ส.ว.อุปกิตฟ้อง‘โรม’100ล้าน

เอฟเฟกต์ทุนจีนเขย่าสภา  "ส.ว.อุปกิต" ยื่นฟ้อง "ส.ส.โรม" 100 ล้าน อภิปรายหมิ่นประมาท ศาลนัดไต่สวนมูลฟ้อง 1 พ.ค.นี้ "บิ๊กตู่" ย้ำ กอ.รมน.เสริมการทำงานยามบ้านเมืองไม่ปกติ "เต้น" ฉุน "ประยุทธ์" ย้อน พท.ตู้ห่าวขนเงินฟอกซื้อบ้านแลกสัญชาติ บอกสามหาวไม่มีเว้น "ตร." บุกคุมตัว "หยู ซินฉี” หลัง “ชูวิทย์-รังสิมันต์” แฉตั้งสมาคมไม่มีใบอนุญาต-แอบอ้างเบื้องสูงหาผลประโยชน์   "บิ๊กโจ๊ก" สอบพบผิดจริง สั่งเพิกถอนวีซ่า พร้อมรวบรวมหลักฐานฟันข้อหาอื่น

การอภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรีโดยไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 ระหว่างวันที่ 15-16 ก.พ.2566 ได้ปิดการประชุมลงเมื่อเวลา 00.35 น. วันที่ 17 ก.พ.

โดยนายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาฯ ซึ่งทำหน้าที่ประธานการประชุม กล่าวว่า จบการพิจารณาญัตติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 โดยทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลต่างทำหน้าที่ แม้อาจจะมีการกระทบกระทั่ง ถือเป็นการทำหน้าที่   บุคคลไหนอาสาจะมาทำหน้าที่นายกฯต้องเข้าใจระบบรัฐสภา จากนี้ไม่มีเรื่องพิจารณา ขอปิดการประชุม

ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (ผอ.รมน.)​ เป็น​ประธาน​งานวันสถาปนากองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.)​ ครบรอบ 15 ปี ตั้งแต่ช่วงเช้าวันที่ 17 ก.พ. มี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย, พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม, นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม, พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด, พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผบ.ทบ., พล.อ.สนิธชนก สังขจันทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม, พล.อ.สุพจน์ มาลานิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.)​ ส่วนผู้บัญชาการกองทัพเรือและกองทัพอากาศ ติดภารกิจและได้ส่งผู้แทนมาร่วม

พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์กรณีนางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายเรียกร้องยุบ กอ.รมน.ว่า แล้วคุณรู้ไหมว่า กอ.รมน.มีภารกิจอะไร มีตั้งแต่เมื่อไหร่ พ.ศ.อะไรอยากให้ติดตามด้วย บางอย่างมีความเป็นมา ทำไมต้องมีมัน มีเมื่อไหร่ เพื่ออะไร เพราะฉะนั้น กอ.รมน.จึงเป็นหน่วยงานที่ใช้ในการบูรณาการกัน ซึ่งเป็นเรื่องการรักษาความมั่นคงภายใน หลายคนอาจจะมองว่าทหาร ตำรวจ หน่วยราชการก็มีอยู่แล้ว ทำไมต้องมีหน่วยงานพวกนี้อีก เขาเรียกว่าหน่วยงานในการบูรณาการกันเพื่อแก้ปัญหา เพราะปัญหาหลายปัญหามีความซับซ้อนซึ่งกันและกัน และปกติแล้วไม่มีกฎหมายหรือหน่วยงานเฉพาะที่ดูอยู่ แต่เมื่อใดก็ตามที่มีปัญหาที่มีความเชื่อมโยงกัน มีความเกี่ยวข้องกัน ต้องมีกฎหมาย มีหน่วยงานที่ต้องทำงาน ในกรณีที่เกินระดับปกติไป เข้าใจหรือยัง

ถามว่า มีการห่วงว่าจะใช้ กอ.รมน.ไปจับกุมผู้ที่เคลื่อนไหวทางการเมือง พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ใช้ทำอะไร ตนไปจับกุมใครหรือเปล่า โลกเขาอยู่กันด้วยกฎหมาย ไม่ใช่ทำอะไรก็ได้และบอกว่าละเมิดสิทธิมนุษยชน ตนว่าไม่ใช่ คุณต้องการให้ประเทศชาติวุ่นวาย สับสนอลหม่านหรือเปล่า ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องมีกฎหมาย บอกมาเลยว่านายกฯ ไม่ต้องทำ จะได้ไม่ต้องทำ

ที่ศาลอาญา นายเรืองศักดิ์ สุขเสียงศรี ทนายความ ซึ่งได้รับมอบหมายจากนายอุปกิต ปาจรียางกูร สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ยื่นฟ้องนายรังสิมันต์ โรม ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ข้อหาหมิ่นประมาท เนื่องจากในการอภิปรายทั่วไป ในช่วงดึกของวันที่ 15 ก.พ. นายรังสิมันต์ได้อภิปรายในหัวข้อ “เช็กบิลไทยดำ-จีนเทา” โดยมีเนื้อหาเข้าข่ายหมิ่นประมาทนายอุปกิต

'อุปกิต' ฟ้อง 'โรม' 100 ล้าน

นายเรืองศักดิ์กล่าวว่า นายอุปกิต ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจำนวน 100 ล้านบาท และศาลนัดไต่สวนมูลฟ้องในวันที่ 1 พฤษภาคม 2566 เวลา 09.00 น.

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 31 ม.ค.ที่ผ่านมา นายอุปกิตยังได้ยื่นฟ้องนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ในข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา และเรียกค่าเสียหายจำนวน 50 ล้านบาท ต่อศาลอาญา หลังนายอัจฉริยะกล่าวหานายอุปกิตเกี่ยวข้องขบวนการค้ายาเสพติดไปแล้ว

น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในการอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ นายกฯ และคณะรัฐมนตรีได้เตรียมข้อมูลมาชี้แจงผู้อภิปรายได้อย่างชัดเจน ในประเด็นที่ฝ่ายค้านอาจมีความเข้าใจคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริงได้อย่างครบถ้วน ที่สำคัญคือท่าทีของ พล.อ.ประยุทธ์ ยืนยันชัดเจนในการทำหน้าที่ ไม่เอื้อประโยชน์ให้กับผู้ใด พร้อมเน้นย้ำในที่ประชุมสภา คนไม่ดีต้องถูกลงโทษตามกฎหมาย

"พล.อ.ประยุทธ์พร้อมเดินหน้าปฏิรูปประเทศด้านต่างๆ โดยได้ผลักดันกฎหมายที่สร้างความเป็นธรรมให้กับสังคม 5 ฉบับสำคัญๆ ซึ่งจะเห็นได้ว่าพล.อ.ประยุทธ์มีผลงานในการปฏิรูปประเทศอย่างเป็นรูปธรรม ควบคู่ไปกับการขับเคลื่อนการพัฒนาทางด้านเศรษฐกิจ ตามนโยบาย Thailand 4.0 ที่มุ่งสนับสนุนการดำเนินธุรกิจที่รับผิดชอบสิ่งแวดล้อม หลังจากนี้จะเดินหน้าพัฒนาประเทศให้เจริญก้าวหน้าทัดเทียมอารยประเทศ” น.ส.ทิพานันกล่าว

ด้านนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการชี้แจงที่ถูกกล่าวหาว่าเรียกรับผลประโยชน์เป็นเสื้อสูทมูลค่าเกิน 3,000 บาท แลกกับการแต่งตั้งโยกย้ายบุคลากรในสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ว่า ต้องดูท่าทีเขาก่อน หากสงสัยเรื่องการรับสิ่งของที่มูลค่าเกิน 3,000 บาท ก็ไม่ควรฟ้อง เพราะเป็นสิทธิ์ที่สงสัยได้ ไม่ว่ากัน แต่ถ้าบอกว่าเรียกรับผลประโยชน์เพื่อแลกกับการแต่งตั้งโยกย้าย ค่อยว่ากัน

"จะฟ้องหรือไม่ฟ้องค่อยว่ากัน หากไปแจ้งความตำรวจก็จัดการให้อยู่แล้ว ส่วนที่ฝ่ายค้านอ้างว่าผู้อภิปรายมีเอกสิทธิ์คุ้มครองในสภานั้น เอกสิทธิ์ที่ว่าต้องเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการซักถามในที่ประชุมสภา แต่ถ้าไปพูดนอกรอบก็ไม่คุ้มครอง" นายวิษณุกล่าว

ส่วนนายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) กล่าวถึงกรณีนายขจิตร ชัยนิยม ส.ส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย อภิปรายระบุอุดมศึกษาไม่มีคุณภาพ ไม่ทันสมัย ไม่ตอบสนองความต้องการของเยาวชน อุดมศึกษาผลิตนิสิตนักศึกษาจบออกมาไม่ตอบสนองความต้องการของประเทศว่า ไม่เป็นความจริง อุดมศึกษาไทยมีคุณภาพไม่แพ้ประเทศใด ส่วนเรื่องที่บอกทุนจีนกำลังรุกคืบจ้องซื้อมหาวิทยาลัยกว่า 10 แห่ง หลังจากเทกโอเวอร์ไปแล้ว 2 แห่ง ก็ไม่ใช่ความจริง

นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ชี้แจงในสภากรณีกลุ่มทุนจีนสีเทาว่า เรื่องนี้ตนติดตามมาตลอดเหมือนกัน ก็ต้องพูดกันตรงๆ ว่า ตลอดเวลา 8 ปีจนถึงเมื่อคืนนี้ พล.อ.ประยุทธ์พูดในสภายังเป็นคนเดิม มะนาวไม่มีน้ำ สามหาวไม่มีเว้น พูดจาเอาดีเข้าตัว เก่งกว่าใคร ดีที่สุดเหนือกว่าคนอื่นทั้งบ้านทั้งเมือง ทั้งที่ไม่ได้มีผลงานอันเป็นที่ประจักษ์

"การตอบโต้กันไปมาเรื่องกลุ่มทุนจีนสีเทา เราต้องเคารพในข้อเท็จจริงว่าคนคนนั้นได้รับสัญชาติไทยในปี 2557 ส่วนกรณีที่มีคนต่างด้าวไปซื้อบ้านในโครงการยักษ์ใหญ่ ข้อเท็จจริงจากสื่อมวลชนรายงานว่าในปีการซื้อในปี 2563 หมายความว่าได้สัญชาติไทยในยุครัฐบาลปัจจุบันแล้ว 6 ปี  ดังนั้นซื้อบ้านแถมสัญชาติจึงไม่มี มีแต่ว่าให้สัญชาติแล้วไปฟาดเงินเข้าพรรค นายตู้ห่าวเป็นคนบริจาคเงินให้พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และหลังจากนั้น ส.ว. "อ" ก็ให้ที่ดินเป็นที่ตั้งพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ความจริงเป็นเช่นนี้" นายณัฐวุฒิกล่าว

'หยู ซินฉี' โดนหลายข้อหา

วันเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) พร้อมกับเจ้าหน้าที่กรมการปกครอง เข้าคุมตัวนายหยู ซินฉี ประธานมณฑลส่านซีสมาคมแห่งประเทศไทย จากบ้านพักย่านวัชรพลไปสอบถามข้อมูลที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) เมืองทองธานี ภายหลังที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองและนายรังสิมันต์ เปิดเผยข้อมูลและชี้พิกัดที่ตั้งว่ามีการจัดตั้งสมาคมไม่ถูกต้องและมีการแอบอ้างเบื้องสูงและผู้นำประเทศไปแสวงหาผลประโยชน์

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ได้เข้าพูดคุยกับนายหยู ซินฉี ซึ่งเดินออกจากบ้านพักมาพบ โดยระบุถึงสาเหตุการขอเชิญตัวไปสอบถามข้อมูล ซึ่งนายหยู ซินฉี ได้ให้ความร่วมมือขึ้นรถของตำรวจออกจากหมู่บ้านไปเพื่อให้ข้อมูลที่ สตม.

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ยังไม่มีการเข้าตรวจค้นบ้านพัก เนื่องจากต้องรอศาลอนุมัติหมายค้นเพื่อนำแสดงก่อนเข้าตรวจค้นภายในบ้าน ซึ่งเป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้น อยู่ในเนื้อที่ขนาด 80 ตารางวา ภายในหมู่บ้านแห่งหนึ่งบนถนนจตุโชติ ย่านวัชรพล-วงแหวน

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. กล่าวว่า ได้มอบหมายให้ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. และพล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผบช.สตม. ไปตรวจสอบเรื่องนายหยู ซินฉี ซึ่งเน้นย้ำหากมีเบาะแสอะไรจะต้องตรวจสอบให้หมด
"ประเด็นแอบอ้างเบื้องสูงหรือบุคคลสำคัญ ต้องขอเวลาตรวจสอบข้อมูลให้ชัดเจน ซึ่งทางตำรวจมีข้อมูลในเรื่องดังกล่าวอยู่บ้าง จึงได้ให้มีการติดตามอยู่ ทั้งนี้ยังไม่จำเป็นต้องมีการเรียกนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ และนายรังสิมันต์เข้ามาให้ข้อมูล" พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์กล่าว

ส่วน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์กล่าวว่า เบื้องต้นได้ควบคุมตัวนายหยู ซินฉี ผู้ที่เข้าข่ายกระทำความผิดเกี่ยวกับเรื่องการฉ้อโกงการตั้งมูลนิธิเถื่อนและแอบอ้างเบื้องสูงไว้ได้แล้ว ซึ่งพฤติกรรมของนายหยู ซินฉี ที่ผ่านมา จะมีการถ่ายรูปร่วมกับบุคคลเพื่อนำไปแอบอ้างกับเพื่อนร่วมชาติสร้างความน่าเชื่อถือให้เข้ามาทำธุรกิจร่วมกัน สำหรับคนจีน การก่อตั้งสมาคมหรือมูลนิธิถือเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งขณะนี้พบมีผู้เสียหายที่ถูกหลอกร่วมลงทุนทั้งในประเทศอังกฤษและประเทศจีน ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ระหว่างรอผู้เสียหายกลุ่มนี้เข้ามาให้ปากคำ

"การแอบอ้างเข้าไปพบบุคคลสำคัญได้จะต้องมีคนไทยที่เป็นข้าราชการเข้าไปช่วยเหลืออำนวยความสะดวก โดยการดำเนินการหลังจากนี้ จะมีการเพิกถอนวีซ่า ตั้งข้อกล่าวหาเรื่องการฉ้อโกง ตั้งมูลนิธิหรือสมาคมโดยไม่ได้รับอนุญาต เมื่อดำเนินคดีความผิดที่เกิดขึ้นในประเทศไทยแล้วเสร็จ จะผลักดันออกนอกประเทศ โดยมีการขึ้นบัญชีแบล็กลิสต์ถาวร" รอง ผบ.ตร.กล่าว

พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์กล่าวว่า การนำตัวนายหยู ซินฉี มาครั้งนี้ เป็นการควบคุมตัวตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง หลังพบพฤติการณ์ไม่เหมาะสมในเรื่องการตั้งสมาคมที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย จึงได้ดำเนินการเพิกถอนวีซ่าหรือใบอนุญาตพำนักในราชอาณาจักร ซึ่งนายหยู ซินฉี ถือวีซ่าประเภทผู้เกษียณพำนักในราชอาณาจักรได้ 2 ปีแล้ว และขออยู่ต่อตามหลักเกณฑ์ของสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองทุกประการ โดยไปขออยู่ต่อที่ จ.ชลบุรีอีก 1 ปี แต่ยังไม่ได้ดำเนินการตั้งข้อหาหรือออกหมายจับแต่อย่างใด ซึ่งทางตำรวจ ตม. จะดำเนินการกักกันตามกฎหมายคนเข้าเมืองที่ ตม.สวนพลู
"คาดว่าภายในวันพรุ่งนี้ (18 ก.พ.) จะสามารถขออนุมัติศาลออกหมายค้นบ้าน และสมาคมของนายหยูเพิ่มเติม แต่จากการเข้าตรวจเบื้องต้น พบว่าเข้ามาเปิดสมาคมอยู่ในประเทศไทย และมีป้ายภาษาจีนแปลตามชื่อสมาคมที่ปรากฏเป็นข่าว โดยที่ตั้งของสมาคมอยู่คนละจุดกับบ้านพักที่ตำรวจไปพบตัว โดยระหว่างการควบคุมตัวนายหยูเมื่อช่วงเที่ยงที่ผ่านมา นายหยูให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีและไม่ได้มีท่าทีตื่นตระหนกตกใจแต่อย่างใด" ผบช.สตม.ระบุ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง