พปชร.โชว์‘บิ๊กเนม’ ‘ป้อม’จูบปากทุกขั้ว

"พลังประชารัฐ" คึกคัก เปิดตัว “พล.อ.วิชญ์-อุตตม-สนธิรัตน์” ลุงป้อมย้ำพร้อมเป็นนายกฯ หากประชาชนเลือก ลั่นไม่ได้ปรับลุกส์ให้กระฉับกระเฉง แต่งแบบนี้มานานแล้ว “บิ๊กน้อย” อวยเสียสละมามาก “สนธิรัตน์” ยกเป็นเล่าปี่ของประเทศไทย "สันติ" โวตั้งเป้ากวาดไม่ต่ำกว่า 150 เก้าอี้ สะพัด! เด็ก สอท.จ่อตบเท้าเข้า  รทสช.พรึ่บไม่ตาม 2 กุมาร "จุรินทร์" ชี้การเลือกตั้งครั้งนี้แข่งระหว่างพรรคสถาบันกับพรรคเฉพาะกิจ

เมื่อวันจันทร์ที่ 30 มกราคม พรรคการเมืองต่างมีความเคลื่อนไหวกันอย่างคึกคัก โดยที่พรรคพลังประชารัฐ  (พปชร.) ในเวลา 14.38 น. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ  รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรค พปชร.ได้เดินทางเข้ามายังที่ทำการพรรคและขึ้นห้องทำงานชั้น 21 ในเวลาไล่เลี่ยกัน นายอุตตม สาวนายน อดีตหัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทย (สอท.) และนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ อดีตเลขาธิการพรรค สอท.เดินทางถึง พปชร. โดยทันทีที่มาถึงนายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรค และนายสกลธี ภัททิยกุล หัวหน้าทีม กทม.ได้ให้การต้อนรับ พร้อมพาขึ้นไปยังห้องทำงาน พล.อ.ประวิตรทันทีเพื่อยื่นใบสมัคร โดย พล.อ.ประวิตรลงนามใบสมัครด้วยตัวเอง ก่อนที่นายอุตตมและนายสนธิรัตน์จะเปลี่ยนไปสวมเสื้อพรรค พปชร. โดยก่อนหน้านี้ พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน  ณ อยุธยา อดีตหัวหน้าพรรครวมแผ่นดิน ก็ได้เดินทางมาร่วมเปิดตัวด้วย

โดย พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า เป็นที่น่าดีใจที่ได้ต้อนรับทั้ง 3 คน คนแรกคือ พล.อ.วิชญ์ คนที่สองคือนายอุตตม  และคนที่สามคือนายสนธิรัตน์ ถือเป็นเกียรติกับ พปชร.เป็นอย่างยิ่ง ซึ่งตนพูดไม่เก่ง แต่ฟังเก่ง แล้วฟังรู้เรื่องด้วย  อยากฝากบอกกับทุกคนว่า พรรคเราเป็นพรรคที่เรารวมกัน ก้าวข้ามความขัดแย้งทั้งหมด ฉะนั้นทั้งสามคนจะมาช่วย พปชร.ดำเนินกิจกรรมการเมืองและเศรษฐกิจ เพื่อให้พรรคเข้มแข็ง ต้องขอบคุณทุกคนที่มาให้กำลังใจกันทั้งสามคน เราได้สองหัวหน้าพรรคกับหนึ่งเลขาธิการพรรค นับว่าเป็นเกียรติกับ พปชร.เป็นอย่างยิ่ง โดยนายอุตตมจะมาช่วยดูแลเรื่องเศรษฐกิจ นายสนธิรัตน์จะช่วยดูเศรษฐกิจและการเมือง ส่วน พล.อ.วิชญ์ช่วยทั้งพรรค

 ผู้สื่อข่าวถามว่า การกลับมาของทั้งสามคนจะทำให้ได้เป็นนายกฯ คนที่ 30 หรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ต้องประชาชนเลือก ถามอย่างนี้ผิดนะ จะให้เป็นนายกฯ คนที่  30 ได้อย่างไร ประชาชนต้องเป็นคนเลือก ถ้าไม่ได้เลือกจะเป็นได้อย่างไร 

เมื่อถามว่า ตอนนี้แคนดิเดตนายกฯ ในพรรคมีแค่คนเดียว ไม่มีคนอื่นแล้วใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ถ้าตอบว่าไม่รู้จะหาว่าตนเองไม่รู้อีก เมื่อถามย้ำว่า แล้วที่นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ระบุจะเข้ามาและเป็นหนึ่งในแคนดิเดตนายกฯ ของพรรค พล.อ.ประวิตรย้อนว่าใครบอก ถ้านายมิ่งขวัญบอกเองก็ต้องไปถามนายมิ่งขวัญ แต่ยืนยันว่านายมิ่งขวัญยังอยู่กับพรรคและช่วยด้านเศรษฐกิจ เพราะในพรรคมีงานให้ทำเยอะแยะไม่ต้องห่วง

ถามอีกว่า แล้วจะให้ใครเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ  พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า เป็นทั้งหมดเลย ไม่เป็นไร หัวหน้ามีได้หลายคน           

เมื่อถามว่า นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ประธานพรรค  สอท.จะตามมาร่วมงานหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ไม่ทราบ ต้องถามนายสมคิด จะถามตนได้อย่างไร เพราะไม่ได้คุยกันเลย ส่วนจะป้องกันปัญหาเรื่องความขัดแย้งอย่างไรนั้น เพราะก่อนหน้านี้นายอุตตมและนายสนธิรัตน์ได้ออกจากพรรคไป ยืนยันว่าไม่มีความขัดแย้ง ออกไปก็ไม่ได้ขัดแย้ง

อวย พปชร.เป็นบ้านเก่า          

นายอุตตมกล่าวถึงสาเหตุที่กลับมา พปชร.ว่า เรื่องสำคัญสุดคือการสร้างความปรองดอง และอีกเหตุผลหนึ่งคือเคยเป็นสมาชิกเก่าในบ้านหลังนี้ มีส่วนร่วมริเริ่มสร้าง  พปชร.มา มีส่วนในการคิดและผลักดันนโยบายส่วนหนึ่งขึ้น  เช่น บัตรประชารัฐ ที่พวกเราช่วยกันทำมา หัวหน้าพรรคประกาศชัดเจนแล้วว่าจะนำพรรคขับเคลื่อนนโยบายสำคัญเหล่านี้ เรายินดีที่จะทำงานร่วมกับทุกคนที่มีอุดมการณ์ร่วมกัน ก้าวข้ามความขัดแย้งได้แล้ว

“เราตั้งใจว่าจะมาทำงานด้วยกัน ก้าวข้ามความขัดแย้ง ก็ไม่ได้ติดใจอะไรกัน หลายๆ คนก็ไม่ได้ติดใจ ทั้งนี้ เดี๋ยวจะมีคนจากพรรคสร้างอนาคตไทยทยอยตามกันเข้ามาอีก ส่วนนายสมคิดนั้น พวกผมก็ได้ไปปรึกษา ท่านก็ยินดี ความสัมพันธ์ยังเหมือนเดิม ส่วนนายสมคิดจะช่วยหรือไม่ ตอบแทนไม่ได้” นายอุตตมระบุ

เมื่อถามว่า จะสามารถทำงานร่วมกับ ร.อ.ธรรมนัส  พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา พรรคเศรษฐกิจไทย ที่มีข่าวจะกลับเข้ามาได้หรือไม่ นายอุตตมกล่าวว่า ร.อ.ธรรมนัสยังไม่ได้มาหรือเปล่า ทำให้ พล.อ.ประวิตรกล่าวแทรกทันทีว่า เขายังไม่ได้มา ผู้สื่อข่าวจึงถาม พล.อ.ประวิตรว่า ร.อ.ธรรมนัสจะเข้ามาเมื่อไหร่ แต่ พล.อ.ประวิตรระบุว่าไม่รู้ ต้องไปถาม ร.อ.ธรรมนัส มาถามอะไรตนเอง ไปถามถึงคนอื่นไม่ได้  ตอบแทนเขาไม่ได้

ขณะที่นายสนธิรัตน์กล่าวว่า วันนี้คือได้กลับบ้าน รู้จักคุ้นเคยตั้งแต่ก่อตั้งพรรค ไม่ได้รู้สึกแปลกอะไร มีความคุ้นเคยกันอยู่แล้ว ยินดีอย่างยิ่งที่กลับมาร่วมกันทำงานกับหัวหน้าพรรค ผู้บริหารพรรค สมาชิกพรรค การกลับมาคือ หนึ่งในสัญลักษณ์ที่ประเทศเราต้องการ ความแตกแยกในบ้านเมือง ต้องการคนแบบ พล.อ.ประวิตร ถ้าให้เปรียบเทียบกับสามก๊ก พล.อ.ประวิตรเปรียบเหมือนเล่าปี่ ที่พยายามรวบรวมผู้คนเข้ามากอบกู้แก้ปัญหาบ้านเมือง ซึ่งในทางการเมือง พล.อ.ประวิตรมีบทบาทด้านนี้เด่นมาก  และเชื่อว่าพรรค พปชร.จะรวบรวมคนเก่งเข้ามาได้มากขึ้น  เป็นความหวังของประชาชนได้ ก็ต้องชื่นชม พล.อ.ประวิตร ถือเป็นเล่าปี่ตัวจริงของประเทศไทย

ในตอนท้ายได้สอบถาม พล.อ.ประวิตรถึงกระแสตอบรับในการลงพื้นที่ว่าดีหรือไม่ พล.อ.ประวิตรยิ้มและกล่าวว่า ไม่ทราบ แต่ไปที่ไหนก็มีคนต้อนรับทั้งนั้นเลย มีคนมาขอถ่ายรูปทั้งนั้น ส่วนที่มีคนชื่นชมว่ามีการปรับลุกส์การแต่งกายให้ดูวัยรุ่น กระฉับกระเฉงขึ้นนั้น ก็ใส่แบบนี้ ใส่มานานแล้ว ไม่ใช่กลยุทธ์อะไร

ส่วน พล.อ.วิชญ์กล่าวว่า ไม่ว่าอยู่ที่ไหนก็ทำงานในหน้าที่ให้ดีที่สุด ตรงไหนที่เป็นส่วนรวมที่เราทำประโยชน์ให้แก่ประเทศและประชาชนได้ก็จะทํา ไม่สำคัญว่าอยู่ที่ไหนหรือตำแหน่งอะไร อยู่ที่การกระทำของเรา วันนี้มาเพื่อช่วยทำงานให้บ้านเมืองและประชาชน ไม่มีปัญหา ไม่มีความขัดแย้ง ไม่เคยเป็นศัตรูกับใคร ทุกคนมีผิดมีพลาดได้  ฉะนั้นถ้ามาขอโทษเรียบร้อยแล้ว ทุกอย่างก็จบ ไม่ติดใจอะไร ถ้าติดใจก็ไม่ต้องทำอะไรแล้ว

เป้าไม่ต่ำกว่า 150 เก้าอี้

“พล.อ.ประวิตรเป็นไอดอลของผม เพราะเราอยู่ด้วยกันมา 30-40 ปี ทำงานชายแดนกันมาตลอด ฉะนั้นตรงนี้ คนเป็นผู้นำ ถ้าให้ผมเลือกก็ พล.อ.ประวิตรนี่แหละที่จะเป็นผู้นำประเทศต่อไปได้ ที่ผ่านมา พล.อ.ประวิตรเสียสละมาตลอด ผมไม่ได้เชียร์ท่าน แต่คิดว่าคนคนนี้เหมาะสมที่สุดที่จะเป็นนายกฯ คนที่ 30 ของประเทศ” พล.อ.วิชญ์กล่าวและว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็มีความเหมาะสม มีลักษณะเฉพาะตัว มีผลงานเยอะแยะ แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือกฎกติกาอะไรที่มีอยู่แล้วก็ต้องคิดด้วย ไม่ใช่ว่าตามใจตัวเองอยากทําอะไรก็ทำได้

นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.การคลัง และเลขาธิการพรรค กล่าวถึงเป้าหมายในการเลือกตั้งครั้งหน้าหลังได้  พล.อ.วิชญ์, นายอุตตม และนายสนธิรัตน์มาร่วมพรรคว่า ของเก่า 116 ที่นั่ง แต่ตั้งเป้าจะได้ไม่ต่ำกว่า 150 ที่นั่ง  เพราะวันนี้ พปชร.มีผู้อาวุโส และหลายคนกำลังจะเข้ามาร่วมกับเรา ร่วมใจกันพัฒนาประเทศ

ด้านพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) นายไตรรงค์  สุวรรณคีรี ประธานที่ปรึกษาพรรค ได้เปิดตัวแทนพรรคที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งครั้งต่อไป ได้แก่ นางบุญญาพร นาตะธนภัทร อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมแผ่นดิน, นางกุสุมาลวตี ศิริโกมุท อดีต ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย  (พท.) และนายพิพิธ รัตนรักษ์ นายกเทศมนตรี อ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี ก่อนระบุว่า กำลังจะมีนักเคลื่อนไหวทางสังคมสำคัญอีกหลายคนเข้ามาเป็นสมาชิกพรรค เช่น  ประธานมูลนิธิการต่อต้านการกดขี่ทางเพศ และจะทยอยเปิดตัว

นายไตรรงค์ยังกล่าวว่า ได้พูดคุยกับ พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรคแล้วว่า นโยบายอันดับหนึ่งของเราคือ การปราบปรามการทุจริต คอร์รัปชัน และความไม่ถูกต้องทั้งปวง ที่ต้องสังคายนาเรื่องกฎหมายและระเบียบการบริหารราชการแผ่นดิน

มีรายงานแจ้งว่า จากกรณีนายอุตตมและนายสนธิรัตน์ย้ายไปพรรค พปชร. ส่งผลให้กลุ่มการเมืองและว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ที่เคยร่วมงานกับพรรค สอท.กำลังพิจารณาหาสังกัดใหม่ เพราะมองว่ากระแสความนิยมของพรรค พปชร.ไม่ดีนัก ตรงข้ามกับพรรค รทสช.ที่กระแสนิยมดีขึ้นตามลำดับ โดยเฉพาะหลังจากการเปิดตัว พล.อ.ประยุทธ์ และกระแสตอบรับหลังการปราศรัยใหญ่ที่ จ.ชุมพร โดยเฉพาะนายกูเซ็ง ยาวอหะซัน นายก อบจ.นราธิวาส ที่มีแนวโน้มจะมาร่วมงานกับพรรค หลังมาร่วมสังเกตการณ์เวทีปราศรัยใหญ่ของพรรคที่ จ.ชุมพร รวมถึงนายธวัชชัย แก้วคงคา ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.นครปฐม พรรค สอท. และนายณัฐนันท์ กัลยาศิริ หรือทนายบอน ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. พรรค สอท. ส่วนนายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.การพัฒนาสังคมฯ,  นางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ ส.ส.ตาก ปชป.นั้น ยังอยู่ระหว่างการพูดคุยเช่นกัน คาดว่าจะมีความชัดเจนในเร็วๆ นี้

นายโกวิทย์ พวงงาม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคพลังท้องถิ่นไท กล่าวถึงจุดยืนพรรคหลังนายชัชวาลล์  คงอุดม อดีตหัวหน้าพรรคย้ายไป รทสช.ว่า พรรคมีมติจะยังทำงานอยู่ที่พรรค ไม่ไปรวมกับ รทสช.ตามนายชัชวาลล์  ส่วน ส.ส.ของพรรคที่มี 5 คน เราให้อิสระในการตัดสินใจว่าจะไปหรือไม่ไป

เสี่ยหนูย้ำพร้อมเป็นนายกฯ

ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวถึงกรณีนายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ กลับมาร่วมงานกับพรรค ว่า นายบุญจงจะลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.นครราชสีมา  แทนนายอภิชา เลิศพชรกมล ที่ลาออกไป โดยนายบุญจงถือเป็นผู้ที่ร่วมก่อตั้งพรรคมาตั้งแต่เมื่อกว่า 10 ปีที่แล้ว

เมื่อถามถึงกระแสพรรคจะสู้กับแคนดิเดตนายกฯ 2  ป.ได้หรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า สู้กับตัวเอง พรรคทำให้ชาวบ้านเชื่อมั่นว่าทำงานให้ประชาชนเต็มที่ ถึงพริกถึงขิง  จะนําปัญหาไปสู่การแก้ไขและปฏิบัติ วันนี้คิดแข่งกับตัวเอง ถ้าใครเลือกพรรค ภท.และผู้สมัครพรรคเข้ามามาก หัวหน้าพรรคก็ต้องพร้อมเป็นนายกฯ ทุกอย่างเป็นไปตามกติกา ไม่มีอะไรต้องคิดมาก และขอให้กำลังใจทุกพรรคทุกฝ่าย ต่างคนต่างทําหน้าที่ของตัวเอง

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรค ปชป. กล่าวถึงความพร้อมเลือกตั้งพื้นที่ภาคใต้หลังเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ภูเก็ต 3  เขตว่า ปชป.พร้อมเลือกตั้งในพื้นที่ภาคใต้ทั้งหมด 14  จังหวัดแล้ว ทั้งผู้สมัครแบบเขตและแบบบัญชีรายชื่อ รวมไปถึงนโยบาย โดยจะเปิดตัวผู้สมัคร ส.ส.ภาคใต้ทั้งหมด ในวันที่ 11-12 ก.พ.นี้ ที่ จ.นครศรีธรรมราช

“การเลือกตั้ง 2562 ประชาชนถูกบังคับให้เลือกข้างไปโดยปริยาย เอาทักษิณกับไม่เอาทักษิณ เอา พล.อ.ประยุทธ์กับไม่เอา พล.อ.ประยุทธ์ แต่ขณะนี้การเมืองไทย กลับเข้าสู่ระบอบรัฐสภาที่ควรเป็นแล้ว หลังการเลือกตั้งพรรคใดสามารถรวบรวมเสียงข้างมากในสภาได้ก็จะสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ แต่จะมีความแตกต่างระหว่างพรรคการเมืองเก่าที่เป็นสถาบันทางการเมือง และพรรคการเมืองใหม่ที่ตั้งขึ้นมาเฉพาะกิจ ซึ่งจุดแข็งของ ปชป.คือ ความเป็นสถาบันทางการเมืองที่ยั่งยืน พร้อมรับผิดชอบต่ออนาคต แต่บางพรรคก็กำลังพัฒนาสู่ความเป็นสถาบัน และยังมีบางพรรคที่ตั้งขึ้นมาเพื่อสนับสนุนตัวบุคคลเหมือนในอดีต สุดท้ายก็ไม่สามารถไปต่อได้ ซึ่งมันก็เป็นตรรกะทั่วไปที่คิดว่าประชาชนสามารถที่จะทราบได้” นายจุรินทร์กล่าว

โฆษก พท.ถล่มบิ๊กตู่

 ส่วน น.ส.ตรีชฎา ศรีธาดา รองโฆษกพรรคเพื่อไทย  (พท.) กล่าววิจารณ์การปราศรัยครั้งแรกของ พล.อ.ประยุทธ์ว่า ไม่ได้ต่างไปจากการปราศรัยที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์เมื่อวันที่ 9 ม.ค. ที่พูดไปแล้วสร้างปัญหา  ขาดตรรกะและเหตุผล เช่น พูดว่าทำไปหลายอย่างมากกว่ารัฐบาลที่ผ่านมาหลายพรรคหลายปีและหลายเท่าด้วยซ้ำ ซึ่งหลายรัฐบาลที่ พล.อ.ประยุทธ์อ้างถึงรวมถึง พรรค ปชป. พรรคร่วมรัฐบาลที่เคยยกมือโหวต พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ พรรค พปชร.ที่อาศัยใต้ร่มในการเป็นแคนดิเดตนายกฯ หรือหลงลืมอดีต เข้าตำราขว้างงูไม่พ้นคอ เพราะเมื่อพูดออกไปจะโดนสวนกลับให้ได้รับความเดือดร้อนและเสียหาย

 “การประกาศจะพลิกโฉมประเทศไทยให้ดีขึ้นให้ได้โดยเร็วภายใน 2 ปีของ พล.อ.ประยุทธ์ คงเป็นไปไม่ได้  ขนาดมีอำนาจเด็ดขาดหลังรัฐประหาร เป็นทั้งหัวหน้า  คสช.และนายกฯ เกือบ 5 ปี ไม่มีฝ่ายค้าน ยังแก้ปัญหาไม่ได้ แทนที่จะพลิกฟื้นประเทศ มันอาจกลายเป็นการพลิกคว่ำประเทศแทนหรือไม่” น.ส.ตรีชฎากล่าว

ด้านพรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) ได้ติดป้ายข้อความอยู่บริเวณแยกเกียกกาย และถนนทหาร ใกล้กับรัฐสภา มีเนื้อหากล่าวถึงนักการเมืองและข้าราชการที่โกงกินบ้านเมือง เช่นเดียวกับเฟซบุ๊กของพรรคที่โพสต์ภาพที่มีข้อความในลักษณะเดียวกันกับป้าย และข้อความในแคปชันว่า "ไทยสร้างไทยเอาจริง! เปิดสำนักงานปราบโกง พร้อมสวมเสื้อผู้อำนวยการฯ ให้สมาชิกพรรคคนใหม่ จะเป็นใคร? 31 ม.ค.นี้เจอกัน"  ซึ่งคาดว่าจะเป็นการเปิดตัว  น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ อดีต ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย ที่ลาออกและเตรียมเข้ามาอยู่กับพรรค

ที่พรรคไทยภักดี มีการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคทั่วประเทศ ภายใต้ยุทธศาสตร์ "เมล็ดพันธุ์การเมืองใหม่พรรคไทยภักดี" ที่โรงแรมริชมอนด์ จังหวัดนนทบุรี นำโดยนายแพทย์วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรค นายถาวร  เสนเนียม ประธานพรรค และ พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช  เลขาธิการพรรค และกรรมการบริหารพรรค ร่วมเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.จำนวน 86 คน และเปิดนโยบายหาเสียงของพรรค

 วันเดียวกัน เวลา 17.30 น. ที่โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ บางกอกแอนด์คอนเวนชัน เซ็นทรัลเวิลด์ พรรคพลังประชารัฐจัดกิจกรรมระดมทุน ภายใต้ชื่องาน “พลังประชารัฐ ใจบันดาลแรง” นำโดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรค รวมถึงผู้บริหาร แกนนำ  ส.ส. ว่าที่ผู้สมัครของพรรค สมาชิกพรรค รวมถึงบุคคลทั่วไป ที่น่าสนใจคือ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม มาร่วมงานด้วย

โดยงานครั้งนี้มีบุคคลทั่วไป ภาคเอกชน และผู้สนใจ ซื้อโต๊ะร่วมงาน 170 โต๊ะ ราคาโต๊ะละ 3 ล้านบาท รวม 510  ล้านบาท ทั้งนี้บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก โดยพรรคจะยังไม่เปิดเผยรายชื่อผู้ซื้อโต๊ะ แต่จะรอให้ กกต.เปิดเผยภายใน 30 วัน

ด้านนายษิทรากล่าวว่า ตนมาร่วมงานพร้อมกับนายสมศักดิ์ ตามคำชักชวน ไม่ได้ซื้อโต๊ะ และไม่ได้สมัครเป็นสมาชิกพรรค พปชร. ยืนยันว่ายังเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย

ต่อมา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ กล่าวเปิดงานระดมทุน "พลังประชารัฐ ใจบันดาลแรง" ก้าวข้ามความขัดแย้ง  ขจัดปัญหา พัฒนาทุกพื้นที่ โดยปาฐกถาพิเศษตอนหนึ่งว่า  สถานการณ์การเมืองในปัจจุบัน สังคมไทยยังมีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน อาจนำไปสู่ปัญหาความขัดแย้งได้ พรรคพลังประชารัฐมุ่งยืนหยัดทำการเมืองสร้างสรรค์ โดยมีเป้าหมายมุ่งสู่ความเป็นประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และรักษาผลประโยชน์ของชาติ มุ่งให้ประชาชนคนไทยอยู่ดีกินดีอย่างมีความสุข ภายใต้ 3 พันธกิจหลักของพรรคที่ประกอบด้วย สวัสดิการประชารัฐ ขจัดความเหลื่อมล้ำ, เศรษฐกิจประชารัฐ สร้างความสามารถและโอกาสที่เท่าเทียม และสังคมประชารัฐ เพื่อความสงบสุข เข้มแข็ง แบ่งปัน

"ขอยืนยันกับทุกท่าน ณ ที่นี้ พรรคพลังประชารัฐพร้อมสานสัมพันธ์กับทุกฝ่าย เพื่อก้าวข้ามความขัดแย้ง สร้างพลังแห่งความสามัคคี เปิดโอกาสให้ทุกฝ่าย หาทางออกร่วมกันเพื่อนำพาประเทศไทยก้าวข้ามความขัดแย้ง ขจัดปัญหาพร้อมพัฒนาพื้นที่ พวกเราพลังประชารัฐพร้อมรับใช้ประชาชน" พล.อ.ประวิตรกล่าว

หลังจากนั้น พล.อ.ประวิตรได้ให้สัมภาษณ์พิเศษในงานระดมทุน ถึงกรณีที่เคยระบุว่าใช้ใจบันดาลแรงว่า เนื่องจากสังขารตนมันร่วงโรยมามาก ต้องอาศัยจิตใจ ต้องเอาใจบันดาลแรง เพื่อให้มีกำลังใจ มีแรงทำงานต่อไป ทำให้ใจมาก่อน แล้วแรงมาทีหลัง ซึ่งตอนพูดไปก็รู้สึกใจฟู 

 เมื่อถามถึงความสัมพันธ์กับ 3 ป. พล.อ.ประวิตร ตอบว่า อยู่ด้วยกัน 3 คนมาอย่างยาวนานตั้งแต่ตนเป็น ผบ.ร้อย ร่วมแรงร่วมใจกันทำงานเพื่อประเทศชาติและกองทัพมาโดยตลอด เติบโตกันมา มีความสนิทสนมเป็นกันเองอย่างพี่อย่างน้อง ไม่มีอะไรที่แยกจากกันได้จากความเป็นพี่เป็นน้อง นักการเมืองจะไปคนละทาง แต่ก็แยกเฉพาะการเมือง เพราะการเมืองอาจเห็นไม่เหมือนกันได้ 

 เมื่อถามว่า วันนี้ถือว่าพร้อมเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่  30 แล้วใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า "ถ้าถามว่าผมพร้อมไหม ผมก็ต้องพร้อม แต่จะได้หรือไม่ได้อยู่ที่ประชาชน ถ้าประชาชนเลือกผมก็พร้อมและยินดีที่จะทำ  แต่ถ้าไม่เลือกผมก็กลับบ้าน".

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

พปชร. ยื่นร่างพรบ.ลำไย เข้าสภาฯ หวังช่วยแก้ปัญหา ลดภาระเกษตรกร

พรรคพลังประชารัฐ นำโดยนายอรรถกร ศิริลัทธยากร สส.ฉะเชิงเทรา และโฆษกพรรคพลังประชารัฐ นายนเรศ ธำรงค์ทิพยคุณ สส.เชียงใหม่ , นายอามินทร์ มะยูโซ๊ะ ส.ส.นราธิวาส และนายอัครแสนคีรี โล่ห์วีระ สส.ชัยภูมิ เสนอร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.) ลำไย พ.ศ. …