พาเหรดขายฝันนโยบาย

"ซูเปอร์โพล" ชี้ประชาชน 57% มีความหวัง ถ้า "บิ๊กตู่" ได้ไปต่อ "แรมโบ้" ปลื้มขอบคุณหนุนนายกฯ ยันสานต่อโครงการดีๆ ไม่ทำให้ผิดหวังแน่  ปชป.เปิดนโยบายธนาคารชุมชน 2 ล้านบาททั่วกรุง ต่อยอดนมโรงเรียน-อาหารกลางวันคุณภาพ ชพก.ชูเศรษฐกิจสีรุ้ง  เพิ่มส่วนแบ่งตลาด 1 ล้านล้านบาท เดินหน้า “พันธบัตรป่าไม้” “พิธา” โปรยยาหอมชาวลำพูน-พะเยา นิรโทษกรรมคดีที่ดินป่าไม้ ปฏิรูปที่ดินเปลี่ยน ส.ป.ก.เป็นโฉนด

เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ นายนพดล  กรรณิกา หัวหน้าโครงการวิจัย สำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) เปิดเผยผลสำรวจเรื่อง "ความสำเร็จของลุงตู่ ช่วงวิกฤตชาติ" กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ ดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณและการวิจัยเชิงคุณภาพ จำนวน 1,023 ตัวอย่างระหว่างวันที่ 1-4 ก.พ.2566 พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 82.4 ระบุโครงการคนละครึ่ง มาเป็นอันดับแรกที่เป็นภาพจำของประชาชน รองลงมา ร้อยละ 80.5 บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ, ร้อยละ 78.0 เปิดประเทศ ฟื้นฟูเศรษฐกิจ ท่องเที่ยว, ร้อยละ 74.8 ฟื้นความสัมพันธ์ไทย-ซาอุฯ กระตุ้นเศรษฐกิจ การจ้างงานคนไทย

ร้อยละ 65.4 พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ดี เช่น เส้นทางคมนาคม การใช้พลังงานสะอาด พลังงานลม พลังงานแสงอาทิตย์ เป็นต้น, ร้อยละ 63.3 การช่วยผู้ประกอบการรายย่อย ขนาดย่อม และขนาดกลาง, ร้อยละ 62.9 นำพาประเทศไทยพ้นวิกฤตขัดแย้งการเมือง สูญเสียน้อยกว่าหลายประเทศ, ร้อยละ 62.3 ลดความเดือดร้อนของประชาชน เช่น ลดค่าไฟฟ้า ค่าน้ำ และอื่นๆ, ร้อยละ 60.4 ช่วยเหลือเด็กยากจนพิเศษ ความเสมอภาค โอกาสการศึกษา ลดความเหลื่อมล้ำ และร้อยละ 58.9 แก้ปัญหาทุจริต คอร์รัปชันจริงจัง ปราบปรามจับกุม ซื้อขายตำแหน่ง เงินใต้โต๊ะ ตามลำดับ

นายนพดลกล่าวว่า ที่น่าพิจารณาคือ เมื่อถามถึงความต้องการของประชาชน หาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีได้ไปต่อ พบว่าสูงสุดหรือร้อยละ 53.0 ต้องการให้แก้ปัญหาเศรษฐกิจ อยู่ดี กินดี รองลงมา ร้อยละ 52.9 ต้องการค่าไฟฟ้า ค่าน้ำ ถูกลง, ร้อยละ 52.8 ต้องการค่าน้ำมัน พลังงานเชื้อเพลิงถูกลง, ร้อยละ 52.5 ต้องการความปลอดภัยทางไซเบอร์ คอลเซ็นเตอร์ และโลกออนไลน์, ร้อยละ 52.1 ต้องการความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน,  ร้อยละ 50.2 ต้องการให้แก้ปัญหายาเสพติด, ร้อยละ 50.1 ต้องการความทันสมัย การสื่อสาร ยุคดิจิทัล, ร้อยละ 48.7 ต้องการให้แก้ปัญหาบริการสาธารณสุข,  ร้อยละ 48.5 ต้องการให้แก้ปัญหาทุจริต คอร์รัปชัน, ร้อยละ 46.9 ต้องการให้ลดความเหลื่อมล้ำทางการเงิน เพิ่มแหล่งทุนให้ผู้ประกอบการรายย่อย รายย่อม, ร้อยละ 46.8 ต้องการการศึกษาของบุตรหลานที่ดี มีอนาคตดี, ร้อยละ 45.0 ต้องการบัตรลดราคา สินค้าจำเป็นให้หญิงตั้งครรภ์ ผู้สูงอายุ และร้อยละ 43.8 ลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม ตามลำดับ ที่น่าสนใจคือ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 57.8 มีความหวัง ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ไปต่อ ในขณะที่ร้อยละ 42.2 เกิดความกลัว

"ผลโพลชิ้นนี้ชี้ให้เห็นว่าในช่วงหาเสียงเลือกตั้งใหม่ 'โปรโมชั่น บิ๊กตู่' อาจจะขายได้ดีถ้ามาเป็นชุดตามผลสำรวจครั้งนี้ ที่จะตรงเป้าความต้องการของประชาชน ได้แก่ แก้ปัญหาเศรษฐกิจ อยู่ดีกินดี ที่ต้องการมืออาชีพมาเป็นจุดขาย เพราะที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์มีจุดอ่อน หรือ Pain point เรื่องขาดมือเศรษฐกิจที่ดีคู่กาย จึงต้องหามาเสริมเร่งด่วนในช่วงเริ่มต้นของการหาเสียงนี้ ตามด้วยแพ็กเกจโปรโมชั่นบิ๊กตู่อื่นๆ อาทิ ค่าไฟฟ้า ค่าน้ำถูกลง ค่าน้ำมัน พลังงานเชื้อเพลิงถูกลง ถ้าทำได้เด่น ดี ปังๆ ก็จะเกิดปรากฏการณ์ ผู้มีสิทธิเลือกตั้งจะว้าว แวะ เวียน และไหว้วาน ให้ผู้คนหันมาเลือก พล.อ.ประยุทธ์ได้เดินต่อในฐานะนายกฯ ของประเทศไทย หลังการเลือกตั้งใหม่ครั้งนี้" นายนพดล ระบุ

ขอบคุณหนุนบิ๊กตู่ไปต่อ

ด้านนายเสกสกล อัตถาวงศ์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงซูเปอร์โพลว่า เห็นด้วยกับประชาชน มั่นใจว่าโครงการต่างๆ ที่รัฐบาลได้ทำมานั้น นายกฯ จะไม่ยกเลิก และจะนำโครงการต่างๆ ที่มีอยู่มาต่อยอดให้ดีขึ้นไปอีก เพราะเป็นโครงการที่ดี ที่สามารถช่วยเหลือประชาชนได้จริง ดังนั้นขอให้ประชาชนเชื่อมั่นในตัวนายกฯ ในการทำงานแก้ไขปัญหาต่างๆ ว่าจะนำแต่สิ่งดีๆ มาให้ ขอขอบคุณประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศที่ยังให้การสนับสนุนนายกฯ ให้ได้ไปต่อ ซึ่งหาก พล.อ.ประยุทธ์ได้เป็นนายกฯ อีก ยืนยันว่าประชาชนจะไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน

ที่ศาลาประชาคมเทศบาลเมืองทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และอดีต รมช.แรงงาน ได้เดินทางลงพื้นที่พบปะประชาชนและผู้นำชุมชน พร้อมกล่าวว่า พปชร.ได้เปิดนโยบายแรกที่จะทำให้ประชาชน การเพิ่มเงินในบัตรประชารัฐเป็นจำนวน 700 บาทต่อเดือน และภายในเดือนนี้ จะมีนโยบายอื่นของพรรคแถลงตามมาอีก เช่น นโยบายในเรื่องของน้ำ นอกจากนี้ยังมีอีกหลายเรื่อง เช่น เรื่องของที่ดิน ที่จะเข้ามาแก้ปัญหาในที่ดินทำกินในพื้นที่ทั่วประเทศ ไม่ว่าจะเป็นที่ ส.ป.ก.ที่ทับซ้อน แก้กฎหมายให้ได้รับเอกสารสิทธิได้ถูกต้อง ในส่วนของผู้สูงอายุ ไม่ว่าจะเป็นสวัสดิการต่างๆ หรือ เบี้ยผู้สูงอายุ พรรคจะมีนโยบายออกมาเพื่อดูแล รวมถึงเรื่องราคาพืชผลทางการเกษตรของเกษตรกร

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ร่วมกับนายองอาจ คล้ามไพบูลย์, นายสามารถ ราชพลสิทธิ์ รองหัวหน้าพรรค, นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ประธานคณะทำงานนโยบาย กทม., น.ส.วทันยา บุนนาค ประธานคณะทำงานนวัตกรรมการเมือง, นางดรุณวรรณ ชาญพิพัฒนชัย รองโฆษกพรรค และสมาชิกพรรค ร่วมกันเปิดศูนย์อำนวยการเลือกตั้งและศูนย์ประสานงานของพรรคที่เขตหลักสี่

นายจุรินทร์กล่าวว่า กรุงเทพฯ มีทั้งหมดกว่า 2,000 ชุมชน ถ้าพรรคได้เป็นแกนตั้งรัฐบาล จะจัดตั้งธนาคารชุมชน กรุงเทพฯ ขึ้นทุกชุมชน  ชุมชนละ 2 ล้านบาท เพื่อเป็นแหล่งทุนนำไปพัฒนาเศรษฐกิจ ชีวิตความเป็นอยู่ให้กับครอบครัวต่อไป สำหรับนมโรงเรียน ซึ่งได้เริ่มต้นนโยบายตั้งแต่สมัยนายชวน หลีกภัย เป็นนายกฯ เราให้กินนมโรงเรียนฟรี แต่มาถึงวันนี้ทำได้จำกัดแค่ 280 วัน หากพรรคเป็นแกนตั้งรัฐบาล เราจะฟรีนมโรงเรียนทั้ง 365 วัน และอีกไม่นานเราจะประกาศนโยบาย สร้างเงิน สร้างคน สร้างชาติ เวอร์ชันกรุงเทพฯ โดยเฉพาะขึ้นมาอีกด้วย

นายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และผู้อำนวยการเตรียมการเลือกตั้งพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากเรื่องดื่มนมโรงเรียนแล้ว นโยบายสร้างคนอีกเรื่อง คือ นโยบายในเรื่องลูกหลานได้กินอาหารกลางวันอย่างมีคุณภาพที่โรงเรียน เรื่องเงิน กยศ. และให้ลูกหลานของเราได้เรียนจนจบปริญญาตรี รวมถึงนโยบายเรื่องอินเทอร์เน็ต ซึ่งจะประกาศต่อไป นอกจากนี้ มีนโยบายเรื่องประมง ซึ่งเป็นปัญหาที่พรรคจะเข้ามาฟื้นฟูและแก้ไข

ที่ อ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า พร้อมด้วยทีมงาน เดินทางไปยังเข้าพบนายศศิน เฉลิมลาภ ประธานมูลนิธิสืบนาคะเสถียร และนายอดิศร์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ที่ปรึกษานโยบายทรัพยากรธรรมชาติและการลดก๊าซเรือนกระจก TDRI และอนุกรรมการพันธบัตรป่าไม้ เพื่อหารือถึงแนวคิดการใช้ “พันธบัตรป่าไม้” แก้ปัญหาการลดลงของพื้นที่ป่าอันเกิดจากการบุกรุก

หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้ากล่าวว่า เป้าหมายของการออกพันธบัตรป่าไม้คือ เพื่อเพิ่มพื้นที่ป่าในประเทศให้ได้ 40% ของพื้นที่โดยรวม ต้องปลูกป่าเพิ่ม 26 ล้านไร่ นอกจากนี้ สิ่งที่ต้องนำมาคำนวณเพื่อเป็นรายได้ให้กับเกษตรกรด้วยคือ “คาร์บอนเครดิต” ซึ่งในอนาคตจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้น ถ้ามีการปลูกป่าเพิ่มเติม ดังนั้นการทำการเกษตรด้านการปลูกป่าเศรษฐกิจ จึงเป็นกลไกการตลาดที่สามารถขับเคลื่อนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในแนวทางที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม ประเทศชาติ และเกษตรกร

ชพก.ชูเศรษฐกิจสีรุ้ง

นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวว่า พรรคมีแนวทาง 7 เรื่อง ดำเนินการตามนโยบายท่องเที่ยว อาทิ เร่งหาสินค้าด้านการท่องเที่ยวเพิ่มเติมจากที่เรามีอยู่ ส่งเสริมให้เมืองไทยเป็นสตรีทฟู้ดของโลก ให้มาทานอาหารอร่อยๆ ที่เมืองไทย จัดกิจกรรมระดับโลกบนพื้นฐานของความเข้มแข็งของซอฟต์เพาเวอร์

นายเทมส์ ไกรทัศน์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขต 3 จ.ภูเก็ต พรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวว่า ตลาดนักท่องเที่ยวที่เป็นกลุ่มผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ หรือ LGBTQ+ ถือเป็นตลาดที่มีกำลังซื้อสูง เมื่อเปรียบเทียบกับคนในวัยเดียวกัน และมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง พรรคจึงเสนอยุทธศาสตร์ Rainbow Economy (เรนโบว์อีโคโนมี) หรือเศรษฐกิจสีรุ้ง ที่ส่งเสริมและเปิดกว้างสำหรับการสร้างเศรษฐกิจรองรับ LGBTQ+ ทั้งไทยและต่างชาติ เพื่อเพิ่มส่วนแบ่งตลาดจากกลุ่มนักท่องเที่ยว LGBTQ ทั่วโลก 1 ล้านล้านบาท การดึงคนเหล่านี้ให้เดินทางท่องเที่ยวในประเทศ สร้างกิจกรรมที่ดึงดูดความสนใจและเทศกาลอย่างที่ทั่วโลกนิยมกัน

วันเดียวกัน นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ลงพื้นที่วัดแม่ตืน อ.ลี้ จ.ลำพูน และที่บ้านห้วยงิ้ว อ.จุน จ.พะเยา เปิดเวทีนำเสนอนโยบายพรรคและรับฟังความคิดเห็นประชาชนว่า ที่ผ่านมาเรามีปัญหา “3 ท.” คือ ทัศนคติ เทคโนโลยี และทุน การแก้ปัญหาทั้ง 3 ท.นี้ จะเกิดขึ้นได้ภายใต้รัฐบาลก้าวไกล เพราะเรามีทัศนคติที่ต่างออกไปว่าให้ประชาชนอยู่ร่วมกับป่า ทำกินกับป่า และรักษาป่าไปพร้อมกันได้ ให้ท้องถิ่นมีบทบาทในการสนับสนุนการกระจายที่ดิน เช่น ข้อบัญญัติท้องถิ่นแบบในต่างประเทศ ที่อนุญาตให้ประชาชนตัดไม้ได้ แต่ต้องปลูกทดแทน เช่น ตัด 1 ต้น ต้องปลูก 3 ต้นมาทดแทน เป็นต้น หากตนได้เป็นนายกฯ เมื่อไหร่ จะบูรณาการนำเทคโนโลยี One Map ที่มีอยู่แล้วมาใช้ทันที สุดท้ายเรื่องทุน รัฐบาลก้าวไกลจะเพิ่มงบประมาณในการพิสูจน์สิทธิจาก 300 ล้านบาท เป็น 10,000 ล้านบาท ให้เกิดการพิสูจน์ได้ทันทีทั่วประเทศ

ทั้งนี้ หากพรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาล จะปฏิรูปที่ดินครั้งใหญ่ ได้แก่ 1.การพิสูจน์สิทธิ์ในที่ดิน และเพิกถอนสภาพที่ดินของรัฐที่ประกาศทับพื้นที่ชุมชนที่อยู่มาก่อน โดยจะจัดตั้งกองทุนในการพิสูจน์สิทธิในที่ดิน 1 หมื่นล้านบาท เพื่อให้พิสูจน์สิทธิในที่ดินที่มีข้อพิพาททั้งหมดประมาณ 13 ล้านไร่ ภายในเวลา 5 ปี และแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องและปรับปรุงปัญหาทับซ้อนของแผนที่ให้แล้วเสร็จ 2.มองสิทธิในที่ดินตามความเป็นจริง 3 ประเภท คือ สิทธิของเอกชน สิทธิของชุมชน และสิทธิของรัฐ และปรับโครงสร้างอำนาจการบริหารจัดการให้สอดคล้องกับรูปแบบสิทธิ ผลักดันกฎหมายธนาคารที่ดินเพื่อเป็นกลไกการกระจายการถือครองที่ดิน 3.ให้กรรมสิทธิ์ประชาชน เริ่มจากเปลี่ยนที่ดิน ส.ป.ก. เป็นโฉนดเอกสารสิทธิให้กับเกษตรกรตัวจริง 4.ลดความเหลื่อมล้ำ ด้วยการปรับปรุงกฎหมายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง และผลักดันกฎหมายภาษีที่ดินอัตราก้าวหน้าแบบรวมแปลง 5.คืนความยุติธรรม ด้วยการนิรโทษกรรมคดีที่เกี่ยวกับป่าไม้และที่ดินที่มีการดำเนินคดีทั้งหมด

นพ.ระวี มาศฉมาดล หัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ แถลงว่า พรรคพลังธรรมใหม่จะมีนโยบายหลักสำคัญอยู่ 6 ข้อ และมีนโยบายรองอีก 3 ข้อ รวมทั้งหมด 9 ข้อ โดยนโยบายเรื่องแรก ศาสนาพุทธจะเป็นศาสนาประจำชาติ และประเทศไทยจะเป็นศูนย์กลางของพุทธศาสนาโลก นำหลักการที่สำคัญของพระพุทธศาสนามาแก้การที่ประเทศไม่มีศีลธรรม ทั้งระบบเศรษฐกิจและสังคม 2.นโยบายหมอประจำตัวทั่วไทย จะทำให้คนไทยทุกคนทั่วประเทศมีหมอประจำตัวภายใน 4 ปี 3.นโยบายกัญชา สนับสนุนกัญชาเพื่อทางการแพทย์ เพื่อเศรษฐกิจและสังคม นอกจากนี้จะมีนโยบายทวงน้ำมันคืนมาให้เป็นของคนไทย โดยจะใช้ตั้งบรรษัทพลังงานแห่งชาติ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง