เปราะบางเฮ! จ่ออุ้มค่าไฟต่อ ขอกกต.ไฟเขียว

“สุพัฒนพงษ์” แจงเป็นรัฐบาลรักษาการทำอะไรไม่ได้มาก หลัง กกพ.เคาะค่าไฟ 4.77 บาท/หน่วย งวด พ.ค.-ส.ค. ยันอุ้มกลุ่มเปราะบางต่อ จ่อชง ครม.อนุมัติงบกลางเพิ่มเติม พร้อมขอไฟเขียวจาก กกต.

ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 28  มีนาคม นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์   รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวถึงกรณีคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ประกาศอัตราค่าไฟฟ้าเดือน พ.ค.-ส.ค. 2566 อยู่ที่ 4.77 บาทต่อหน่วย ในอัตราเดียวกันทั้งภาคครัวเรือนและภาคอุตสาหกรรมว่า ได้รับรายงานมาจาก กกพ.แล้ว ได้มีการสอบถามข้อมูลว่าการคำนวณอัตราค่าไฟนั้นทำถูกต้องหรือไม่ ทั้งในส่วนต้นทุนของการผลิตไฟฟ้า และในส่วนที่คำนวณที่เกี่ยวข้องกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯ (กฟผ.) ที่รับภาระค่าไฟฟ้าให้ประชาชนไปก่อนกว่าแสนล้านบาท ซึ่งได้รับการชี้แจงว่าข้อมูลคำนวณถูกต้อง

เมื่อถามว่า อัตราค่าไฟที่ 4.77 บาทต่อหน่วยนั้น เพิ่มขึ้นจากงวดนี้ (ม.ค.-เม.ย.66) 5 สตางค์/หน่วย ซึ่งต่างจากที่รัฐบาลเคยบอกว่าจะตรึงค่าไฟฟ้าเอาไว้สำหรับภาคครัวเรือนที่ 4.72 บาทต่อหน่วย นายสุพัฒนพงษ์กล่าวว่า ต้องยอมรับว่าทำอะไรไม่ได้มาก เนื่องจากตอนนี้เป็นคณะรัฐมนตรี (ครม.) รักษาการแล้ว ไม่ได้มีอำนาจเต็ม

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของค่าไฟฟ้าที่ช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300 หน่วยต่อเดือน ที่รัฐบาลได้ช่วยเหลือมาต่อเนื่อง และได้มีการของบประมาณจากงบกลางรายการสำรองจ่ายกรณีฉุกเฉินและจำเป็นปี 2566 ไว้ช่วยเหลือประชาชนในเดือน เม.ย.แล้ว หลังจากนั้นในเดือนต่อๆ ไป ก่อนที่จะมีรัฐบาลใหม่ รัฐบาลพร้อมจะเสนอ ครม. เพื่อของบกลางเพิ่มเติม โดยเมื่อ ครม.อนุมัติแล้วจะขอความเห็นชอบในการใช้งบประมาณจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อให้สามารถใช้งบประมาณในส่วนนี้ได้

ส่วนกรณีนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ที่ปรึกษานโยบายของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงนโยบายลดราคาแก๊สหุงต้ม 15 กิโลกรัม เหลือถังละ 250 บาทนั้น นายสุพัฒนพงษ์กล่าวว่า ต้องถามว่าทำได้จริงหรือไม่ เพราะทำแล้วมีค่าใช้จ่ายมาก ใครอยากจะพูดอะไร ก็ต้องดูว่าทำแล้วเหมาะสมหรือไม่ และเป็นภาระประเทศหรือไม่ พูดแล้วก็ต้องรับผิดชอบด้วย.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง