ประเทศไม่มีขัดแย้ง ‘บิ๊กตู่’มองคนละมุม‘พี่ป้อม’ ยันเดินตามประชาธิปไตย

"บิ๊กตู่” เมินจดหมาย “พี่ป้อม” โยงรัฐประหาร ลั่นครั้งสุดท้ายจบไปแล้ว ไม่เห็นมีอะไรขัดแย้ง ยันเดินตามประชาธิปไตยไม่ให้ใครลากออกนอกกติกา "ประวิตร" ต่อสายรั้ง “นิโรธ” อยู่พรรคต่อหลังโดน "รทสช." กล่อมให้ย้าย "นฤมล" แย้ม 16 มี.ค.เปิดรายละเอียดก้าวข้ามขัดแย้ง "พปชร." จัดปราศรัยใหญ่เมืองกรุง 18 มี.ค. "ชทพ." ดึง "อดีต ผอ.ออมสิน" ร่วมทีม ศก. "พท." ประกาศเป้าแลนด์สไลด์ 310 ส.ส.สร้างความเข้มแข็ง รบ.พรรคเดียว สกัดปัญหา ส.ว.เตะตัดขา "เศรษฐา" พักงานอสังหาฯ ลุยหาเสียงเต็มตัว เตรียมคิว 11-12 มี.ค.โชว์ตัว "เสี่ยนิด-อุ๊งอิ๊ง" บนเวทีหาเสียง "พิจิตร-พิษณุโลก"

ที่ทำเนียบรัฐบาล วันที่ 9 มี.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) โดยทันทีที่เห็นผู้สื่อข่าว พล.อ.ประยุทธ์ถามว่า ทำไมอยู่กันน้อย ผู้สื่อข่าวตอบว่า ไปทำข่าวพรรคการเมืองลงพื้นที่หาเสียงกัน พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า แล้วทำไมพวกเราไม่ไปกับเขา ผู้สื่อข่าวตอบว่า รอติดตามนายกรัฐมนตรีลงพื้นที่ พล.อ.ประยุทธ์จึงกล่าวว่า ขอบคุณมากนะจ๊ะ

ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้อ่านจดหมายฉบับล่าสุดของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์​กล่าวว่า ก็อ่านไปไม่เห็นมีอะไร ใครจะเขียนก็เขียนได้ทั้งนั้น ก็คิดเอาเองแล้วกัน

ถามว่า มีการย้อนพูดไปถึงเรื่องอำนาจนิยมคาบเกี่ยวกับรัฐประหาร พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า มันตั้งแต่ปีไหนมาแล้ว และตนมายืนตรงนี้มายืนด้วยอะไร รัฐธรรมนูญไม่ใช่เหรอ ด้วยระบบสภาไม่ใช่เหรอ ในช่วงก่อนนั้นตนก็จำเป็นต้องพูดนิดนึง ช่วงนั้นมันเกิดอะไรขึ้นในประเทศไทยลองดูสิ ถ้ามันไม่มีอะไรที่ทำให้ความขัดแย้งลดลงมันจะเกิดอะไรขึ้น ถึงวันนี้เราจะยืนอยู่แบบนี้ได้หรือเปล่ายังไม่รู้เลย

เมื่อถามว่า มองว่าวันนี้บรรยากาศไม่ได้มีความขัดแย้งอะไรถึงขั้นที่จะกลับไปแบบนั้นใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ตนไม่เห็นจะมีอะไรเลย เพียงแต่ว่าประชาชนทุกคนต้องคิดว่ามันเกิดอะไรขึ้นมาแล้วทุกอย่างจะพัฒนาได้ ประเทศนี้ต้องสงบเรียบร้อยมีความสุข คำว่ามีความสุขคือไม่มีความรุนแรงอะไรเกิดขึ้น อะไรทำนองนี้ อย่ากลับไปที่เดิมอีกเลย

ถามอีกว่า มองกันว่าถ้านายกฯ ไม่ได้กลับมา โอกาสรัฐประหารอาจเกิดขึ้น พล.อ.ประยุทธ์กล่าวย้อนว่า ใครจะรัฐประหารล่ะ เมื่อถามอีกว่า หากอีกฝั่งหนึ่งมาเป็นรัฐบาลแล้วเกิดความวุ่นวาย พล.อ.ประยุทธ์กล่าวย้ำว่า “แล้วใครจะทำๆ ผมถาม” เมื่อถามว่า ประเทศควรมีรัฐประหารอีกหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์​กล่าวว่า “ผมเคยพูดมาตั้งนานแล้ว ว่ามันครั้งสุดท้ายแล้วครั้งโน้น มันไม่ควรจะมีอะไรได้อีกแล้ว มันอยู่ที่พวกเรานั่นแหละจะช่วยกันได้อย่างไร ถ้าขัดแย้งกันรุนแรงกัน ผมก็ไม่รู้มันจะแก้ปัญหาด้วยอะไร ไม่รู้เหมือนกัน เพราะผมไม่เกี่ยวแล้ว”

พอถามว่า หลังจากนี้จะไปสู่ประชาธิปไตย พล.อ.ประยุทธ์ย้อนถามว่า แล้ววันนี้ไม่ใช่ประชาธิปไตยเหรอ เมื่อถามว่า หมายถึงการเลือกตั้งครั้งต่อไป พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ก็ประชาธิปไตยไง ทุกคนก็ต้องรักษากฎกติกา กฎหมายมีทุกตัว เมื่อถามว่า ข่าวรัฐประหารออกมาในช่วงนี้ที่จะมีการเลือกตั้ง มองว่าเป็นการดิสเครดิตตัวนายกฯ ใช่หรือไม่ เพราะก่อนหน้านี้นายกฯ เคยมาระบอบนั้น พล.อ.ประยุทธ์​กล่าวว่า เหรอ แต่มันนานแล้วนะ เมื่อย้ำถามว่า มองเป็นการดิสเครดิตตัวนายกฯ หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์​กล่าวว่า สื่อก็ถามมาแบบนี้อยู่แล้ว ก็แน่นอนต้องดิสเครดิตเราแน่นอน ตนได้อธิบายชี้แจงไปหลายครั้ง ในสภาก็พูด อะไรก็พูด ก็คิดเองแล้วกัน

'ตู่' ยึดกติกาประชาธิปไตย

พล.อ.ประยุทธ์ยืนยัน พล.อ.ประวิตรเขาเป็นพี่เหมือนเดิมแหละ ไม่มีอะไร การออกมาสื่อสารทางการเมืองก็มีคนช่วยท่านเยอะอยู่แล้ว เมื่อถามว่า มาจากคนรอบข้างหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ไม่รู้ไม่ทราบ เมื่อถามอีกว่า พิจารณาจากคำพูดคิดว่าไม่ใช่ตัวตนของ พล.อ.ประวิตรหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ไม่ทราบๆ ไม่รู้ เมื่อถามว่า คิดว่า พล.อ.ประวิตรเป็นคู่แข่งที่น่ากังวลหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ตนไม่ได้ไปแข่งอะไรกับท่าน ที่ตนพูดวันนั้นหมายความว่า ให้มองในมุมมองภาพใหญ่กับสิ่งที่รัฐบาลทำในตอนนี้เข้าใจไหม ทุกคนเก่งหมด หลายคนอาจจะมองว่าตนไม่มีความรู้ทางเศรษฐกิจ ตนอยู่มาหลายปีแล้วก็ศึกษาและมีคนเก่งๆ อยู่กับตนตั้งเยอะแยะเป็นร้อยใช่หรือไม่

พอถามว่า ในฐานะที่อยู่พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) มองว่าพรรคไหนเป็นพรรคคู่แข่งตัวจริงที่น่ากลัว พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ไม่รู้เหมือนกัน ทุกพรรคแหละ เพราะทุกพรรคก็แข่งกันหมด เมื่อถามว่า พล.อ.ประวิตรชูจุดขายเรื่องก้าวข้ามความขัดแย้ง พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า แล้วมันขัดแย้งตอนไหน เมื่อถามว่า เป็นเรื่องของขั้วอำนาจอนุรักษนิยมกับเสรีนิยมประชาธิปไตย พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ขั้วอะไรตนไม่มีขั้วสักขั้ว คิดกันเองหมด อย่าสร้างความสับสนอลหม่านมากนักเลย ใครพูดอะไรเอามาขยายหมดมันก็มีแต่เรื่องนั่นแหละ ฉะนั้นจะไม่พูดอะไรในเรื่องพวกนี้ มันจบไปแล้วก็จบไปแล้วของเก่า วันนี้เดินหน้าประเทศท่ามกลางความสงบสุขเรียบร้อยของประเทศชาติไม่ดีกว่าหรอใช่ไหม ก็คิดแค่นี้แหละ ที่ผ่านมาผมก็คิดแบบนี้มาตลอด

"ตอนนี้ความขัดแย้งมันไม่มี จะมีตรงไหน ผมไม่เห็นมีอะไรขัดแย้งทั้งสิ้น แต่ถ้าความเห็นต่างโอเค รับได้ ถ้าความขัดแย้งมันต้องต่อยตีกัน ใช่ไหม ต่อยตีกันหรือทำอะไรสักอย่าง ทุกคนก็ทราบดีอยู่แล้วหลายปีที่ผ่านมามันเกิดมาแล้ว อย่าให้มันเกิดอีก” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

ถามว่า มองอย่างไรกับการที่นายกฯ พยายามจะสู้บนระบอบประชาธิปไตยตามกติกา แต่ก็มีคนพยายามลากนายกฯ ออกมาเล่นนอกกติกา พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “อ้าว เรื่องอะไรผมจะให้เขาลากออกไปเล่า ผมก็อยู่ในกติกาของผม กติกาของประชาธิปไตย วันนี้จากต่างประเทศประเมินประเทศไทยอันดับขึ้นเรื่องประชาธิปไตยดูตรงนั้นสิ โลกลงคะแนนกันมาแล้วคะแนนเราสูงขึ้นแล้ว มาบอกว่าเราไม่มีประชาธิปไตยตรงไหน ผมไม่เข้าใจ”

นายกฯ กล่าวถึงอาการมือเจ็บว่า ยังต้องให้ยาฆ่าเชื้อทุกวัน เมื่อถามว่า สามารถลงพื้นที่หาเสียงได้ใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์​กล่าวว่า ไปด้วยหัวใจ

ทั้งนี้ ช่วงท้ายการให้สัมภาษณ์ ก่อนเดินขึ้นตึกไทยคู่ฟ้า พล.อ.ประยุทธ์ได้จับต้นดอกแก้วด้วยมือขวาที่เจ็บ โดยสื่อมวลชนได้ทักว่านายกฯ ใช้มือข้างเจ็บอีกแล้ว จึงทำให้ พล.อ.ประยุทธ์หยุดใช้มือและก้มลงไปดมดอกแก้วแทน

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า วันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ได้ถอด Arm-Sling หรือที่ช่วยพยุงแขน และมือข้างซ้ายได้ถอดอุปกรณ์ทางการแพทย์ออกเช่นกัน เหลือเพียงใส่เฝือกอ่อนที่มือด้านขวาเท่านั้น

นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในวันที่ 10 มี.ค. พล.อ.ประยุทธ์พร้อมคณะมีกำหนดลงพื้นที่ตรวจราชการ จังหวัดฉะเชิงเทรา เพื่อเป็นประธานในพิธีเปิดสวนสาธารณเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พ.ศ.2562 โดยช่วงเวลา 14.30 น. นายกฯ จะเดินทางไปยังวัดโสธรวรารามวรวิหาร เพื่อสักการะหลวงพ่อพระพุทธโสธร และกราบนมัสการพระราชภาวนาพิธาน เจ้าอาวาสวัดโสธรวรารามวรวิหาร ก่อนเป็นประธานพิธีเปิดช่วงเวลา 16.00 น.

ที่พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) นายโกวิทย์ พวงงาม หัวหน้าพรรคพลังท้องถิ่นไท เดินทางมาสมัครเป็นสมาชิกพรรค รทสช. โดยมีนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค และนายชัชวาลล์ คงอุดม รองหัวหน้าพรรคให้การต้อนรับ พร้อมสวมเสื้อสัญลักษณ์พรรคให้กับนายโกวิทและสมาชิกพรรคที่ตามมาด้วย

'บิ๊กป้อม 'รั้ง 'นิโรธ 'อยู่ต่อ

ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) มีรายงานว่า ในการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค พปชร. ที่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรค พปชร. เป็นประธานเมื่อช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ปรากฏว่า บรรดากรรมการบริหารพรรคเดินทางมาประชุมกันเกือบทั้งหมด ขาดเพียงบางรายเท่านั้น โดยเฉพาะนายนิโรธ สุนทรเลขา ส.ส.นครสวรรค์ และประธานวิปรัฐบาล ซึ่งเป็นกรรมการบริหารพรรคด้วย โดยกรรมการบริหารพรรคคนอื่นๆ ต่างสอบถามกันว่านายนิโรธจะเอาอย่างไร อยู่หรือไป เพราะก่อนหน้านี้มีข่าวว่าถูกชวนไปอยู่กับพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ขณะที่ พล.อ.ประวิตรแจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า นายนิโรธป่วยและได้ลาประชุมต่อหัวหน้าพรรคแล้ว

"มีช่วงหนึ่ง พล.อ.ประวิตรได้ต่อโทรศัพท์หานายนิโรธถึงความชัดเจนว่าจะอยู่หรือไป ซึ่งนายนิโรธอ้างว่า กำลังเจรจากับคนใกล้ชิดรายหนึ่งของ พล.อ.ประยุทธ์อยู่ ทำให้ พล.อ.ประวิตรบอกกับนายนิโรธทำนองว่า ไม่ต้องไป อยู่ที่นี่แหละ" แหล่งข่าวระบุ

ส่วนนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรค แถลงภายหลังเปิดเวทีแลกเปลี่ยนความคิดเห็นของผู้สมัคร ส.ส.และตัวแทนชุมชนเพื่อนำไปสู่การขับเคลื่อนนโยบาย พปชร.ภายใต้หัวข้อ ‘นำไปสู่สิ่งที่พบเห็น เมื่อลงพื้นที่’ โดยมีว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ของ กทม.และตัวแทนชุมชนเข้าร่วมว่า จะมีการประชุมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในลักษณะนี้ทุกวันพฤหัสบดีเพื่อรับฟังความเห็น

นางนฤมลกล่าวว่า เวทีครั้งต่อไปในวันที่ 16 มี.ค. จะเป็นเรื่องสังคมตามสโลแกนก้าวข้ามความขัดแย้ง ซึ่งมีคำถามกลับมาเยอะเรื่องความขัดแย้งว่าจะก้าวข้ามเรื่องไหนบ้าง โดยจะเป็นเวทีที่ผู้สมัคร ส.ส.และเครือข่ายที่เกี่ยวข้องมาร่วมกันทำให้ประเทศไทยและ กทม.ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีความขัดแย้งหลายด้านมาตกผลึกกันว่า จะนำพา กทม.และประเทศไทยไปข้างหน้าได้อย่างไร" นางนฤมลกล่าว 

"ในช่วงเย็นวันที่ 18 มี.ค.จะมีเวทีปราศรัยใหญ่ของ พปชร.ที่ กทม. โดยจะเปิดตัวผู้สมัคร ส.ส.กทม.ทั้ง 33 เขต มีการปราศรัย ส่วนสถานที่เบื้องต้นขณะนี้กำลังติดต่อใช้ลานคนเมือง กทม.แล้ว ต้องรอผลก่อน และในวันนั้น พล.อ.ประวิตรจะเดินทางไปด้วย" นางนฤมลกล่าว

ถามว่า พรรคตั้งเป้าจะได้ ส.ส.กทม.เท่าไหร่ หลังจากรอบที่แล้วได้ ส.ส.มา 12 คน นางนฤมลกล่าวว่า จะพยายามทำให้ได้มากกว่าเดิม เพราะเชื่อมั่นผู้สมัคร ส.ส.กทม.ของพรรคมีของดีอยู่ในตัว เมื่อถามย้ำว่า พล.อ.ประวิตรตั้งเป้าอยากได้ ส.ส.กทม.มากกว่าเดิม นางนฤมลกล่าวว่า อยากได้ที่นั่ง ส.ส.กทม. 12+ ขึ้นไป 

ขณะที่ นายนิกร จำนง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) กล่าวถึงทีมเศรษฐกิจของพรรค ชทพ.ว่า ทีมเศรษฐกิจของพรรคจะมีนายสันติ กีระนันทน์ นายกนก วงษ์ตระหง่าน และเตรียมจะเปิดตัวนายชาติชาย พยุหนาวีชัย อดีต ผอ.ธนาคารออมสิน เป็นทีมเศรษฐกิจที่มีความพร้อมทุกมิติ

"ตอนนี้ขุนพลแต่ละด้านครบ แม่ทัพแต่ละด้านก็พร้อม ด้านการเมืองผมดูแล ด้านสังคม เศรษฐกิจฐานราก นายกนกเป็นคนดูแล ขณะที่ตลาดเงิน ตลาดทุน นายสันติจะเป็นคนดู ครบเครื่องครบถ้วนหมดแล้ว ตั้งแต่ฐานรากไปจนถึงตลาดทุน ตลาดหุ้น เป็นการพร้อมมากที่สุดแล้ว" นายนิกรกล่าว

ถามว่า กำหนดการหาเสียงของพรรค ชทพ.เป็นอย่างไร นายนิกรกล่าวว่า เราจะออกไปนำเสนอนโยบายและไปปราศรัยที่ จ.สุพรรณบุรี ซึ่งเป็นฐานที่มั่นที่ซีลหมดแล้ว ทุกสนามเคาะแล้ว ใครจะเข้าไปก็ได้ลองดู และเราจะกลับไปอีกรอบหนึ่ง คือเราจะแพ้ไม่ได้ ป้องกันด้วยชีวิต พื้นที่อื่นในภาคกลางจะไปที่ จ.เพชรบุรี และภาคเหนือที่ จ.เชียงราย แม่ฮ่องสอนก็มีว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ที่ค่อนข้างที่มีน้ำหนัก ภาคอีสานมีพื้นที่หลักคือ จ.ร้อยเอ็ด และพื้นที่อื่นอีก 3-4 จังหวัด ส่วนพื้นที่ภาคใต้อาจจะส่งบางเขต นอกจากนี้ เราจะไม่ส่ง จ.อ่างทองและบุรีรัมย์ เพราะเป็นเรื่องของมารยาท และไม่อยากให้ใครเสียความรู้สึก

ที่ดีอามาน โฮเต็ล แอนด์ รีสอร์ท จังหวัดสงขลา น.ส.วทันยา บุนนาค ประธานคณะทำงานนวัตกรรมการเมือง พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) พร้อมด้วย พล.ต.ต.สุรินทร์ ปาลาเร่ ส.ส.สงขลา พรรค ปชป. ร่วมงานวันสตรีมุสลิมต้อนรับเดือนรอมฎอน จังหวัดสงขลา ซึ่งจัดโดยสมาคมสมาพันธ์สตรีมุสลิมประเทศไทย สมาคมสตรีมุสลิม 14 จังหวัดภาคใต้ ร่วมกับสมาคมสตรีจิตอาสาจังหวัดสงขลา โดย น.ส.วทันยาได้ใส่ผ้าคลุมฮิญาบเป็นครั้งแรกด้วย

ลั่น 310 เสียงแลนด์สไลด์

วันเดียวกัน นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ในฐานะประธานอำนวยการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI ทวีตข้อความผ่านทวิตเตอร์ @Thavisin ระบุ “เพื่อแสดงความตั้งใจจริง วันนี้ผมได้ลางานชั่วคราวโดยไม่รับค่าตอบแทนเพื่อปฏิบัติหน้าที่ ในฐานะประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ได้เต็มที่”

ทั้งนี้ นายเศรษฐาได้แนบเอกสารระบุถึงผู้บริหาร เพื่อนพนักงานในเครือแสนสิริทุกท่าน ในฐานะพนักงานแสนสิริคนหนึ่ง เนื้อหาโดยรวมคือการขอลางานชั่วคราวโดยไม่ขอรับค่าตอบแทน เพื่อไปลงมือทำงานพัฒนาประเทศไทยให้ดียิ่งขึ้น ตามที่ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย

ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) มีการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2566 นำโดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย, นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และคณะผู้บริหาร สมาชิกพรรค เข้าร่วมการประชุม 

นพ.ชลน่านกล่าวปาฐกถาพิเศษตอนหนึ่งระบุว่า เราเคยประกาศยุทธศาสตร์และเป้าหมายของการชนะเลือกตั้งอย่างถล่มทลายคือแลนด์สไลด์ทั้งแผ่นดิน ต้องได้ ส.ส.มากกว่า 250 ที่นั่งขึ้นไป แต่ในเวลานี้สิ่งที่เรามุ่งหวังตรงนั้น และสิ่งที่เราวางแนวทางเอาไว้ว่าจะต้องชนะ ส.ว. 250 ที่นั่ง ที่มีอยู่ในวุฒิสภา เมื่อถึงเวลานี้กราบเรียนด้วยความมั่นใจว่าเราไม่กังวลกับหน้าที่และอำนาจของ ส.ว.ต่อไปอีกแล้ว เพราะเรามีความมั่นใจว่าเราผ่านจุด 250 เสียงขึ้นมาแล้ว

"ในเวทีนี้ผมจึงกล้าที่จะเชิญชวนทุกท่านประกาศคือ เราต้องได้อำนาจจากพี่น้อง 310 เสียงขึ้นไป ซึ่งเป็นเสียงที่จะบอกกับผู้มีอำนาจขณะนี้ว่าเราต้องการกำจัดให้สิ้นซากซึ่งระบอบประยุทธ์ เป็นระบอบที่อันตรายมาก ที่ทำลายโอกาสของพี่น้องประชาชน ดังนั้น 310 เสียงเป็นหมุดหมายที่สำคัญที่เราจะร่วมสู้ร่วมก้าวกันต่อไป เพื่อให้ได้รัฐบาลของพี่น้องประชาชนอย่างแท้จริงคือรัฐบาลของพรรคเพื่อไทยเรา” นพ.ชลน่านกล่าว 

นพ.ชลน่านให้สัมภาษณ์ถึงเป้าหมายแลนด์สไลด์ 310 เสียงว่า เป็นการตั้งเป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์ที่เราต้องมุ่งมั่น เพราะ 310 เสียงจะเป็นรัฐบาลที่เข้มแข็ง แข็งแรง สามารถที่จะกำจัดระบอบประยุทธ์ให้ออกไปได้ ซึ่งเป็นเป้าหมายที่วางไว้และต้องไปถึงเป้าหมายให้ได้

ส่วน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ประธานที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรมพรรค พท. และหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย กล่าวถึงการประกาศเป็นรัฐบาลพรรคเดียวว่า จริงๆ อยากเป็นรัฐบาลที่เข้มแข็ง เป็นรัฐบาลที่ไม่ถูกล้มด้วย ส.ว. ไม่สามารถถูกแต่งตั้งนายกฯ ได้ด้วย ส.ว. เราอยากเป็นรัฐบาลที่จัดตั้งนายกฯ ได้โดยประชาชน เพราะเป็นสิ่งสำคัญที่สุดอย่างที่เคยพูดไว้ทุกเวที

 “จริงๆ เราต้องช่วยกัน ที่หัวหน้าพรรค พท.ประกาศเรื่อง 310 เสียงเป็นเรื่องใหญ่มาก ต้องมีทุกคนทั้งหัวหน้า เลขาฯ พรรค นายเศรษฐาและทุกคนที่ต้องช่วยกันทุกจุด เราไม่สามารถทำได้เพียงคนเดียว เพราะนี่คือการใหญ่มากๆ เราต้องเดินหน้าเต็มที่” น.ส.แพทองธารกล่าว

หัวหน้าครอบครัว พท.กล่าวถึงกรณีพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ มีจดหมายเชิญชวนทั้งสองขั้วการเมืองก้าวข้ามความขัดแย้งว่า เราไม่ได้มองหาความขัดแย้งอยู่แล้ว ส่วนเรื่องการจับมือทางการเมืองนั้น ยังเร็วไปมากที่จะบอกว่าเราจะร่วมกับใคร ทั้งนี้ เรามองหาคนที่มีอุดมการณ์ประชาธิปไตยเหมือนกัน อุดมการณ์เรื่องปากท้อง เอาประชาชนเป็นที่ตั้ง 

ส่วนนายเศรษฐา กล่าวถึงจดหมายขอลางานชั่วคราวกับทาง บ.แสนสิริฯ ว่า คิดว่าเป็นเรื่องที่แฟร์กับทุกคน เพราะการที่ตนเดินมาสู่สนามการเมือง เราก็อยากทุ่มเทให้เต็มที่กับการเลือกตั้งครั้งนี้

ถามว่าจะได้เห็นนายเศรษฐาและ น.ส.แพทองธารขึ้นเวทีปราศรัยของพรรคพท.ที่ จ.พิจิตรและพิษณุโลกช่วงสุดสัปดาห์นี้หรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า เป็นเรื่องของการนำเสนอนโยบาย ที่ผ่านมา น.ส.แพทองธารและทีมงานทำไว้ดีแล้ว ตนแค่เข้ามาเป็นตัวเสริม ซึ่งตนพร้อมจะขึ้นเวทีปราศรัย

ส่วนนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยเตรียมลงพื้นที่และจัดเวทีปราศรัยที่จังหวัดพิจิตรและพิษณุโลก ระหว่างวันที่ 11-12 มี.ค. ไฮไลต์สำคัญคือจะเป็นครั้งแรกที่ น.ส.แพทองธารและนายเศรษฐาจะขึ้นเวทีปราศรัยครั้งแรก.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง