ยุบสภาก่อน23มี.ค. บิ๊กตู่ลั่นให้เวลาส.ส.ย้ายพรรค/อิ๊งค์สวนหมัดส.ว.ปรามาส

“วิษณุ” ดอดพบนายกฯ ถกภารกิจช่วงท้ายรัฐบาล อะไรทำได้หรือไม่ได้ “บิ๊กตู่” การันตีไม่อยู่ครบเทอม ยุบสภาก่อนแน่ เหตุต้องให้เวลานักเลือกตั้ง “จุรินทร์” เดาคงรอบางพรรคมีความพร้อมก่อน “อนุชา” ลาออก ส.ส. จ่อซบ รทสช. “อิ๊งค์” ย้ำ พท.ไม่มีพรรคพี่พรรคน้อง เย้ย ส.ว. ออกตัวสกัดนั่งนายกฯ เป็นการช่วยหาเสียงทางอ้อม

 เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 17 ก.พ. นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี และนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พลังงาน ได้เดินทางเข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล โดยใช้เวลาหารือประมาณ 30 นาที

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวภายหลังนายวิษณุเข้าพบเพื่อหารือว่าสิ่งใดทำได้หรือไม่ได้หลังยุบสภาว่า ได้ให้ฝ่ายกฎหมายสรุปมาแล้วว่าอะไรทำได้-ไม่ได้อย่างไร และทำงานได้แค่ไหน ต้องระมัดระวัง เขาเตรียมไว้แล้ว โดยจะมีการชี้แจงในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีรายละเอียดอยู่แล้ว จริงๆ แล้วเปิดในโทรศัพท์ในกูเกิลก็ได้เรื่องระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)

ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้คุยถึงเรื่องการยุบสภาหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ปฏิเสธว่า ไม่ต้องคุย เคยคุยกันแล้ว ซึ่งบอกว่าแล้วแต่นายกฯ จะยุบเมื่อไหร่ก็ได้ แล้วแต่นายกฯจะพิจารณา การพิจารณาให้เป็นสิทธิของเราดีกว่า เมื่อถามอีกว่าแนวโน้มจะยุบสภาหรืออยู่ครบวาระ พล.อ.ประยุทธ์ระบุว่า ต้องดูว่าเวลาพอหรือไม่ เพราะต้องให้เขาย้ายพรรคอะไรก็แล้วแต่ เพราะหลายคนต้องการย้ายพรรค ต้องมีเวลาให้เหมาะสม คำว่าครบ-ไม่ครบหมายถึง 23 มี.ค.เลยหรือเปล่า คงไม่ถึงหรอก เพราะต้องให้เวลาเขาด้วย

เมื่อถามว่า วันหยุดจะลงพื้นที่หาเสียงที่ไหนหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ทำงาน คิด พักผ่อนบ้างอะไรบ้าง ส่วนการลงพื้นที่เราได้กำหนดไว้ว่าจะลงอย่างไร เมื่อถามย้ำว่าจะไปหาเสียงเปิดประตูสู่ทุกภาคหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า ประตูสู่ทุกภาค ทุกบ้านเหรอ คงต้องไปทุกภาค

เมื่อถามถึงเรื่องการลงสมัคร ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ ตัดสินใจหรือยัง พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า อย่าเพิ่งคิดเลย ดูก่อน   ถามต่อว่าในส่วนของนโยบายพรรคตอนนี้ถึงขั้นไหนแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า ถึงขั้นพอใช้ได้ นโยบายเราต้องทำอย่างระมัดระวัง การจะทำอะไรก็ตามต้องทำได้จริงใช่หรือไม่ บางทีถ้าลมๆ แล้งๆ ไปแล้วทำไม่ได้ก็เสียหายอีก เราไม่อยากให้มันเป็นอย่างที่เคยผ่านมาทั้งหมด ฉะนั้น ต้องดูว่าเราทำอะไรไปแล้วบ้าง จะทำต่ออีกไหม หรือจะทำใหม่ไหม ในสิ่งที่เราทำดีอยู่แล้วเราก็ทำต่อ อะไรที่มันน้อยอยู่ก็ทำให้มากขึ้น หลักการมีอย่างนี้แล้วให้เกิดความเป็นธรรมทั่วถึง และส่งถึงมือประชาชนโดยรวมโดยตรงทำนองนี้

“ถ้ามองว่าเป็นการให้โน่นให้นี่ เราก็ให้อยู่แล้ว อยู่ว่าเราจะให้มากขึ้นไหม กลุ่มไหนได้มาก ตรงนี้เป็นประเด็นสำคัญการที่จะไปแยกเรื่องใหม่ออกมาเลยใช้เงินมหาศาล แล้วของเก่าที่ได้อยู่แล้วจะเอาเงินที่ไหนมาทำ เขาก็งดหมด เลิกหมดของเก่า ที่เคยได้ก็จะไม่ได้ เพราะเอาไปใส่อันใหม่หมด เราไม่ได้ว่าใคร เดี๋ยวจะหาว่าผมมาพูดการเมืองตรงนี้ แต่พอสื่อถามก็ตอบ” นายกฯ กล่าว

ซักว่า นายอิทธิพล คุณปลื้ม รมว.วัฒนธรรม ยังทำงานอยู่กับนายกฯ ใช่หรือไม่ นายกฯ ตอบว่า ยังไม่ได้พูดกันตรงนี้ นายอิทธิพลก็ไม่ได้พูดอะไร ตอนนี้ยังทำงานอยู่กับเรา เราก็ไม่ได้ไปยุ่งเกี่ยวกันหรอก มันแล้วแต่ความสมัครใจของเขา

ไม่ฉวยโอกาสแต่งตั้งทิ้งทวน

นายกฯ ยังให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการโยกย้ายข้าราชการต้องทำให้เสร็จก่อนยุบสภาเลยใช่หรือไม่ว่า วาระเขาว่าอย่างไร ให้เป็นไปตามวาระ มันมีกติกาอยู่แล้ว ทั้งย้ายตามระเบียบ หรือย้ายด้วยเหตุจำเป็นพิเศษ หลายอย่างทำได้ หลายอย่างเขาบอกไม่ควรทำ แต่ถ้าต้องทำเพราะความจำเป็นเร่งด่วนให้ประสานกับ กกต. โดยให้ กกต.อนุมัติ

ผู้สื่อข่าวถามว่า ช่วงนี้จะมีเซ็นคำสั่งโยกย้ายแต่งตั้งพิเศษหรือไม่ นายกฯ ย้อนถามว่า "ไม่มี สั่งใครอีกล่ะ" เมื่อซักว่ามีข่าวลือว่าจะเซ็นคำสั่งพิเศษทิ้งท้าย นายกฯ กล่าวว่า "ไม่มี จะสั่งอะไรได้นักหนา ไม่มีหรอก"

ด้านนายวิษณุเปิดเผยว่า ได้ขอเข้าพบนายกฯ เพื่อหารือว่าปฏิทินการทำงานหลังจากนี้จะเป็นอย่างไร ส่วนเรื่องวันยุบสภานั้น ตนไม่กล้าถาม เพราะเป็นเรื่องของนายกฯ แต่มีราชการหลายอย่างที่ต้องการให้นายกฯ รับทราบ เพราะหากมีการยุบสภาขึ้นมา มันจะมีอะไรที่ทำได้-ทำไม่ได้ ต่อข้อถามว่า มีอะไรที่จะต้องทำก่อนยุบสภาหรือไม่ นายวิษณุตอบว่า ไม่มี นายกฯ เพียงบอกให้ตนไปเตรียมและอธิบายในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 21 ก.พ. เนื่องจากที่ผ่านมารัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ยังไม่เคยเจอเหตุการณ์ยุบสภามาก่อน การยุบสภาครั้งสุดท้ายเมื่อ 8 ปีผ่านมาแล้ว และรัฐธรรมนูญได้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม นายกฯ จึงต้องการทราบว่าอะไรทำได้หรือทำไม่ได้

นายวิษณุระบุว่า เป็นการอธิบายตามรัฐธรรมนูญมาตรา 169 ที่กำหนดว่ารัฐบาลรักษาการจะทำอะไรได้หรือไม่ได้ ในกรณีที่จะยุบสภาหรืออยู่ครบวาระ โดยนายกฯ สงสัยว่าสามารถตั้งคณะกรรมการต่างๆ ได้หรือไม่ ซึ่งสามารถตั้งได้ เพราะรัฐธรรมนูญมาตรา 169 จะห้ามเฉพาะการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการและพนักงาน แต่ไม่ได้พูดถึงคณะกรรมการ ถือเป็นการซักซ้อมความเข้าใจกัน เรื่องเหล่านี้จะเริ่มนับหนึ่งเมื่อนายกฯ ยุบสภา หรืออยู่ครบวาระ ในกรณีที่อยู่ครบวาระจะเริ่มนับตั้งแต่หลังเวลาเที่ยงคืนของวันที่ 23 มี.ค.เป็นต้นไป

เมื่อถามว่า ตุ๊กตาที่ตั้งไว้จะยุบเร็วหรือช้า รองนายกฯ กล่าวว่า ไม่ได้ตั้งตุ๊กตา เพราะอยู่ที่นายกฯ ไม่ได้สนใจว่าจะยุบเมื่อไหร่ แต่รู้ว่ามีผลกระทบ เพราะถึงอย่างไรอีกเดือนเศษต้องยุบสภาอยู่แล้ว  จะต้องเตรียมการไว้ เมื่อถามอีกว่า กระบวนยุบสภาจะใช้เวลาเท่าไหร่ รองนายกฯ อธิบายว่า ในชั้นรัฐบาลวันเดียวเสร็จ ส่วนการทูลเกล้าฯ ถวายเป็นอีกขั้นตอนหนึ่ง เพราะเรื่องยุบสภาไม่ต้องเข้า ครม. ทั้งนี้ การยุบสภาจะมีผลโดยสมบูรณ์ต่อเมื่อมีการประกาศในราชกิจจานุเบกษา ต่อให้นายกฯ พูดอย่างไรก็ไม่มีผล ต้องรอประกาศในราชกิจจานุเบกษาเท่านั้น

ซักว่า ในฐานะที่เป็นเนติบริกร จะแนะนำวันยุบสภาให้นายกฯ หรือไม่ รองนายกฯ ตอบว่า "มันไม่ต้องใช้เนติบริกร ต้องใช้โหร" เมื่อถามต่อไปว่าเดือน มี.ค.ฤกษ์ดีหรือไม่ รองนายกฯ ปฏิเสธว่า ไม่ทราบ ไม่เคยดู ตนนึกไม่ออกว่ายุบสภาจะไปดูฤกษ์ทำไม เพราะยุบไปแล้ว เลือกตั้งเมื่อไหร่อยู่ที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะดูฤกษ์ควรไปดูวันเลือกตั้งดีกว่า เพราะจะรู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย ส่วนวันยุบสภาไม่ได้ทำอะไรให้เกิดขึ้นมาได้

เมื่อถามย้ำว่า วันที่ 7 พ.ค. เป็นวันดีหรือไม่ นายวิษณุตอบว่า มันเป็นวันที่จำเป็น เนื่องจากเป็นวันอาทิตย์ และตามกรอบของการครบวาระของรัฐบาลที่ต้องจัดการเลือกตั้งภายใน 45 วัน ซึ่ง กกต.ไม่ได้ยืนยันร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ถ้าจัดการเลือกตั้งในวันอาทิตย์น้อยกว่านั้น นักการเมืองจะมีเวลาหาเสียงน้อยลง ดังนั้น วันเลือกตั้งถูกกำหนดด้วยกรอบเวลา ไม่เกี่ยวกับเรื่องโหร

นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกฯ เตรียมลงพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช ในวันจันทร์ที่ 20 ก.พ.นี้ เพื่อตรวจติดตามผลการดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาล และข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี ประเด็นการแก้ไขปัญหาพื้นที่ประสบอุทกภัยซ้ำซากและการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่

'อนุชา'ชิงไขก๊อกส.ส.    

วันเดียวกัน มีความเคลื่อนไหวของหลายพรรคการเมืองในการเตรียมพร้อมเลือกตั้ง โดยมีรายงานว่า นายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และ ส.ส.ชัยนาท เขต 1 ได้ยื่นหนังสือขอลาออกจากสมาชิกภาพ ส.ส. ต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร ผ่านสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร โดยขอให้ผลนับตั้งแต่วันที่ 17 ก.พ. ซึ่งก่อนหน้านี้นายอนุชาได้มีการยื่นลาออกจาก พปชร. ต่อนายทะเบียนพรรคการเมือง กกต. และมีข่าวว่าจะไปอยู่กับพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.)

ส่วนที่ทำการพรรค รทสช. ซอยอารีย์ 5 นายสัมพันธ์ เลิศนุวัฒน์ อดีตนักการเมืองชื่อดัง ได้นำ ส.ต.ต.ชมชาติ กัปปะหะ และนายจิรายุ เผ่ากา สมาชิกสภาจังหวัดเชียงราย ทีมนักการเมืองท้องถิ่นจาก จ.เชียงราย เดินทางมายื่นใบสมัครเป็นสมาชิกพรรค รทสช. โดยมีนายเอกณัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค รทสช. ให้การต้อนรับ

ด้านนายเอกนัฏกล่าวว่า พรรคให้ความสำคัญกับทุกพื้นที่ในการจัดเตรียมผู้สมัครลงรับเลือกตั้งในครั้งนี้ และในวันอาทิตย์ที่ 19 ก.พ. ตนจะเดินทางไปที่ จ.นราธิวาส เพื่อทำการจัดตั้งสาขาพรรค พร้อมจะพูดคุยนายกูเซ็ง ยาวอหะซัน ซึ่งถือเป็นบ้านใหญ่ของ จ.นราธิวาส ที่เชื่อว่าจะสามารถกวาดเก้าอี้มาได้ใน 4 เขตของจ.นราธิวาสด้วย

 “วันนี้ รทสช.มีความพร้อมมากในการเตรียมสู้ศึกการเลือกตั้งที่จะถึงนี้ ตามที่ตั้งใจจะส่งผู้สมัครครบทั้ง 400 เขต ขณะนี้มีความคืบหน้าและความพร้อมอย่างเต็มที่ หลังจากนี้จะมีการประกาศตัวผู้สมัครและนโยบายออกมาอย่างต่อเนื่อง เชื่อว่าในโค้งสุดท้ายช่วงระยะเวลา 2-3 เดือนจากนี้ พรรคจะได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อย่างแน่นอน” นายเอกนัฏระบุ

ที่โรงแรมวังจันทน์ริเวอร์วิว อ.เมืองฯ จ.พิษณุโลก นายหิมาลัย ผิวพรรณ หรือ เสธ.หิ ผู้ประสานงานพรรค รทสช. พร้อมนายธวัชชัย กันนะพันธุ์ อดีตนายก อบจ.พิษณุโลก และนายนฤภพ ลิมปะพันธุ์ ประธานสภา อบจ.พิษณุโลก แถลงเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พิษณุโลก 4 เขตเลือกตั้ง ประกอบด้วย เขต 1 นายธนิท กิตติจารุรักษ์, เขต 2 นายพัฒณปกรณ์ ดอนตุ้มไพร, เขต 3 นายวิเชียร ภักดี และเขต 5 นายชนะชน อ่อนอ้าย ลูกชายนายมานัส อ่อนอ้าย ส.ส.พิษณุโลก พปชร. ส่วนเขต 4 ยังไม่ลงตัว

มีรายงานข่าวว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เตรียมจะลงพื้นที่ปฏิบัติราชการใน จ.จันทบุรี และตราด ในวันที่ 20 ก.พ. โดยจะไปตรวจเยี่ยมวิสาหกิจชุมชนเกษตรกรรุ่นใหม่พัฒนา อ.โป่งน้ำร้อน พร้อมเปิดงาน บจธ. มอบสิทธิ มอบสุขในที่ดินทำกิน จ.จันทบุรี ก่อนที่ในช่วงบ่าย จะไปตรวจความคืบหน้าการดำเนินโครงการแก้มลิงหนองฉุงใหญ่ อ.เขาสมิง จ.ตราด

นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เปิดเผยว่า ปชป.จะจัดให้มีการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 66 ในวันที่ 23 ก.พ. ที่ห้องแกรนด์ บอลรูม โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ โดยมีวาระที่สำคัญคือ การแก้ไขข้อบังคับพรรคให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) พรรคการเมือง และการเลือกตั้งคณะกรรมการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้งอีกด้วย

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรค ปชป. กล่าวถึงการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่ออภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 ที่เพิ่งเสร็จสิ้นไปเมื่อวันที่ 16 ก.พ.ว่า ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านต่างทำหน้าที่ได้ดีทั้งสองฝ่าย อย่างน้อยที่สุดทำให้เห็นว่าสภายังเป็นเวทีในการเป็นสถานที่สำหรับตรวจสอบรัฐบาลได้อยู่ เพราะจากการที่เป็นห่วงกันว่าการอภิปรายนั้นจะเดินหน้าได้หรือไม่ แต่สุดท้ายเดินหน้าได้

หัวหน้าพรรค ปชป.ยังตอบคำถามถึงช่วงเวลาที่เหมาะสมที่ พล.อ.ประยุทธ์ ควรจะยุบสภาว่า ขอไม่เรียนว่าจะเหมาะสมช่วงไหน เพราะเป็นอำนาจของนายกฯ แต่อย่างไรก็ยุบหลังวันที่ 23 มี.ค.ไม่ได้ เพราะสภาครบเทอม ทั้งนี้ นายกฯ ยังไม่ได้มาหารืออะไร เพราะเป็นอำนาจท่าน แต่ตนคิดว่าเมื่อถึงเวลาท่านคงถามสักคำหนึ่ง หรืออย่างน้อยคงจะได้หารือกันสักคำว่ามันจะเป็นอย่างไร แต่ตนเดาใจ คาดว่าถ้าเป็นไปได้อาจจะต้องเป็น มี.ค. เพราะในเรื่องของกฎระเบียบอะไรต่อมิอะไรที่จะต้องเตรียมการของ กกต. รวมทั้งในเรื่องของความพร้อมของพรรคการเมืองบางพรรค อาจจะมีผลสำคัญในการนำมาประกอบการตัดสินใจว่าจะยุบสภาวันไหนด้วย เดาเอา

'อิ๊งค์'เหน็บวุฒิภาวะส.ว.

เมื่อถามว่า ขณะนี้ พล.อ.ประยุทธ์ลงพื้นที่ ทั้งในบทบาทนายกฯ และสมาชิกพรรคการเมือง ในพื้นที่ของ ปชป. หัวหน้าพรรค ปชป.ตอบว่า ไม่หวั่น เป็นธรรมดา เมื่อถึงเวลาเลือกตั้งต้องแข่งกันทุกพรรคการเมือง

ที่ห้องประชุมอเนกประสงค์ ที่ทำการเทศบาลเมืองศิลา ต.ศิลา อ.เมืองฯ จ.ขอนแก่น นายเอกราช ช่างเหลา ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ ในฐานะประธานว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ภท. จ.ขอนแก่น เปิดเผยว่า ในการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงนั้น ยืนยันชัดเจนแล้วว่า ภท.ส่งผู้สมัครลงรับการเลือกตั้งทั้งหมด 11 เขต 11 คน และมั่นใจว่าจะได้เก้าอี้ ส.ส.ขอนแก่นไม่น้อยกว่าครึ่งจังหวัด

เมื่อวันศุกร์ อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี นายวราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) พร้อมแกนนำพรรค เปิดปราศรัยที่บริเวณลานอเนกประสงค์บ้านนายนพดล มาตรศรี ส.ส.บัญชีรายชื่อ ชทพ. ที่จะลงสมัครรับเลือก ส.ส.แบบแบ่งเขต จ.สุพรรณบุรี ในการเลือกตั้งครั้งหน้า โดยนายวราวุธปราศรัยตอนหนึ่งว่า  สุพรรณบุรีไม่ใช่ของ ชทพ. แต่เป็นของทุกคน ซึ่งมีหลายพรรคเสนอตัวเข้ามาอยากรับใช้ชาวสุพรรณบุรี ขอถามว่าทุกคนจะให้หรือไม่ และเป็นครั้งแรกที่ตนเองได้รับเสนอชื่อเป็นแคนดิเดตนายกฯ ซึ่งครั้งนี้มีหลายคนเสนอตัว ทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ พล.อ.ประวิตร แต่วราวุธรับประกันได้ว่า ไม่แพ้พรรคไหนแน่นอน และเวทีดีเบตไม่แพ้ใครแน่นอน ให้จับตาดู โดยเฉพาะภาษาอังกฤษแบบเหน่อๆ แบบนี้ ลุงตู่ก็ทำไม่ได้

ขณะที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย (พท.) พร้อมคณะผู้บริหาร ส.ส. และผู้ประสงค์สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. ได้เดินทางมายัง จ.อุบลราชธานี เพื่อเปิดเวทีปราศรัย ซึ่งมีการเปิดปราศรัยหลายเวที โดย น.ส.แพทองธารปราศรัยตอนหนึ่งว่า คิดฮอดพ่อใหญ่ (นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี) บ่ คิดฮอดคุณอา (น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี) บ่ ท่านทั้งสองฝากความคิดถึงมา

น.ส.แพทองธารยังปราศรัยด้วยว่า จำได้หรือไม่ตอน พท.เป็นรัฐบาล สินค้าเกษตรดีมาก เราจะทำให้กลับมาเป็นแบบนั้น อย่าแบ่งใจให้ใคร พรรคเพื่อไทยไม่มีพรรคพี่พรรคน้อง ลูกคนเดียว เดี่ยวๆ นะจ๊ะ เลือกพรรคเพื่อไทยทั้งคนทั้งพรรคให้แลนด์สไลด์

นอกจากนี้ น.ส.แพทองธารให้สัมภาษณ์ถึงความมั่นใจการเลือกตั้ง ส.ส.อุบลราชธานียกจังหวัดหรือไม่ว่า มั่นใจมากๆ ผู้สมัครของเราพร้อมแล้ว

น.ส.แพทองธารยังกล่าวถึงกรณี ส.ว. ตั้งธงว่าแม้ พท.จะชนะแลนด์สไลด์ ก็จะไม่เลือกนายกฯ จาก พท.ว่า ต้องขอบคุณที่ช่วยพรรค พท.หาเสียง เพื่อทำประชาชนประจักษ์ วางที่เขาสงสัยกันอยู่ว่าทำไมเราถึงพูดว่าปิดสวิตช์ ส.ว. มันจำเป็นแค่ไหน ขอฝากขอบคุณไปเลย เราหาเสียงเหนื่อยแบบนี้ มี ส.ว.ช่วยหาเสียง ขอขอบคุณมากๆ ส่วนกรณีที่มองว่าตนอ่อนประสบการณ์นั้น ตอนที่ตนอยู่ในแง่ธุรกิจได้ไปหลายที่ คนอายุน้อยกว่าตนเป็นเจ้าของธุรกิจและเก่งมากๆ แม้ตนไม่ได้เก่งที่สุด แต่มีทีมที่เก่งที่สุด ดังนั้นการคอมเมนต์เรื่องอายุเป็นคอมเมนต์ที่เชยแล้ว ถ้าเรายังพูดแบบนี้ เป็นความคิดเห็นที่ไม่สร้างสรรค์ หันไปดูทั่วโลกว่าเกิดอะไรบ้างผู้นำแต่ละที่อายุเท่าไรกันบ้าง ไม่ใช่แค่ผู้นำทางการเมือง แต่ผู้นำบริษัททั้งในและต่างประเทศก็มีเด็กเก่งๆ อยู่มาก อย่าคอมเมนต์แบบนี้อีกเลย มันเป็นคอมเมนต์ที่ไม่สร้างสรรค์ และแสดงให้เห็นถึงวุฒิภาวะ

เมื่อถามว่า ถ้าประชาชนสนับสนุนพร้อมเป็นนายกฯ หรือไม่ น.ส.แพทองธาร ตอบว่า “ถ้าประชาชนเลือก ก็แน่นอนต้องสู้เต็มที่อยู่แล้ว เพราะอิ๊งค์มีทีมและนโยบายพรรค พท. ที่ทำกันอย่างเข้มข้น อันนี้มันต้องเคารพเสียงของประชาชนอยู่แล้ว”

ต่อข้อถามว่า หมายความว่าคือพร้อมเป็นนายกฯ ใช่หรือไม่ น.ส.แพทองธาร ระบุว่า รู้สึกเขิน พอพูดแบบนี้ก็รู้สึกว่าเรายังไม่มีชื่อเป็นแคนดิเดตนายกฯ อย่างเป็นทางการด้วยซ้ำ

เมื่อถามว่า ความคิดเห็นของ ส.ว. ออกมาแบบนี้ ยิ่งทำให้มั่นใจ เพื่อตอกย้ำให้ ส.ว.เห็นว่าเราพร้อมนายกฯ น.ส.แพทองธารกล่าวว่า อันนี้คือสิ่งที่ทำให้ตนมั่นใจในตัวเองมากขึ้น แต่ตนไม่ขอท้าทายกับดรามาทางการเมืองแบบนี้ ตนขอท้าทายด้วยเสียงและสิทธิของประชาชน

 “ไม่จำเป็นต้องเลือกอิ๊งค์เป็นนายกฯ อิ๊งค์จะเป็นแคนดิเดตหรือเปล่า ตอนนี้ชื่อยังไม่ออกเต็มที่ แต่เคารพเสียงของประชาชนด้วย ที่คุณบอกว่าคุณเคารพเสียงประชาชน คุณเคารพเสียงของเขาหรือเปล่า” น.ส.แพทองธารระบุ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง