีไม่เป็นไร

“การที่นายกฯ ควรมีวาระแค่ 8 ปีหรือไม่ เป็นเรื่องที่มีความคิดเห็นที่แตกต่างกันได้ แต่ไม่ควรอ้างตัวอย่างจากประเทศใดประเทศหนึ่งเป็นแบบอย่างเพื่อเราจะได้ทำตาม เพราะแต่ละประเทศก็มีบริบททางการเมืองแตกต่างกันไป การที่รัฐธรรมนูญไทยกำหนดให้นายกฯ มีวาระอยู่ 8 ปี ก็เป็นเหตุผลของเราที่ไม่ต้องการให้ใครก็ตามเป็นนายกฯ ผูกขาดอำนาจนานเกินไป เพราะ 8 ปี ก็มากพอที่จะทำประโยชน์ให้บ้านเมืองตามสมควรอยู่แล้ว” นายองอาจกล่าว

เพื่อไทยค้านต่อายุนายกฯ

ด้านนายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา และเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า พรรคไม่เห็นด้วยอยู่แล้ว เพราะเป็นการแก้เพื่อสืบทอดอำนาจซึ่งขัดหลักการประชาธิปไตย เราก็เข้าใจว่ามีความพยายามอยู่และเฝ้ามองอยู่

ขณะที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย กล่าวว่า เหมือนที่นายประเสริฐพูด จริงๆ มันควรเป็นประชาธิปไตยให้ได้มากที่สุด เรามีการปกครองแบบประชาธิปไตย ฉะนั้นควรยึดหลักนี้เป็นหลัก อะไรที่จะดึงประโยชน์ไปฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ทุกคนควรเอาประชาชนเป็นที่ตั้ง แล้วมองตรงนั้นมากกว่า

นายจาตุรนต์ ฉายแสง สมาชิกพรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊กว่า 90 ปีมานี้ประเทศไทยมีการรัฐประหารเฉลี่ย 7 ปีต่อครั้ง ปัญหาของประเทศไทยจึงอยู่ที่จะทำอย่างไรให้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งเป็นรัฐบาลอยู่ได้นานๆ โดยไม่มีการรัฐประหาร และการห้ามนายกฯ อยู่ในตำแหน่งเกิน 8 ปี ควรใช้กับผู้ที่มาจากการทำรัฐประหารหรือพวกเผด็จการเสียมากกว่า ซึ่งการห้ามนายกฯ อยู่ในตำแหน่งเกิน 8 ปีมาเป็นประเด็นปัญหาก็เนื่องจากการไปให้อำนาจ ส.ว.เลือกนายกฯ ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ได้เป็นนายกฯ ทั้งๆ ที่ไม่ได้มาจากความเห็นชอบของประชาชน

“การเคลื่อนไหวเพื่อแก้รัฐธรรมนูญให้นายกฯ สามารถอยู่ในตำแหน่งได้เกิน 8 ปี เป็นความพยายามที่จะทำให้ พล.อ.ประยุทธ์สืบทอดอำนาจต่อไปให้ยาวที่สุด ไม่ได้คำนึงถึงหลักกงหลักการอะไรทั้งสิ้น แสดงให้เห็นว่าทั้ง พล.อ.ประยุทธ์และพวกที่เสวยอำนาจมาด้วยกันจากการรัฐประหาร ไม่เคยมีความคิดที่จะคืนอำนาจให้ประชาชน และเป็นพวกไม่รู้จักพอ อย่ามาเที่ยวอ้างคนดีเพื่อประโยชน์ของตนเองหรือพวกพ้อง โจรขบถปล้นอำนาจไปจากประชาชน ทำลายประชาธิปไตย กลายเป็นคนดีไปได้อย่างไร ใช้คำว่าคนดีเรื่อยเปื่อยจนคำนี้เสียไปนานแล้ว” นายจาตุรนต์โพสต์

เตือนประยุทธ์จบสยอง

นายจาตุรนต์กล่าวอีกว่า หาก พล.อ.ประยุทธ์กับพวก ส.ว.ที่ พล.อ.ประยุทธ์ตั้งไว้เพื่อการสืบทอดอำนาจยังพยายามที่จะแก้รัฐธรรมนูญเพื่อให้ พล.อ.ประยุทธ์ได้เป็นนายกฯ อีกอย่างไม่มีวันสิ้นสุดเช่นนี้ การเมืองไทยจะเข้าสู่จุดวิกฤต เพราะจะเป็นการฝ่าฝืนเจตนารมณ์ของประชาชนอย่างร้ายแรง และการดำเนินการเพื่อให้แก้รัฐธรรมนูญได้สำเร็จ ก็จะทำให้เกิดสภาพอัปยศในทางการเมืองอีกครั้ง เนื่องจากจะต้องมีการใช้ทั้งอำนาจและเงินเพื่อให้ครบเงื่อนไขในการแก้รัฐธรรมนูญ

“การแก้รัฐธรรมนูญเพื่อให้ผู้นำประเทศอยู่ในอำนาจได้นานๆ เคยเกิดมาแล้วในบางประเทศ ซึ่งมักนำไปสู่จุดจบของผู้นำที่ต่ออายุให้ตัวเอง หาก พล.อ.ประยุทธ์กับพวกยังดึงดันต่อไป พล.อ.ประยุทธ์เองอาจพบจุดจบที่น่าสยดสยองก็ได้” นายจาตุรนต์ระบุ

นายจาตุรนต์โพสต์ทิ้งท้ายว่า ไม่ได้เป็นห่วง พล.อ.ประยุทธ์ และไม่ได้กลัวว่าการแก้รัฐธรรมนูญจะทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ได้เปรียบ เพราะทำกันแบบนี้ พรรคที่ไม่เอา พล.อ.ประยุทธ์ ยิ่งชนะการเลือกตั้ง และพรรคเพื่อไทยยิ่งแลนด์สไลด์ แต่ที่เป็นห่วงคือการแก้รัฐธรรมนูญเพื่อต่ออายุให้ พล.อ.ประยุทธ์ครั้งนี้อาจทำให้บ้านเมืองวิกฤต และหากทำสำเร็จขึ้นมา พล.อ.ประยุทธ์กับพวกก็จะบริหารประเทศแบบไร้ประสิทธิภาพ และทำให้ประเทศก้าวสู่หายนะยิ่งกว่าที่เป็นอยู่

ขณะที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) กล่าวว่า มีคำตอบอยู่ในคำถามอยู่แล้ว ประชาชนสามารถทำให้เป็นหมันได้ โดยการทำให้ไม่ถึง 25 ที่นั่งตั้งแต่แรก เพราะเป็นเรื่องของระบบ ไม่ใช่เกี่ยวกับบุคคล พล.อ.ประยุทธ์ก็เปรียบเหมือนยาหมดอายุ และเป็นนายกฯ คนละครึ่งมานานพอสมควร ถ้าพี่น้องประชาชนไม่เห็นด้วย ก็สามารถทำหมันเรื่องนี้ได้ โดยไม่ต้องเลือกพรรคที่มีความคิดแบบนี้ตั้งแต่แรก ประเทศไทยเปลี่ยนเกมได้ทันที เรื่องนี้อยู่ที่ประชาชนจริงๆ

นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โพสต์เฟซบุ๊กในหัวข้อฉลาดหรือโง่ ว่าใครๆ ก็รู้ว่าสภาผู้แทนราษฎรจะปิดสมัยประชุมในวันที่ 28 ก.พ.2566 หลังจากนั้น แม้มีวุฒิสภา แต่ไม่สามารถประชุมใดๆ ได้จนมีสภาผู้แทนฯ ชุดใหม่ ซึ่งการแก้รัฐธรรมนูญต้องทำในที่ประชุมรัฐสภาเท่านั้น ส.ว.ไม่มีสิทธิกระทำตามลำพัง

“การเปิดประเด็นในช่วงนี้ ทั้งๆ ที่รู้ว่าทำไม่ได้ จึงมีจุดมุ่งหมายเพื่อเสริมกระแส พล.อ.ประยุทธ์ ในการเลือกตั้งว่าเลือกฉันสิ ฉันไม่ได้อยู่แค่สองปีนะ เดี๋ยวก็แก้ให้ฉันอยู่ไม่มีกำหนดได้ เพราะฉันเป็นคนดี แต่คนจุดประเด็นสร้างกระแส อาจลืมไปว่าจะมีผลในทางลบ สร้างความไม่พอใจแก่คนอีกจำนวนมาก ว่าแค่นี้เอ็งยังไม่พออีกหรือ 8 ปีที่แปดเปื้อนยังไม่พอ ยังจะแก้กติกาเพื่อตัวบุคคลโดยเอาหน้ากากคนดีมาใส่อีก และจะทำให้การตัดสินใจเลือกตั้งเป็นไปในทางตรงข้าม ยิ่งถล่มทลายมากขึ้น เชิญชวน ส.ว.ทั้งหลายออกมาพูดสนับสนุนกันเยอะๆ เลย พ่อคนฉลาด” นายสมชัยโพสต์

เสธ.อู้ยันโอกาสเป็นศูนย์

ส่วน พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช ส.ว.กล่าวว่า ประเด็นนายกฯ จะดํารงตําแหน่งรวมกันแล้วเกิน 8 ปีมิได้ เป็นประเด็นหนึ่งที่ไม่มีใครเห็นด้วยตั้งแต่ต้นสมัยศึกษาร่างรัฐธรรมนูญ เพราะไม่เหมือนการเลือกตั้งนายกฯ โดยตรงหรือเลือกตั้งประธานาธิบดีโดยตรงแบบต่างประเทศ แต่การนำประเด็นดังกล่าวมาพูดกันตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่ไม่ค่อยเหมาะสม เพราะว่าสร้างประเด็นเกี่ยวเนื่องกับ พล.อ.ประยุทธ์

พล.อ.เลิศรัตน์กล่าวว่า ในทางปฏิบัติโอกาสเป็นไปได้แทบจะเป็นศูนย์ เพราะเมื่อดูวิธีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ตามมาตรา 256 (8) เขียนไว้เป็นข้อห้ามว่าแก้ไขรัฐธรรมนูญประเด็นใดบ้างที่ต้องดำเนินการทำประชามติ ซึ่งถ้าการแก้ไขรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับคุณสมบัติหรือลักษณะต้องห้ามของผู้ดำรงตำแหน่งตามรัฐธรรมนูญนี้ ต้องนำไปทำประชามติก่อน เมื่อผ่านการลงมติวาระ 3 แล้ว ซึ่งหากจะแก้ไขตรงนี้ ไม่เฉพาะแค่แก้ไขในรัฐสภา ต้องทำประชามติ ใช้งบประมาณ 4 พันล้านบาท และใช้เวลาอีก 4-5 เดือน รวมถึงขั้นตอนการเสนอก่อน ส.ส.และ ส.ว. ต้องมีจำนวนไม่น้อยกว่า 1 ใน 5 หรือประมาณ 150 คน ร่วมกันเสนอแก้ไขได้ กว่าจะบรรจุระเบียบวาระก็ไม่ทันสมัยประชุมนี้ หากยื่นแก้ไขในสมัยหน้า การนำเสนอต้องมีไม่ต่ำกว่า 150 คน ส่วนวาระที่หินที่สุดคือวาระ 3 เพราะต้องมี ส.ว.ไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 และต้องมีฝ่ายค้านไม่น้อยกว่า 20% จะมีฝ่ายค้านที่ไหนยอม สมมติ พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ ฝ่ายค้านก็คงไม่ยอมให้แก้ไข

“โอกาสตอนนี้เป็นศูนย์ที่จะแก้ไขได้ ใครจะกล้าเอาเงิน 4 พันล้านบาทไปแก้ไขแค่วรรคเดียว และเท่าที่เสนอขอแก้ไขกันมา ก็ไม่เคยประสบความสำเร็จเลย แต่หากแก้โดยตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ก็อาจมีความเป็นไปได้ แต่ต้องใช้งบประมาณกว่าหมื่นล้านบาท เพราะรัฐธรรมนูญฉบับนี้ยิ่งกว่าศิลาจารึก อย่าไปคาดหวังที่จะแก้ไขได้”พล.อ.เลิศรัตน์กล่าว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ชงไทยบี้เมียนมา งดขายน้ำมันให้ เจรจาสันติภาพ

"โรม" เสนอให้ไทยงดขายน้ำมันให้ "เมียนมา" ปูดใช้ไทยฟอกเงินเครือข่ายซื้ออาวุธที่ใช้ปฏิบัติการ เตือนถูกดึงไปเอี่ยวร่วมฆ่าล้างเผ่าพันธุ์