สั่งดูแลครบวงจร แจกชุดตรวจรังสี คลายกังวลปชช.

ผู้ว่าฯ ปราจีนฯ ล้อมคอกซีเซียม-137 แจกเครื่องตรวจวัดค่ารังสีให้ชาวบ้านในรัศมี 5 กม.รอบโรงงาน หวังลดความกังวลเสี่ยงรังสี ขณะที่โฆษกรัฐบาล ชี้นายกฯ สั่งเกาะติดสถานการณ์ความปลอดภัยครบวงจรสิ่งแวดล้อม ดิน น้ำ อากาศ เผยผลตรวจเลือดคนงานล่าสุดอยู่ในเกณฑ์ปกติ กางแผนทำงานเชิงรุก เปิดสายด่วน 24 ชม.-สธ.ดูแลระยะยาว 5 ปี  วอน ปชช.ไม่ตื่นตระหนก ขณะที่ รมว.กษ. ออกโรงการันตีความปลอดภัยสินค้าเกษตรในพื้นที่

เมื่อวันพุธ นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง   ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ติดตามเหตุการณ์กรณีการปนเปื้อนวัสดุกัมมันตรังสี ซีเซียม-137 (Cesium, Cs-137) ในโรงงานหลอมโลหะจังหวัดปราจีนบุรีอย่างต่อเนื่อง สั่งการ กำชับแนวทางการทำงาน ป้องกันผลกระทบ วางแนวทางแก้ไขระยะยาวเพื่อปกป้องประชาชน รวมทั้งสั่งการให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติส่งชุดเฉพาะกิจลงพื้นที่ไปตรวจสอบหาข้อเท็จจริงซีเซียม-137 หายออกจากโรงงานได้อย่างไร เพื่อหาตัวคนผิดมาลงโทษตามกฎหมายให้ได้

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี  ระบุด้วยว่า กรมควบคุมมลพิษได้รายงานสรุปผลการตรวจวัดระดับรังสีในอากาศ วันที่ 21 มีนาคม 2566 บริเวณพื้นที่ 6 จุด รอบโรงงานและพื้นที่ชุมชน พบค่าระดับของรังสีอยู่ในช่วงของค่ารังสีพื้นหลังตามธรรมชาติ (natural background radiation) ซึ่งสรุปได้ว่าไม่พบการปนเปื้อนสารกัมมันตรังสีซีเซียม-137 ในพื้นที่ชุมชนโดยรอบ

 “จังหวัดปราจีนบุรีได้ประกาศให้กันบริเวณโรงงานเป็นเขตควบคุม พร้อมยืนยันว่าซีเซียม-137 ที่ปนเปื้อนในฝุ่นโลหะถูกควบคุมและกำจัดอยู่ในพื้นที่เฉพาะ และดำเนินการตรวจหาสารปนเปื้อนในร่างกายของพนักงานทุกคนรวม 70 คน ทำการตรวจหาสารปนเปื้อนในร่างกายของพนักงาน แต่ไม่มีสารปนเปื้อนตามร่างกายของพนักงาน สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติได้ยืนยันว่า สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติอยู่ในพื้นที่และทำการตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง โดยมีความมั่นใจว่ายังไม่พบสารปกติ และได้มอบเครื่องตรวจวัดระดับรังสีแก่พี่น้องประชาชนในพื้นที่ติดตัวไว้ ซึ่งหากมีรังสีเครื่องตรวจวัดจะแสดงค่ารังสีปรากฏให้เห็น โดยให้แจ้งเจ้าหน้าที่ทันที” นายอนุชาระบุ

นายอนุชากล่าวด้วยว่า กระทรวงสาธารณสุขได้วางแผนรับมือหากเกิดการปนเปื้อนในร่างกาย แต่จนถึงขณะนี้ผลการตรวจสุขภาพเจ้าหน้าที่ในโรงหลอมและชาวบ้านโดยรอบ ยังไม่พบการปนเปื้อน และล่าสุดได้เปิดสายด่วน 24 ชั่วโมง ให้ประชาชนโทร.สอบถามข้อมูลหากสงสัยว่าเสี่ยง ส่วนการตรวจสุขภาพชาวบ้านรอบโรงงาน อยู่ในแผนการตรวจอยู่แล้ว โดยตั้งเป้าว่าจะต้องติดตามสถานการณ์ต่อไปอย่างน้อย 5 ปี

ทั้งนี้ ข้อมูลจาก ศ.นพ.วินัย วนานุกูล หัวหน้าศูนย์พิษวิทยาและหัวหน้าภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดเผยว่า ความรุนแรงของซีเซียม-137 ซึ่งเป็นสารกัมมันตรังสีรังสีที่มีผลต่อร่างกาย ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น ปริมาณของรังสีที่ได้รับ ระยะเวลาที่ได้รับ ส่วนของร่างกายที่ได้รับ โดยกลุ่มเสี่ยงคือผู้ปฏิบัติงานอยู่ในบริเวณหรือช่วงเวลาที่เกิดเหตุ อย่างไรก็ตาม จากรายงานค่าปริมาณรังสีในอากาศและตัวอย่างดินรอบๆ บริเวณพบว่ายังมีค่าใกล้เคียงกับปริมาณรังสีพื้นหลัง ซึ่งไม่เป็นอันตรายต่อชีวิต

 “ยืนยันว่าจนถึงตอนนี้ยังไม่มีรายงานปัญหาสุขภาพของประชาชนจาก ซีเซียม-137 การตรวจเลือดของคนงานยังอยู่ในเกณฑ์ปกติ และจะตรวจซ้ำอีกในวันที่ 5 เมษายน 2566 ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้ดูแลความปลอดภัยของประชาชนและดูแลการปนเปื้อนในสิ่งแวดล้อมทุกจุดรัศมีโดยรอบ ทั้งดิน น้ำ อากาศ ทั้งนี้ รัฐบาลได้วางยุทธศาสตร์การทำงานตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ขึ้นแล้วอย่างต่อเนื่อง เฝ้าระวังอย่างสูงสุด เพื่อไม่ให้ประชาชนได้รับอันตรายจากสารกัมมันตรังสี ขอให้ประชาชนไม่ตระหนก ปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างต่อเนื่อง และตรวจสอบข่าวสารจากแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้” โฆษกประจำสำนักนายกฯ ระบุ

ที่ จ.ปราจีนบุรี ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงเช้าที่ผ่านมา นายรณรงค์ นครจินดา ผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี ลงพื้นที่พูดคุยทำความเข้าใจกับชาวบ้านในชุมชนพื้นที่ อบต.หาดนางแก้ว อ.กบินทร์บุรี รอบโรงงานถลุงเหล็กที่พบฝุ่นแดงปนเปื้อนสารกัมมันตรังสีซีเซียม-137 โดยเล่าสถานการณ์ที่มาที่ไปของเหตุการณ์ ขณะนี้ได้ปิดโรงงานชั่วคราว และดำเนินการตามขั้นตอนในการตรวจวัดปริมาณกัมมันตรังสีรังสีบริเวณจุดที่พบการปนเปื้อน ปิดพื้นที่ห้ามผู้ไม่เกี่ยวข้องเข้าไป ตรวจวัดรังสีพื้นที่จุดต่างๆ ภายในโรงงาน รวมทั้งตรวจสุขภาพคนงาน ซึ่งเบื้องต้นทุกคนปลอดภัย และตรวจวัดรังสีพื้นที่ชุมชนโดยรอบ ยืนยันว่ายังปลอดภัยและชาวบ้านยังใช้ชีวิตได้ตามปกติ

ผู้ว่าฯ ปราจีนบุรียังระบุด้วยว่า เจ้าหน้าที่สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ ร่วมกับ ปภ. ยังลงพื้นที่ตรวจวัดรังสีในดิน น้ำ และอากาศ ชุมชนรอบโรงงาน ซึ่งเมื่อวานนี้ตรวจไป 4 ชุมชน รัศมี 3 กิโลเมตร พบว่าระดับปริมาณรังสีอยู่ในระดับเท่ากับปริมาณรังสีในธรรมชาติ ส่วนวันนี้จะขยายการตรวจเป็น 9 จุด รัศมี 10 กิโลเมตร ผู้ว่าฯ บอกว่าเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับชาวบ้าน ยืนยันจะทำให้พี่น้องคลายกังวลให้ได้

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ในวันนี้เจ้าหน้าที่สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติยังนำเครื่องตรวจวัดรังสีเฉพาะบุคคล ใช้ในการประเมินรังสีในระยะยาว จำนวน 50 เครื่อง มาให้ชาวบ้านอาสาสมัครในพื้นที่รัศมี 5 กม.รอบโรงงาน ติดไว้ในชีวิตประจำวัน โดยจะมีแถบบันทึกวัดค่ารังสีติดอยู่ เมื่อครบ 1 เดือนจะนำไปตรวจวัด ซึ่งเป็นเครื่องมือมาตรฐานที่ใช้ตรวจวัด และหากใครกังวลว่าตัวเองเสี่ยงจะได้รับรังสี เจ้าหน้าที่ก็พร้อมตรวจเก็บตัวอย่างปัสสาวะไปตรวจเพิ่มเติม

ด้านเกษตรกรในพื้นที่ระบุว่า ขณะนี้เริ่มได้รับผลกระทบแล้ว ผลผลิตถูกตีกลับ มะปรางต้องปล่อยร่วงคาต้น เนื่องจากตลาดกังวลเรื่องความปลอดภัยจะปนเปื้อนรังสี ส่วนที่สวนลุงเดช ตอนนี้มีมะม่วงหลายพันธุ์ที่เตรียมออกสู่ตลาดช่วงหลังสงกรานต์ นอกจากนี้ยังปลูกมะม่วงหิมพานต์ ขนุน น้อยหน่า จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ให้สังคมรับทราบในวงกว้างว่าในพื้นที่มีความปลอดภัย โดยทางเจ้าหน้าที่กรมอนามัยได้เข้าเก็บตัวอย่างผลผลิตเพื่อนำไปตรวจยืนยันผลทางห้องปฏิบัติการ และจะออกใบรับรองความปลอดภัยให้ เกษตรกรจึงคลายกังวล

ขณะที่ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์   กล่าวยืนยันว่ายังไม่มีสารปนเปื้อนดังกล่าวในสินค้าเกษตร เพราะจากการตรวจสอบ โดยเฉพาะบริเวณรอบโรงงานที่เป็นข่าว มีปริมาณสารปนเปื้อนอยู่ในอากาศยังไม่อยู่ในระดับที่อันตรายและยังไม่เกินมาตรฐาน

 “จึงให้ความมั่นใจได้ว่าสินค้าเกษตรยังมีความปลอดภัย 100% และมีการจัดเจ้าหน้าที่ลงไปตรวจสอบและประสานงานร่วมกับหน่วยงานอื่นๆ ที่มีหน้าที่ในการตรวจสอบสารปนเปื้อนนี้ เชื่อว่าไม่มีผลกระทบต่อสินค้าเกษตรอย่างแน่นอน” นายเฉลิมชัยระบุ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ชงไทยบี้เมียนมา งดขายน้ำมันให้ เจรจาสันติภาพ

"โรม" เสนอให้ไทยงดขายน้ำมันให้ "เมียนมา" ปูดใช้ไทยฟอกเงินเครือข่ายซื้ออาวุธที่ใช้ปฏิบัติการ เตือนถูกดึงไปเอี่ยวร่วมฆ่าล้างเผ่าพันธุ์