‘เชียงใหม่’ยอดแย่9วันติด ไฟป่าผลาญพื้นที่1,800ไร่

เหนือ-อีสานยังอบอวลไปด้วยฝุ่นพิษ เชียงใหม่รั้งอันดับหนึ่งเมืองอากาศยอดแย่ 9 วันติด ผงะ! มลพิษเกินมาตรฐานถึง 14 เท่าที่เชียงดาว  ส่วนไฟป่าที่นครนายกพื้นที่ส่วนใหญ่มอดแล้ว สร้างความเสียหายเบื้องต้นกว่า 1,800 ไร่

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 2 เมษายน ศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) รายงานสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอน หรือ PM 2.5 ว่ายังพบเกินค่ามาตรฐานใน 20 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย, เชียงใหม่, น่าน, แม่ฮ่องสอน, พะเยา, ลำพูน, ลำปาง, แพร่, อุตรดิตถ์, สุโขทัย, พิษณุโลก, ตาก, กำแพงเพชร, พิจิตร, หนองคาย, เลย, อุดรธานี, นครพนม, หนองบัวลำภู และอุบลราชธานี โดยภาคเหนือ เกินค่ามาตรฐานเป็นส่วนใหญ่ ตรวจวัดได้ 40-328 มคก./ลบ.ม. แจ้งเตือนฝุ่นระดับสีแดง 21 พื้นที่ สูงสุดสุดที่ ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ 328 มคก./ลบ.ม. และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เกินค่ามาตรฐาน 6 พื้นที่ ตรวจวัดได้ 25-82 มคก./ลบ.ม.

สำหรับสถานการณ์หมอกควันใน จ.เชียงใหม่นั้นยังคงวิกฤตต่อเนื่อง  จากรายงานของเว็บไซต์ IQAir พบคุณภาพอากาศย่ำแย่ติดอันดับ 1 ของโลกเป็นวันที่ 9 แล้ว มีค่า AQI สูง 254 สำหรับค่าฝุ่น PM 2.5 พบสูงสุดที่จุดวัด รพ.สุขภาพตำบลบ้านค่ายหลวง ต.แม่นาวาง อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ วัดค่าได้ 411 มคก.ต่อ ลบ.ม. รองลงมาที่ รพ.สุขภาพตำบลบ้านป่าไหน่ ต.ป่าไหน่ อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ วัดค่าได้ 323 มคก.ต่อ ลบ.ม. ในขณะพื้นที่ อ.เมืองเชียงใหม่ จุดวัด ต.ศรีภูมิ วัดค่าได้ 210 มคก.ต่อ ลบ.ม., จุดวัด ต.สุเทพ วัดค่าได้ 208 มคก.ต่อ ลบ.ม., จุดวัด ต.ช้างเผือก วัดค่าได้ 197 มคก.ต่อ ลบ.ม. ซึ่งพื้นที่ตัวเมืองเชียงใหม่และในหลายๆ อำเภอขณะนี้กลายเป็นพื้นที่สีแดง มีฝุ่นควันที่เป็นอันตรายกระทบต่อสุขภาพของประชาชน

โดยสภาพท้องฟ้าในตัวเมืองเชียงใหม่ยังเต็มไปด้วยหมอกควันไฟป่าปกคลุม ทัศนวิสัยการมองเห็นไม่ชัดเจน มองด้วยสายตาเห็นฝุ่นควันลอยในอากาศจนขมุกขมัว ทำให้ช่วงเช้ารถยนต์ยังต้องเปิดไฟ และองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ต้องเปิดม่านน้ำที่ติดตั้งไว้ทั่วเมือง 6 จุด ช่วยบรรเทาเรื่องของการหายใจ ในขณะที่ประชาชนส่วนใหญ่ต้องปิดประตูหน้าต่างป้องกันฝุ่นละออง และอยู่ในบ้านยังต้องสวมใส่หน้ากากอนามัย 

สำหรับสาเหตุหลักยังคงเกิดจากการลักลอบจุดไฟป่า โดยยังพบจุดความร้อนมากถึง 308 จุด กระจายใน 21 อำเภอ จากทั้งหมด 25 อำเภอ พื้นที่ป่าสงวนฯ และป่าอนุรักษ์ อ.เชียงดาว มากที่สุด 52 จุด, อ.ฝาง 46 จุด, อ.แม่แตง 43 จุด, อ.พร้าว 38 จุด, อ.หางดง ลดลงเหลือ 12 จุด และ อ.เมืองเชียงใหม่ ยังเหลืออีก 1 จุด ส่งผลให้ตัวเมืองเชียงใหม่ ฝุ่นขนาดเล็กต่ำกว่า 2.5 ไมครอนยังลอยฟุ้งกระจายเต็มเมือง โดยพื้นที่ ต.ช้างเผือก ต.ศรีภูมิ และ ต.สุเทพ อยู่ระหว่าง 207-216 มคก./ลบ.ม.และค่า PM 2.5 สูงสุดช่วงเช้าอยู่ที่ ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว สูงถึง 328 มคก./ลบ.ม. ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมง ส่วนค่า PM 2.5 แบบรายชั่วโมง ของศูนย์ข้อมูลเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ อยู่ที่บ้านปางเฟือง ต.ปิงโค้ง อ.เชียงดาว สูงถึง 714 มคก./ลบ.ม. หรือสูงถึง 14 เท่า

ด้านผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ เรียกประชุมเร่งด่วน และสั่งการเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หางดง ที่พบว่ามีไฟป่ามากในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา เป็นการเจตนาเผา จนผู้ว่าราชการจังหวัดต้องประกาศให้พื้นที่บ้านปางยาง ต.บ้านปง อ.หางดง และยังมีพื้นที่บ้านป่าจี้ หมู่ 3 ต.แม่เหียะ และพื้นที่บ้านภูพิงค์หมู่ 12 ต.สุเทพ อ.เมืองเชียงใหม่ ให้เป็นเขตภัยพิบัติฉุกเฉินจากไฟป่า โดยให้เจ้าหน้าที่ออกสืบสวนติดตามจับกุมผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีและลงโทษเด็ดขาด

ส่วนสถานการณ์ไฟป่า จ.นครนายกนั้น พบว่ายังมีเชื้อไฟตกค้าง 4 จุด ได้แก่ 1.ด้านวังรีใกล้รีสอร์ต 2.จุดเขาชะพลู ด้านโครงการทหารพันธุ์ดี 3.จุดเขาตะแบกใกล้สนามยิงปืน จปร. และ 4. จุดเขาเพิ่ม โดยนายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง รักษาราชการแทนอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กล่าวว่า ยังคงจัดชุดดับไฟป่าเข้าเก็บรายละเอียดและดับไฟให้มอดลงเพื่อป้องกันการปะทุ และกำลังสนับสนุนทางอากาศรวม 5 ลำ ขึ้นบินทิ้งน้ำบนเขาในจุดที่ยังคงมีไฟป่าต่อเนื่อง โดยใช้เฮลิคอปเตอร์ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ทำการดับไฟป่าบริเวณซอกเขาด้านหน้าเขาตะแบก, กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) และกองทัพบก ทำการทิ้งน้ำดับไฟป่าบริเวณด้านหลังของเขาตะแบก (ฝั่งบ้านวังรี) โดยได้สร้างจุดจอดเฮลิคอปเตอร์ชั่วคราวบนยอดเขา สำหรับส่งกำลังเจ้าหน้าที่และภาคพื้นชุดเสือไฟปฏิบัติงานร่วมกับการทิ้งน้ำดับไฟโดยเฮลิคอปเตอร์ เพื่อให้การดับไฟมีประสิทธิภาพมากที่สุด บริเวณศาลาอเนกประสงค์ สนามยิงปืนโรงเรียนนายร้อย จปร. (จุดจอดเตรียมความพร้อมอากาศยานเฮลิคอปเตอร์) เนื่องจากจุดเกิดไฟป่าอยู่ในพื้นที่ภูเขาสูงชัน ทำให้เจ้าหน้าที่ภาคพื้นและชุดเสือไฟไม่สามารถเข้าถึงพื้นที่ได้ ส่งผลให้ประสิทธิภาพการดับไฟไม่เต็มที่

“จากการสำรวจเบื้องต้นพบมีพื้นที่เสียหายแล้วกว่า 1,805 ไร่ ภาพรวมพื้นที่เกิดไฟส่วนใหญ่มอดลงแล้ว แต่ยังกระจายตัวเป็นกลุ่มเล็กๆ แต่ยังมีบางพื้นที่มีความรุนแรงและลุกลามต่อเนื่องขึ้นอยู่กับทิศทางลมผิวพื้นด้วย ซึ่งการปฏิบัติภารกิจตั้งแต่วันแรกจนถึงขณะนี้บินดับไฟป่าไปแล้ว 426 เที่ยวบิน และทิ้งน้ำดับไฟไปแล้ว 538,000 ลิตร” นายอรรถพลระบุ

รศ.ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนานโยบายสาธารณะ สำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วิกฤตมลพิษทางอากาศ หมอกควันและ PM 2.5 ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อสุขภาพของประชาชนในหลายพื้นที่ และส่งผลอย่างมากต่อเศรษฐกิจ โดยเฉพาะเศรษฐกิจพื้นที่ที่อาศัยรายได้หลักจากการท่องเที่ยว จึงขอเสนอให้รัฐบาลใหม่ออกมาตรการเชิงรุกอย่างเร่งด่วนเพื่อแก้ปัญหาให้เด็ดขาด ไม่ปล่อยให้ยืดเยื้อทำลายสุขภาพของประชาชนจนอยู่ในสภาพตายผ่อนส่งและทำลายเศรษฐกิจ

รศ.ดร.อนุสรณ์กล่าวว่า ภัยพิบัติหมอกควันและมลพิษทางอากาศ หมอกควันและมลพิษที่ลอยมาจากประเทศเพื่อนบ้านส่วนใหญ่มาจากการเผาป่าและพืชไร่ในเมียนมาและลาว การทำการเกษตรกรรมอย่างขาดความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและคุณภาพชีวิตของผู้คน ต้องมีการออกกฎหมายหรือมาตรการระหว่างประเทศและแก้ไขกฎหมายในประเทศเพื่อหยุดยั้งต้นตอของการเกิดหมอกควันอันเป็นฝีมือของมนุษย์ อย่างการออกกฎหมายมลพิษและหมอกควันข้ามพรมแดนแบบเดียวกับสิงคโปร์ ซึ่งจะเอาโทษทั้งทางอาญาและทางแพ่งต่อบริษัทสิงคโปร์ที่เข้าไปทำสวนปาล์มน้ำมันและผลิตเยื่อกระดาษด้วยการตัดไม้เผาป่าเตรียมพื้นที่เกษตร ซึ่งหลังจากออกกฎหมายนี้มาบังคับใช้ในปี 2557 สถานการณ์หมอกควัน มลพิษทางอากาศอันเป็นผลจากการเผาป่าในอินโดนีเซียและข้ามพรมแดนมายังสิงคโปร์และมาเลเซียได้ลดลงอย่างมาก.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง