ศาลพิพากษาจำคุกม็อบ กปปส. ขัดขวางการเลือกตั้งปี 2556 ตั้งแต่ 18-24 เดือน ไม่รอลงอาญา ส่วนคดีม็อบ 3 นิ้วป่วนหน้าศาล ดูหมิ่นผู้พิพากษา กดดันปล่อยตัวผู้ต้องหา 112 จำคุกผู้ต้องหากราวรูด
เมื่อวันที่ 28 มี.ค. ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีม็อบขัดขวางรับสมัคร ส.ส. คดีดำ อ.231/2565 ที่พนักงานอัยการคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ ฟ้องนายชานนท์ ขันทอง กับพวกรวม 13 คน ซึ่งเป็นมวลชนการชุมนุม กปปส. เป็นจำเลย ในความผิดฐานร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปก่อความวุ่นวายในบ้านเมืองฯ
โดยอัยการโจทก์นำคดีมายื่นฟ้องต่อศาลเมื่อวันที่ 3 ก.พ.2565 ระบุฟ้องความผิดสรุปว่า เมื่อวันที่ 26 ธ.ค.2556 เวลากลางวัน จำเลยกับพวกอีกหลายคนที่ยังไม่ได้ตัวมาฟ้องร่วมกัน มีและใช้อาวุธโดยข่มขู่ ประทุษร้ายเจ้าหน้าที่ ถอยรถขนขยะชนประตูเพื่อเปิดทางแล้วปิดล้อมประตูทางเข้าที่ 1 และ 2 ของศูนย์เยาวชนไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง ก่อนบุกเข้าไปในภายอาคารกีฬาเวสน์ 2 ปิดล้อมอาคารขัดขวางมิให้เจ้าหน้าที่ กกต.ประจำหน่วยเลือกตั้งปฏิบัติหน้าที่รับสมัครเลือกตั้ง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ระหว่างวันที่ 23-27 ธ.ค.56 เวลา 08.30 น.-16.30 น.
ศาลพิเคราะห์เเล้วการกระทำของจำเลยทั้ง 13 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 215 วรรคสอง, 216, 365 (1) (2) ประกอบมาตรา 362, 364 พ.ร.ป.ว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ.2550 มาตรา 43 วรรคสอง (เดิม) ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 การกระทำของจำเลยทั้ง 13 เป็นกรรมเดียว เป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานร่วมกันบุกรุกอสังหาริมทรัพย์และเคหสถาน โดยใช้กำลังประทุษร้ายหรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย โดยมีอาวุธหรือโดยร่วมกันกระทำความผิดตั้งแต่สองคนขึ้นไป ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90ให้จำคุกคนละ 2 ปี เพิ่มโทษจำเลยที่ 2 หนึ่งในสาม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 92 เป็นจำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 2 ปี 8 เดือน
จำเลยที่ 1-9 และที่ 11-13 ให้การในชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้หนึ่งในสี่ จำเลยที่ 10 ให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุกจำเลยที่ 1 ที่ 3-9 และที่ 11-13 คนละ 18 เดือน จำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 24 เดือน จำคุกจำเลยที่ 10 มีกำหนด 16 เดือน พิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีแล้วเห็นว่าพฤติการณ์แห่งคดีเป็นเรื่องร้ายแรงที่ไม่สมควรรอการลงโทษ ให้แก่จำเลยทั้ง 13 ริบของกลางทั้งหมดตามบัญชีท้ายฟ้อง บวกโทษจำคุกจำเลยที่ 4 ที่รอการลงโทษไว้ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 13530/2555 จำนวน 3 เดือน และใน คดีอาญาหมายเลขแดงที่ 13531/2555 จำนวน 3 เดือน ของศาลแขวงธนบุรี เข้ากับคดีนี้เป็นจำคุกจำเลยที่ 4 มีกำหนด 24 เดือน บวกโทษจำคุกจำเลยที่ 5 ที่รอการลงโทษ ไว้ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 336/2555 จำนวน 1 เดือน ของศาลแขวงพระโขนง เข้ากับคดีนี้เป็นจำคุกจำเลยที่ 5 มีกำหนด 19 เดือน นับโทษจำคุกจำเลยที่ 2 ในคดีนี้ ต่อจากโทษจำคุกในคดีอาญาหมายเลขแดงของศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
ต่อมา น.ส.พวงทิพย์ บุญสนอง ทนายความ เปิดเผยว่า ภายหลังศาลมีคำพิพากษาจำคุกไม่รอลงอาญาจำเลยคดีขัดขวางการเลือกตั้งเมื่อปี 56 จำเลยทุกคนยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ขอปล่อยชั่วคราว ศาลพิจารณาเเล้วอนุญาตปล่อยชั่วคราว ตีราคาประกันคนละ 1 เเสนบาท ไม่ได้กำหนดเงื่อนไข
วันเดียวกัน ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีม็อบ REDEM หมายเลขดำอ.1423/2564 ที่พนักงานอัยการคดีอาญา 7 เป็นโจทก์ ฟ้องนายร่อซีกิน นิยมเดชา, นายชาติชาย แกดำ (จำเลยที่ 15) กับพวกรวม 15 คน เป็นจำเลย ในความผิดฐานร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปก่อความวุ่นวายในบ้านเมืองฯ
โดยอัยการระบุฟ้องความผิดสรุปว่า เมื่อวันที่ 2 พ.ค.2564 เวลากลางวัน ได้มีการร่วมชุมนุมกลุ่ม REDEM จากการเชิญชวนของผู้ใช้เฟซบุ๊กกลุ่มเยาวชนปลดแอก-(Free YOUTH) ให้มาชุมนุมที่ศาลอาญา ประมาณ 300-500 คน โดยนำรถยนต์ติดตั้งขยายเสียง โจมตี เรียกร้องให้ศาลมีคำสั่งให้ประกันตัวนายพริษฐ์ หรือเพนกวิน ชิวารักษ์ กับพวกรวม 7 คน ฐานดูหมิ่นสถาบันฯ โดยพวกจำเลยได้กล่าวโจมตีการทำงาน ดูหมิ่นศาล หรือผู้พิพากษา ย้ายแท่นแบริเออร์บริเวณเกาะกลางถนนเพื่อเปิดจุดกลับรถหน้าศาลอาญา แล้วชุมนุมจนเต็มพื้นที่ถนน ใช้ไข่ไก่ มะเขือเทศ ของเหลวสีแดง สาดใส่ป้ายสำนักงานศาลยุติธรรมและป้ายศาลอาญาเสียหาย เปรอะเปื้อน
ศาลอาญาพิจารณาพยานหลักฐานแล้ว ในส่วนของจำเลยที่ 1, 2 พยานโจทก์ที่นำสืบมามีความสงสัยตามสมควร จึงให้ยกประโยชน์แห่งความสงสัยนั้นให้จำเลย ส่วนจำเลย 3-15 พิพากษาว่า มีความผิดฐานร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่สิบคนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้าย ขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย มีอาวุธกับฐานขัดขืนคำสั่งของเจ้าพนักงานที่ไม่ยอมเลิกการมั่วสุม และฐานฝ่าฝืนข้อกำหนดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ให้ลงโทษฐานขัดขืนคำสั่งของเจ้าพนักงานที่ไม่ยอมเลิกการมั่วสุม อันเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุด จำคุกจำเลยที่ 3-15 คนละ 1 ปี และปรับคนละ 1 หมื่นบาท จำเลยที่ 15 จำคุก 1 ปี, ฐานร่วมกันดูหมิ่นศาลหรือผู้พิพากษา ในการพิจารณาหรือพิพากษาคดี จำคุกจำเลยที่ 3-14 คนละ 2 ปี และปรับคนละ 2หมื่นบาท จำเลยที่ 15 จำคุก 2 ปี ฐานร่วมกันเดินเป็นขบวนใดๆ ในลักษณะที่เป็นการกีดขวางการจราจรโดยไม่ได้รับอนุญาต ปรับคนละ 300 บาท และฐานร่วมกันเทหรือทิ้งสิ่งปฏิกูล มูลฝอย น้ำโสโครก หรือสิ่งอื่นใดลงบนถนน ปรับคนละ 3,000 บาท
ทางนำสืบของจำเลยที่ 15 เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษกระทงละหนึ่งในสาม รวมจำคุกจำเลยที่ 3-14 คนละ 3 ปี และปรับคนละ 3.3 หมื่นบาท จำคุกจำเลยที่ 15 มีกำหนด 1 ปี 12 เดือน และปรับ 2.2 พันบาท ให้รอการลงโทษจำคุกจำเลยที่ 2-14 ไว้มีกำหนด 2 ปี และให้คุมประพฤติ กับให้จำเลยที่ 3-14กระทำกิจกรรมบริการสังคมหรือสาธารณประโยชน์เป็นเวลา 12 ชั่วโมง และยกฟ้องจำเลยที่ 1, 2.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
จ่อเด้ง40ตร.ทล.เซ่นส่วยสติกเกอร์
"พิธา" นำทีมก้าวไกลหารือองค์กรต้านคอร์รัปชัน ฉายโรดแมป 100 วันแรก
จับตานับใหม่16จว. ก.ก.เชื่อไม่มีผลเปลี่ยนแปลง กลุ่ม3นิ้วจี้กกต.เร่งรับรองสส.
๐ "อิทธิพร" ลงนามคำสั่งนับคะแนนเลือกตั้ง ส.ส.ใหม่ 47 หน่วย ใน 16 จังหวัด ภายใน 11 มิ.ย.นี้ "เพจสำนักงาน กกต." ปัดข่าวส่งหนังสือยุบพรรคก้าวไกล "พิธา" ไม่กังวลนับคะแนนใหม่
ปัดระเบียบกักกันเอื้อ‘แม้ว’ ขออภัยโทษต้องติดคุกก่อน
“วิษณุ” แจงระเบียบปฏิบัติต่อผู้กักกันราชทัณฑ์ไม่ได้เอื้อ “ทักษิณ” ระบุถ้าศาลสั่งจำคุก ใช้การกักกันไม่ได้ ยันขออภัยโทษต้องติดคุกก่อน
ดัชนีเชื่อมั่นดีขึ้น ท่องเที่ยวฟื้นตัว หวั่นปมการเมือง
หอการค้าไทยเผยดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภค พ.ค.66 ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง จากระดับ 55.0 เป็น 55.7 สูงสุดในรอบ 39 เดือน
‘ตั๋วช้าง’เลื่อนยศร.ต.อ.หญิง ‘โรม’ขู่ลากไส้ปฏิรูปทั้งระบบ
โฆษก ตร.แจงปมเลื่อนยศ “ร.ต.อ.หญิง” เป็นไปตามกฎ ก.ตร. ว่าด้วยวิธีการแต่งตั้งยศ มีคุณวุฒิบรรจุปริญญาโทสามารถเลื่อนเป็น ร.ต.อ.ได้ภายใน 2 ปี
สั่งนับใหม่47หน่วย กกต.ชี้ส่อพลิกเสียงพรรค พิธาหยันไร้ข้อมูลฟัน151
"กกต." สั่งนับคะแนนเลือกตั้งใหม่ 47 หน่วย ทั้งแบ่งเขต-ปาร์ตี้ลิสต์