อนาถ!องค์ประชุมล่มทิ้งทวน

“3 วันหนี 4 วันล่ม” ส่งท้าย องค์ประชุมรัฐสภานัดส่งท้ายไปไม่ถึงฝั่ง  ล่มครั้งที่ 6 ในปี 2566 กฎหมายการศึกษาแห่งชาติค้างเติ่ง สุดมึน! เด็ก พปชร.ชงถอนร่าง ส.ว.หวังรัฐบาลใหม่เดินหน้าดันต่อ

เมื่อวันศุกร์ที่ 17 ก.พ.2566 มีระเบียบวาระการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งที่ 10 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) เพื่อพิจารณาเรื่องที่คณะกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาเสร็จแล้วต่อจากวันที่ 24 ม.ค. ในร่างพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ..... แต่เมื่อถึงเวลานัด 10.00 น. นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร  ในฐานะประธานรัฐสภา แจ้งว่าสมาชิกมาลงชื่อยังไม่ครบองค์ประชุม จึงไม่สามารถเปิดประชุมได้ และจะกลับมาอีกครั้งเมื่อสมาชิกลงชื่อครบแล้ว จนเวลา 10.38 น. จึงเปิดประชุมได้ โดยมีสมาชิกแสดงตน  377 คน แบ่งเป็น ส.ส. 209 คน และ ส.ว. 168 คน จากนั้นนายชวนแจ้งที่ประชุมทราบว่าจำนวนสมาชิกรัฐสภาที่ปฏิบัติหน้าที่ได้วันนี้มี 666 คน แบ่งเป็น ส.ส. 417 คน และ ส.ว. 249 คน ดังนั้นองค์ประชุมต้องใช้ 333 คน 

ทันทีที่เข้าสู่วาระ นายชวนได้ขอมติจากที่ประชุมในมาตรา 14 ว่าจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยให้แก้ไขมาตราดังกล่าว แต่ปรากฏว่าเกิดความขลุกขลักเล็กน้อย เมื่อให้สมาชิกรัฐสภาเสียบบัตรแสดงตนก่อนลงมติ ต้องใช้เวลาพอสมควรเพื่อทำให้องค์ประชุมครบ ทำให้นายชวนกล่าวขึ้นว่า “อย่าให้สภาล่มตั้งแต่เช้าเลยนะครับ” ซึ่งในที่สุดมาตรา 14 ก็ดำเนินผ่านไปได้ โดยที่ประชุมมีมติเสียงส่วนใหญ่ให้แก้ไขตามที่ กมธ.แก้ไข ด้วยมติ 242 ต่อ 84 งดออกเสียง 6 ไม่ออกเสียง 3 เสียง

 จากนั้นที่ประชุมเข้าสู่การพิจารณา มาตรา 15 นายเกษม ศุภรานนท์ ส.ส.นครราชสีมา พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) อภิปรายว่า ร่างกฎหมายมีบุคลากรทางการศึกษาที่ไม่เห็นด้วย เพราะกังวลว่ากระทบค่าตอบแทน จึงขอให้ชะลอไปก่อน รอรัฐบาลใหม่เพื่อหารือทุกฝ่ายให้รอบคอบ หากเร่งรีบแล้วอาจเกิดปัญหา

นายชวนจึงกล่าวว่า ขอให้นายเกษม หารือกับฝ่ายรัฐบาลว่าจะเอาอย่างไร เพราะเป็นร่างกฎหมายของรัฐบาล ที่ผ่านมาทำหนังสือไปยังรัฐบาลแจ้งว่าหากอยากให้ร่างกฎหมายผ่านต้องนำองค์ประชุมมาด้วย เพราะสภาพยายามทำงานฝ่ายนิติบัญญัติให้สมบูรณ์ แต่รัฐบาลกลับมีความเห็นที่แตกต่าง ไม่ทราบว่าจะดำเนินการอย่างไร ที่ผ่านมาต้องอดทนกับการรอองค์ประชุม เพียงมาตราเดียวต้องใช้เวลารอ ทั้งนี้เวลาเป็นของมีค่า ไม่ใช่เฉพาะของตนเอง แต่คือสมาชิกรัฐสภาทั้งหมด ดังนั้นหากไม่พร้อมจะกินเวลาไปมาก แต่หากพร้อมจะพิจารณาจนถึง  03.00 น. ก็เต็มใจทำหน้าที่

นายตวง อันทะไชย ส.ว. ในฐานะประธาน กมธ. ยืนยันจะพิจารณาต่อไป แต่ ส.ส.ฝ่ายค้านยืนยันที่จะให้ถอนร่างกฎหมายดังกล่าวออกไปทบทวนเนื้อหา ทำให้การลงมติแต่ละมาตราเป็นไปด้วยความทุลักทุเล เพราะสมาชิกเสียบบัตรแสดงตนเป็นองค์ประชุมบางตา จนเวลา 13.37 น. ประธานที่ประชุมกดออดให้สมาชิกแสดงตนก่อนลงมติ มาตรา 16 ปรากฏว่าเวลาผ่านไปเกือบหนึ่งชั่วโมงสมาชิกก็ยังไม่ครบองค์ประชุม โดยมีเพียง 320 คนเท่านั้น นายชวนจึงสั่งปิดการประชุมในเวลา 14.26 น. ซึ่งถือว่าการประชุมรัฐสภาล่มเป็นครั้งที่ 6 นับแต่ต้นปี 2566

ทั้งนี้ ก่อนปิดประชุม นายชวนกล่าวว่า 4 ปีที่ผ่านมา ขอบคุณทุกคนที่มาร่วมกันประชุมพิจารณาเรื่องต่างๆ ได้ผ่านการแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญ 1 ฉบับ พิจารณาร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ 2 ฉบับ ร่าง พ.ร.บ.เกี่ยวกับการปฏิรูป 13 ฉบับ หนังสือสัญญา 17 ฉบับ อยากเรียนว่า 4 ปี ได้รับความร่วมมือด้วยดี แม้ในช่วงปลายมีปัญหาบ้างก็ตาม ถ้าไม่ได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่าย 4 ปีเราจะไม่สามารถทำงานได้ถึงขนาดนี้ เพราะการเปิดสมัยวิสามัญไม่อยู่ในฐานะที่รัฐสภาทำเองได้ ต้องขึ้นอยู่กับรัฐบาล แม้วันนี้คาดว่าจะเป็นวันสุดท้ายของการประชุมร่วมกันของรัฐสภาก็ตาม ขอให้ทุกคนที่มาจากการเลือกตั้งประสบความสำเร็จทางการเมือง ส่วน ส.ว. เชื่อว่าส่วนใหญ่เป็นผู้มีความรู้ที่น่าเคารพนับถือ จึงห้ามเสมออย่าพาดพิงเหมารวมจนทำให้ทั้งหมดเสียใจ หวังว่า ส.ว.จะได้เป็นกำลังของบ้านเมืองในหน้าที่ของแต่ละฝ่ายต่อไป

นายสมชาย แสวงการ ส.ว. ในฐานะวิปวุฒิสภา กล่าวถึงการประชุมล่มว่า มี ส.ว.ร่วมเป็นองค์ประชุม 188 คน และพร้อมพิจารณาร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ..... เพราะบรรจุตามระเบียบวาระถูกต้องตามข้อบังคับ ซึ่งรู้สึกเสียดายที่รัฐสภาไม่สามารถผ่านการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติได้ แต่คาดหวังว่ารัฐบาลใหม่หลังการเลือกตั้งจะพิจารณายืนยันร่างกฎหมายดังกล่าวต่อสภา รวมถึงร่างกฎหมายปฏิรูปอื่นๆ เช่น ร่าง พ.ร.บ.ส่งเสริมจริยธรรมและมาตรฐานวิชาชีพสื่อมวลชน.