ป้อมทำได้ดีกว่าใคร ดึง2ขั้วก้าวข้ามขัดแย้ง ชวนทุ่มปลุกเรตติ้งปชป.

"บิ๊กตู่" ฟิต! เตรียมลงพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา เปิดสวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติ 10 มี.ค. เผยมีคิวงานยาวถึง 17 มี.ค. "ประวิตร" โพสต์ "บทที่ 2 ก้าวสู่วิถีประชาธิปไตย" บอกขอให้เชื่อผมสักครั้ง มุ่งมั่นก้าวข้ามความขัดแย้ง ดึง 2 ขั้วทำงานให้ประเทศ พร้อมยกคณะลุย "อยุธยา-สระบุรี" กราบพระนอนวัดสะตือ  โชว์ผัดไส้กะหรี่ปั๊บ ปลื้มกองเชียร์ตะโกนลั่นนายกฯ คนที่ 30 "พปชร." กางปฏิทินปราศรัยใหญ่ 4 ภาคก่อนยุบสภา "อิ๊งค์"  อ้าแขนรับ "สมศักดิ์-สุริยะ" กลับบ้าน "เศรษฐา" ประเดิมเดินหาเสียงคลองเตย "ชวน" ยัน "ปชป." ไม่เคยใช้เงินซื้อตำแหน่ง

ที่ทำเนียบรัฐบาล วันที่ 8 มี.ค. เวลา 10.10 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา  นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เดินทางเข้าปฏิบัติหน้าที่ที่ห้องทำงานตึกไทยคู่ฟ้า  ทำเนียบรัฐบาล เพื่อเซ็นเอกสารต่างๆ ซึ่งวันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ไม่มีกำหนดการประชุมและปฏิบัติภารกิจทั้งในและนอกทำเนียบฯ

อย่างไรก็ดี ช่วงเช้าก่อนออกจากบ้านพัก แพทย์ได้เข้าไปดูอาการมือขวาบวมจากการอักเสบของ พล.อ.ประยุทธ์ โดยมีการล้างแผลและให้ยาปฏิชีวนะ ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ยังคงสวม Arm-Sling หรือที่ช่วยพยุงแขนเช่นเดิม ส่วนมือข้างซ้ายยังมีอุปกรณ์ทางการแพทย์และที่ต่อสายน้ำเกลืออยู่ นอกจากนี้ ขบวนรถนายกฯ ได้เปลี่ยนเส้นทางเข้าทำเนียบฯ จากเข้าทางประตู 1 มาเข้าทางประตูสะพานอรทัยแทน เพื่อหลีกเลี่ยงกลุ่มผู้ชุมนุมจำนวนหนึ่งที่มาชุมนุมเคลื่อนไหวเนื่องในวันสตรีสากล 8 มีนาคม บริเวณเชิงสะพานชมัยมรุเชฐ ด้านหน้าประตู 1

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 10 มี.ค.เวลา 14.00 น. พล.อ.ประยุทธ์มีกำหนดการลงพื้นที่ตรวจราชการ จ.ฉะเชิงเทรา เพื่อเป็นประธานเปิดสวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติ จากนั้นวันที่ 11 มี.ค. มีกำหนดการตรวจราชการในช่วงเช้า จ.สงขลา ดูปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งทะเลและช่วงบ่ายจังหวัดยะลา ขณะที่วันจันทร์ที่ 13 มี.ค. ลงพื้นที่จังหวัดราชบุรี, วันที่ 15 มี.ค. จ.นราธิวาส, วันที่ 16 มี.ค. จะลงพื้นที่ จ.ระนอง และปิดท้ายวันที่ 17 มี.ค. ลงพื้นที่ จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นการลงพื้นที่ต่อเนื่องก่อนถึงวันประกาศยุบสภา

ทั้งนี้ การลงพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทราของพล.อ.ประยุทธ์ในวันที่ 10 มี.ค.นั้น ตามกำหนดจะเดินทางถึงวัดโสธรวรารามวรวิหาร สักการะหลวงพ่อพระพุทธโสธร   กราบนมัสการพระราชภาวนาพิธาน เจ้าอาวาสวัดโสธรวรารามวรวิหาร เวลา 15.20 น. จากนั้นนายกฯ ไปยังสวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พ.ศ.2562 องค์การบริหารส่วนจังหวัดฉะเชิงเทรา ต.บางแก้ว อ.เมืองฉะเชิงเทรา เพื่อเป็นประธานในพิธีเปิดสวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติ

ขณะที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) โพสต์เฟซบุ๊ก "พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ" เรื่อง "บทที่ 2 ก้าวสู่วิถีประชาธิปไตย" ตอนหนึ่งระบุว่า...ตลอดระยะเวลาอันยาวนาน การต่อสู้ของ 2 ฝ่าย 2 แนวความคิด เป็นไปอย่างเข้มข้น ฝ่ายหนึ่งมองเห็นแต่ความเหลวแหลกของพฤติกรรมนักการเมือง แต่ความไม่รู้ ความไม่มีความสามารถของประชาชนที่จะเลือกคนมีความรู้ความสามารถเข้ามาบริหารจัดการประเทศ เห็นแต่ “นักธุรกิจการเมือง-การลงทุนทางการเมืองเพื่อค้ากำไร แสวงหาผลประโยชน์-นักการเมืองที่มาจากผู้มีบารมีในท้องถิ่น เข้ามาขยายแหล่งผลประโยชน์จากอำนาจส่วนกลาง”  ผู้ประสบความสำเร็จในตำแหน่ง หน้าที่การงาน ทั้งที่เป็นข้าราชการ และภาคเอกชน ทั้งนักธุรกิจ นักลงทุนที่ทำงานขับเคลื่อนประเทศ ส่วนใหญ่ทนกับความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อนักการเมืองในคุณสมบัติข้างต้นไม่ไหว การสนับสนุนให้ก่อร่าง “โครงสร้างอำนาจนิยม” เกิดขึ้นจากความเหลือทนต่อพฤติกรรมดังกล่าวของนักการเมือง

ก้าวสู่วิถีประชาธิปไตย

"ผมรับรู้ถึงกระแสสนับสนุน การปฏิวัติรัฐประหาร ที่ไม่เคยหมดไปจากโครงสร้างอำนาจประเทศเรามาตลอด และมองความเป็นไปทั้งหมดอย่างเข้าใจ ว่าทำไมกลุ่มผู้มีอิทธิพล ในการกำหนดความเป็นไปของประเทศ จึงพากันคิดและร่วมกันลงมือเช่นนั้น"

พล.อ.ประวิตรยังระบุด้วยว่า ผมเริ่มเข้าใจอย่างลึกซึ้งขึ้นเรื่อยๆ ว่า การตัดสินว่า “ประชาชนไม่มีความสามารถในการเลือกคนดีมีความสามารถเข้ามาเป็นผู้แทน” นั้นเป็น “ความคิดที่ไม่ถูก” เพราะมอง “การตัดสินใจเลือกของประชาชนส่วนใหญ่ ซึ่งเป็นผู้ถูกเอารัดเอาเปรียบในโครงสร้างอำนาจแบบนี้ เพียงมุมเดียว” และเป็น “มุมมองที่ไม่เคยเข้าใจความรู้สึกนึกคิดชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนที่เป็นส่วนใหญ่ของประเทศ” และเมื่อชีวิตนักการเมืองของผม ได้เรียนรู้จากการลงพื้นที่สัมผัสการทำงานของนักการเมืองพื้นที่ต่างๆ ทั้งด้วยภารกิจราชการอย่างเช่นการลงไปแก้ไขปัญหาเรื่องน้ำในพื้นที่ต่างๆ และลงไปร่วมหาเสียง สร้างความนิยมให้สมาชิกพรรคในจังหวัดต่างๆ

ผมได้รับรู้ว่า การปลูกฝังสำนึกประชาธิปไตยให้กับประชาชนนั้น ไปไกลแล้ว ทั้งที่ผ่านบทบาทของนักการเมืองส่วนกลาง และนักการเมืองท้องถิ่นที่มีการเลือกตั้งกันทุกระดับ ทำให้ผมกลับมาย้อนมองผลการเลือกตั้งที่ผ่านมา ด้วยความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง ว่าทำไม “พรรคที่สนับสนุนอำนาจนิยม” จึงพ่ายแพ้ต่อ “พรรคที่เดินในแนวทางประชาธิปไตยเสรีนิยม” ทุกครั้ง เหมือนไม่มีหนทางในชัยชนะอยู่เลย แม้ว่า “ฝ่ายอำนาจนิยม” จะสร้างกติกา และแต่งตั้งคนของตัวเองเข้ามาควบคุมกลไก เพื่อให้เอื้อต่อชัยชนะของฝ่ายตัวเองอย่างเอาเป็นเอาตายแค่ไหนก็ตาม เพราะความพ่ายแพ้นั้นเกิดจาก “อำนาจนิยม” แม้จะครองใจคนบางกลุ่มได้ แต่ห่างไกลอย่างยิ่งต่อความเข้าใจเกี่ยวกับความจำเป็นในชีวิตของประชาชนส่วนใหญ่

และด้วยความเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงความเป็นจริงในชีวิตคนส่วนใหญ่ ผ่านประสบการณ์ทางการเมืองของผม อย่างที่กล่าวมาแล้ว ทำให้เกิดความเชื่ออย่างหนักแน่นในใจว่า “ในเส้นทางการบริหารจัดการประเทศ ไม่มีหนทางอื่นนอกจากมุ่งมั่นที่จะเดินหน้าในระบอบประชาธิปไตย เคารพการตัดสินของประชาชนส่วนใหญ่” เท่านั้น             

อย่างไรก็ตาม แม้ผมจะมองไม่เห็นหนทางอื่น นอกจากปักความเชื่อมั่นใน “ระบอบประชาธิปไตย” อย่างมั่นคง หนักแน่นเพียงใดก็ตาม แต่ด้วยประสบการณ์ที่เรียนรู้ และรับทราบถึงเจตนาดีต่อประเทศของคนกลุ่มที่พิสูจน์ตัวเองแล้วว่า “มีความรู้ความสามารถ" และยังคง “มีอิทธิพลกำหนดความเป็นไปของประเทศ” ทำให้ผมเกิดความเสียดาย และคิดว่าการหาทางประสานให้คนกลุ่มนี้ เข้ามามีส่วนร่วมในการนำพาประเทศ ย่อมเกิดผลดีอย่างยิ่งต่อการพัฒนาบ้านเมือง และความคิดนี้เองเป็นที่มาของความมุ่งมั่น “ก้าวข้ามความขัดแย้ง” ของผม

ท้ายของบทนี้ ผมขอให้ทุกคนเชื่อว่า ด้วยประสบการณ์ และเรื่องราวที่ผมสั่งสมมา จะทำให้ “ผมทำได้และจะทำได้ดีกว่าใคร” ในความตั้งใจด้วยความปรารถนาดีต่อประเทศนี้ “ขอให้เชื่อผมสักครั้ง” หลังจากนี้ผมจะเล่าให้ฟังต่อไปว่า ผมจะทำอย่างไร

อย่างไรก็ดี วันที่ 8 มี.ค. เวลา 14.30 น. พล.อ.ประวิตรพร้อมคณะ ประกอบด้วย พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ประธานที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี, นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม, นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.การคลัง, พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม และนายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เดินทางลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและติดตามความคืบหน้า แผนบรรเทาอุทกภัยพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่าง และแผนงานโครงการพัฒนาแหล่งน้ำที่สำคัญในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ที่วัดสะตือพุทธไสยาสน์ ต.ท่าหลวง อ.ท่าเรือ โดยว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พระนครศรีอยุธยาของ พปชร.ทั้ง 3 เขต นายโชติวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ ส.ส.สิงห์บุรี พปชร. รวมถึงนางสมทรง พันธ์เจริญวรกุล นายก อบจ.พระนครศรีอยุธยา มาคอยให้การต้อนรับ ซึ่ง พล.อ.ประวิตรเดินทางมาด้วยรถยนต์โตโยต้าอัลพาร์ด ทะเบียน 7 กพ 8209 กรุงเทพมหานคร

พปชร.ปราศรัยใหญ่ 4 ภาค

เมื่อเดินทางมาถึง พล.อ.ประวิตรได้รับฟังบรรยายสรุปแผนบรรเทาอุทกภัยพื้นที่เจ้าพระยาตอนล่าง และแผนการโครงการพัฒนาแหล่งน้ำ จากนั้นได้นั่งรถกอล์ฟเพื่อไปไหว้พร้อมกับปิดทองพระพุทธไสยาสน์ แต่ปรากฏว่าระหว่างรถกอล์ฟไฟฟ้าออกตัว ได้ออกตัวแรง ทำให้คนที่อยู่ตรงนั้นถึงกับตกใจ ซึ่งนายวิรัชที่นั่งอยู่ด้านหลังกล่าวว่า รถไม่เสถียร แต่คนเสถียร ภายหลังไหว้พระเสร็จแล้ว พล.อ.ประวิตรได้เข้าไปกราบนมัสการและถวายดอกไม้และปัจจัยต่อเจ้าอาวาสวัดสะตือ ขณะที่เจ้าอาวาสได้มอบรูปหล่อพระพุทธไสยาสน์ ผ้ายันต์คาถาชินบัญชร ของสมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี แก่ พล.อ.ประวิตร

ขณะที่ภายในงานมีประชาชนที่มารอต้อนรับต่างตะโกนเชียร์ให้ พล.อ.ประวิตรเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป พร้อมกับตะโกน "รักลุงป้อม" โดย พล.อ.ประวิตรมีสีหน้าอารมณ์ดีและยิ้มหลายครั้ง

ช่วงหนึ่ง พล.อ.ประวิตรได้สอบถามกรมชลประทานว่าปีนี้สามารถทำนาได้หรือไม่ ซึ่งรองอธิบดีกรมชลประทานตอบว่า ทำได้ ทำให้ พล.อ.ประวิตรบอกกับประชาชนว่า โอเคทำนาได้ น้ำไม่ท่วมแล้ว จะพยายามทำให้น้ำไม่ท่วม ป้องกันไม่ให้น้ำท่วม ซึ่งประชาชนดีใจต่างปรบมือเสียงดัง

เวลา 16.00 น. พล.อ.ประวิตรพร้อมคณะเดินทางมายัง รร.วัดขอนชะโงก (เขียววิมลราษฎร์อุปถัมภ์) อ.หนองแค จ.สระบุรี เพื่อตรวจติดตามการบริหารจัดการน้ำของ จ.สระบุรี ณ ที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการสระบุรี อ.หนองแค จ.สระบุรี โดยมี น.ส.กัลยา รุ่งวิจิตรชัย ส.ส.สระบุรี, นายองอาจ และ นายอรรถพล วงษ์ประยูร อดีต ส.ส.สระบุรี และว่าที่ผู้สมัคร, น.ส.เกณิกา อุ่นจิตร์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.สระบุรี เขต 3 และทีมโฆษกพรรค พปชร. ให้การต้อนรับ

พล.อ.ประวิตรได้ร่วมผัดไส้กะหรี่ปั๊บ พร้อมทั้งได้ชิมขนมกะหรี่ปั๊บ และได้เล่นมุกหยิบขนมกะหรี่ปั๊บที่ยังไม่ได้ทอดแล้วถามว่า อันนี้กินได้หรือไม่ ซึ่งประชาชนได้ตอบพร้อมหยิบขนมชิ้นที่ทอดสุกแล้วให้ทานแทน และกล่าวว่า ชิ้นนี้ดีกว่า นอกจากนี้ยังมีนักเรียนชายชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 จำนวน 2 คนของโรงเรียนสระบุรีวิทยาคม มอบภาพวาดเหมือนด้วยฝีมือตัวเองให้กับ พล.อ.ประวิตร พร้อมกับอวยพรขอให้ได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 เพราะพวกตนเป็นเอฟซีติดตามผลงานของท่าน จึงวาดภาพมาให้ ซึ่งใช้เวลาในการวาดไม่นาน

จากนั้น พล.อ.ประวิตรได้เดินพบปะประชาชน โดยช่วงหนึ่งนายวิรัชพูดกับประชาชนระหว่างที่ พล.อ.ประวิตรพบประชาชน โดยได้แนะนำตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ของ พปชร. พร้อมบอกว่า เราขอยกจังหวัดสระบุรีเชียร์พลังประชารัฐให้ลุงป้อมเป็นนายกฯ

ผู้สื่อข่าวถามว่า จ.สระบุรียกจังหวัดหรือไม่ พล.อ.ประวิตรพยักหน้าแต่ไม่ตอบคำถาม จากนั้นได้นั่งรถกอล์ฟไฟฟ้ากลับไปขึ้นเฮลิคอปเตอร์ โดยระหว่างทางได้โบกมือทักทายประชาชนว่า สวัสดี

นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะรองหัวหน้าพรรค พปชร. กล่าวว่า จากการประชุมยุทธศาสตร์ของพรรคเมื่อวันที่ 7 มี.ค. ได้กำหนดให้มีการเปิดปราศรัย 4 ภาค ได้แก่ ภาคใต้ ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันตก จากเดิมกำหนดไว้ 6 จุด แต่เนื่องจากก่อนระยะเวลาที่จะมีการยุบสภา เราจัดได้เต็มที่ประมาณ 4 จุด ส่วนที่เหลืออาจจะต้องจัดหลังการยุบสภาไปแล้ว

'เศรษฐา'หาเสียงคลองเตย

"ตอนแรกจะจัดที่หาดใหญ่ จ.สงขลา แต่เนื่องจากทราบว่า พล.อ.ประยุทธ์มีกำหนดการจะเดินทางไป เราจึงขอเลื่อนไปเป็นอีกสัปดาห์ ส่วนวันที่ 12 มี.ค. จะจัดให้มีการปราศรัยใหญ่ที่ จ.เชียงใหม่ และเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ภาคเหนือทั้งหมด โดยงานนี้มอบหมายให้ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา ในฐานะกำกับดูแลพื้นที่เลือกตั้งภาคเหนือ และนายบุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ เป็นเจ้าภาพ และสัปดาห์ถัดไปเป็น 2 เวทีใหญ่ภาคใต้ที่หาดใหญ่ จ.สงขลา จากนั้นถัดไปจะเป็นภาคตะวันออกเฉียงเหนือ แต่ต้องเช็กความพร้อมก่อนว่าจะเป็นที่ จ.ขอนแก่นหรือ จ.อุดรธานี โดยทุกเวทีพล.อ.ประวิตรจะไปร่วมทุกเวที นอกจากนี้ยังมีการจัดที่ กทม. ในวันที่ 18 มี.ค. รวมทั้งหลังการยุบสภาจะเปิดปราศรัยเวทีแรกที่ จ.นครราชสีมา ในวันที่ 26 มี.ค. ซึ่งถือเป็นนัยได้ส่งผู้แทนฯ ตั้งแต่เหนือจรดใต้" รองหัวหน้าพรรค พปชร.กล่าว

ขณะที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสข่าวนายกฯ แจ้งวันยุบสภาชัดเจนกับพรรคร่วมรัฐบาลในการประชุม ครม.ว่า ไม่มี แต่ท่านอาจจะสนทนาเป็นการส่วนตัว คนนั้นคนนี้เข้าไปถามเข้าไปคุยในห้องพักที่ไม่ใช่ห้องประชุม ตนไม่ทราบ เพราะไม่ได้อยู่ด้วย ซึ่งการประชุมตั้งแต่เวลา 09.30-13.30 น.ก็ไม่มีพูดเรื่องนี้ นอกจากนี้ตนยังขอชี้แจงไปถึงพิธีกรโทรทัศน์บางช่อง เหมือนกับพูดว่าวันที่ 14 มี.ค.นี้จะเป็นการประชุมครม.ครั้งสุดท้าย ขอยืนยันว่ายุบสภาแล้วก็ยังประชุม ครม.ได้ บางรัฐบาลช่วงบ่ายจะมีการถวายสัตย์ฯ รัฐบาลใหม่ แต่รัฐบาลเดิมก็ยังประชุม ครม.กัน

"ยุบสภาแล้วก็ยังประชุม ครม.ได้ แต่งตั้งข้าราชการ แต่งตั้งกรรมการรัฐวิสาหกิจ อนุมัติอะไรบางอย่างก็สามารถทำได้ แต่บางอย่างก็ทำไม่ได้ แต่วาระน้อย ไม่มากเหมือนตอนที่ยังไม่ยุบสภา อย่างไรก็ตาม หากมีพระราชกฤษฎีกายุบสภาแล้ว ภายใน 5 วันจะมีกำหนดเรื่องการรับสมัคร ส.ส.และกำหนดวันเลือกตั้ง" นายวิษณุกล่าว

ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ประธานที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรมพรรค พท. และหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย กล่าวกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ระบุหากการเลือกตั้งเป็นวันที่ 14 พ.ค. น.ส.แพทองธารจะดีใจมาก เพราะจะได้คลอดแล้วออกมาช่วยปราศรัยใหญ่ให้พรรค พท.ช่วงโค้งสุดท้ายว่า มีกำหนดคลอดปลาย เม.ย.ถึงต้น พ.ค. ไม่อยากคลอดในวันเลือกตั้งเพราะจะทำให้ไม่ได้ใช้สิทธิเลือกตั้ง ถ้าหากวันเลือกตั้งเป็น 14 พ.ค.จริงๆ ก็คงดี เพราะตนจะได้มีโอกาสขึ้นปราศรัยใหญ่

ถามถึงกระแสข่าวบิ๊กเนมอย่างกลุ่มของนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม และแกนนำกลุ่มสามมิตร จะย้ายมาอยู่กับพรรค พท. น.ส.แพทองธารกล่าวว่า ยินดีต้อนรับศิษย์เก่าของพรรคไทยรักไทยและพรรค พท.ทุกท่าน เพราะเป้าหมายของเราคือพัฒนาประเทศ ใครที่มีเป้าหมายเดียวกันกับเรา เรายินดีต้อนรับเพื่อให้ประเทศไปต่อ ส่วนเรื่องตำแหน่งไม่มีการพูดถึง

ส่วน นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค กล่าวกรณีสัปดาห์หน้านายสมศักดิ์และนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม จะตัดสินใจเรื่องย้ายพรรคว่า ในพรรค พท.เราไม่ได้มีการคุยกัน ขึ้นกับการตัดสินใจของท่าน ทั้งนี้ ส.ส.ในกลุ่มท่านบางคนย้ายมาเป็นว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ของเราแล้ว

วันเดียวกัน นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย พร้อมคณะ ลงพื้นที่ชุมชน 70 ไร่คลองเตย ซึ่งเป็นการลงพื้นที่ครั้งแรก โดยนายเศรษฐากล่าวว่า การลงพื้นที่ครั้งแรกได้รับการตอบรับอย่างอบอุ่น ทราบมาว่าปัญหาพื้นที่คับแคบ แต่เมื่อได้มาฟังจากประชาชน เห็นว่าปัญหามีความซับซ้อน ต้องแก้ไขอย่างบูรณาการ อีกปัญหาคือเรื่องค่าแรง นโยบายค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาทในปี 70 หากได้ฉันทามติจากประชาชนให้เพื่อไทยเป็นรัฐบาล ตนมั่นใจว่าจะทำได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พรรค พท.เตรียมจัดประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2566 ในวันที่ 9 มี.ค.นี้ โดยมีวาระการประชุมเพื่ออนุมัติกฎระเบียบข้อบังคับต่างๆ ของพรรคให้สอดคล้องกับการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง นอกจากนี้จะมีการยุบและตั้งสาขาพรรคใหม่เพื่อรองรับการทำไพรมารีโหวต รวมถึงวาระในการรับรองนโยบายต่างๆ ให้ครอบคลุมกับกรอบนโยบายที่จะใช้ในการหาเสียงเลือกตั้ง ซึ่งพรรคได้ทยอยประกาศไปก่อนหน้านี้แล้ว โดยไฮไลต์สำคัญจะเป็นการปรากฏตัวพร้อมกันของ น.ส.แพทองธารและนายเศรษฐาโดยทั้งคู่เป็นบุคคลที่ถูกวางตัวให้เป็นว่าที่แคนดิเดตนายกฯ ของพรรค

ที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีมีอดีต ส.ส.ออกมาแฉมีการซื้อเสียงเพื่อให้เป็นกรรมการบริหารพรรค ปชป.ว่า ข่าวที่ออกมากระทบต่อภาพลักษณ์ของพรรค แต่ในระบบของพรรคขอยืนยันไม่เคยมีการใช้เงินเพื่อให้ได้ตำแหน่ง แม้กระทั่งตำแหน่งรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรีและนายกรัฐมนตรี ดังนั้นคนที่เคยได้รับตำแหน่งควรระลึกถึงบุญคุณของพรรค โดยเฉพาะในช่วงนี้พรรคตกต่ำ ไม่เหมือนอดีตแล้ว จึงควรช่วยกัน ซึ่งในส่วนของตนหลังจากยุบสภาแล้วก็จะลงพื้นที่ช่วยหาเสียง และขอบคุณประชาชนที่เคยสนับสนุนพรรค โดยตนจะทำให้สุดความสามารถ เพราะตนเป็นหนึ่งในผู้ที่เคยสนับสนุนนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรค ซึ่งอาจจะเป็นช่วงท้ายๆ ของชีวิตที่มีโอกาสได้ทำงาน ทั้งนี้ หากพรรคโดดเด่นได้รับเสียงตอบรับที่ดี ตนก็อาจจะยุติบทบาท เพราะเป็น ส.ส.มา 16 สมัยแล้ว

 “เมื่อพรรคเป็นอย่างนี้ ก็ต้องหาทางช่วยหัวหน้าพรรคและกรรมการพรรคเพราะเราเป็นหนึ่งในคนที่เลือกเขามาเป็นหัวหน้าพรรค ผมก็บอกสมาชิกหลายคน ถ้าเราอยากเปลี่ยน ก็ต้องให้โอกาสเขาอยู่ให้ครบวาระ 4 ปี เมื่อนั้นถ้าเราอยากเปลี่ยนก็ค่อยว่ากัน อย่าไปทำอะไรในระหว่างที่เขากำลังทำงานหนัก โดยส่วนตัวนายจุรินทร์เคยเป็นเลขาฯ ผมมาก่อน ก็เห็นว่าเป็นคนเก่ง แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมทำโพลถึงไม่มีคะแนน และส่วนตัวเห็นว่าเป็นคนมีความสามารถสูง ผม นายบัญญัติ บรรทัดฐาน และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จึงสนับสนุนให้ท่านเป็นหัวหน้าพรรค เพราะมองว่าคนนี้น่าจะนำพรรคต่อไปได้ จึงช่วยเท่าที่สามารถทำได้ เมื่อยุบสภาก็จะลงพื้นที่ช่วยพรรคอย่างเต็มที่”นายชวนกล่าว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง