ชงยกฟ้องคดีแบ่งเขต

ข่าวดีล่วงหน้า! ตุลาการผู้แถลงคดี กกต.แบ่งเขตเลือกตั้ง “กทม.-สุโขทัย-สกลนคร” ไม่ชอบด้วยกฎหมาย  เห็นควรยกฟ้อง บอกทำตามรัฐธรรมนูญแล้ว ศาลยัน 7 เม.ย.ชี้ขาด “อิทธิพร” รับเตรียมแผนรองรับแล้ว

เมื่อวันอังคารที่​ 4 เม.ย. ศาลปกครองสูงสุดออกนั่งบัลลังก์พิจารณาคดีนัดแรก  ในคดีที่นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี รองหัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า ผู้สมัคร ส.ส.กรุงเทพมหานคร, คดีที่นายพัฒนา สัพโส  ผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.จังหวัดสกลนคร, คดีที่นายวิรัตน์ วิริยะพงษ์ ผู้มีสิทธิลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.จังหวัดสุโขทัย และคดีที่นายพัฒ ตั้งเบญจผล ผู้แทนพรรคประชาธิปัตย์จากจังหวัดสุโขทัย ยื่นฟ้องคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กรณีขอให้เพิกถอนประกาศ  กกต.เรื่องแบบแบ่งเขตเลือกตั้งที่ประกอบเป็นเขตเลือกตั้งกรุงเทพมหานคร,   สกลนคร และสุโขทัย เมื่อวันที่ 16 มี.ค.2566    

โดยในการพิจารณาคดีครั้งนี้มีเพียงผู้ฟ้องคดี 3 รายเดินทางมาแถลงปิดคดีที่ศาลด้วยตัวเอง คือ นายอรรถวิชช์, นายวิรัตน์ และนายพัฒ โดยแถลงปิดคดีตรงกันว่า ประกาศ กกต.เรื่องแบบแบ่งเขตเลือกตั้งที่ประกอบเป็นเขตเลือกตั้ง ลงวันที่ 16 มี.ค. ในรูปแบบที่ 1 ซึ่งเป็นการรวมแขวง/ตำบลเพื่อกำหนดเป็นเขตเลือกตั้งใหม่ ไม่ได้ยึดหลักเกณฑ์รวมเขตปกครอง/อำเภอต่างๆ เป็นเขตการเลือกตั้ง ตามหลักเกณฑ์ที่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทราษฎร พ.ศ.2561 มาตรา 27 เป็นการใช้ดุลพินิจไม่ชอบด้วยกฎหมาย ส่งผลให้เกิดความไม่เป็นธรรมต่อผู้ประสงค์จะสมัครรับเลือกตั้ง และกระทบสิทธิของประชาชน สร้างความสับสนในการใช้สิทธิเลือกตั้ง และกระทบต่อจำนวนราษฎรผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง ขณะที่ตัวแทนผู้รับมอบอำนาจจาก กกต.ขอแถลงปิดคดีทั้ง 4 คดีเป็นลายลักษณ์อักษร

จากนั้น องค์คณะตุลาการเจ้าของสำนวนคดีได้ให้ตุลาการผู้แถลงคดี ซึ่งเป็นตุลาการนอกองค์คณะ แถลงความเห็นส่วนตัวที่องค์คณะจะนำไปประกอบการพิจารณาด้วย โดยตุลาการผู้แถลงคดีมีความเห็นทั้ง 4 คดี ว่าในการเลือกตั้ง ส.ส.ปี 2566 มีความแตกต่างจากการเลือกตั้งครั้งก่อน ทั้งในจำนวนราษฎรในการเลือกตั้งที่มีกำหนดว่าต้องเป็นผู้มีสัญชาติไทยเท่านั้น หรือต้องได้สัญชาติไทยมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี รวมทั้งส่วนของจำนวน ส.ส.ที่เพิ่มขึ้น โดยกรุงเทพมหานครเพิ่มจาก 30 คน เป็น 33 คน, สกลนครเพิ่มจากเดิม 6 คน เป็น 7 คน และสุโขทัยเพิ่มจาก 3 คน เป็น 4 คน  ประกอบกับรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 86 (5) กำหนดว่า จังหวัดใดมีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้เกินหนึ่งคน ให้แบ่งเขตจังหวัดออกเป็นเขตเลือกตั้งเท่าจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่พึงมี โดยต้องแบ่งพื้นที่ของเขตเลือกตั้งแต่ละเขตให้ติดต่อกัน และต้องจัดให้มีจำนวนราษฎรในแต่ละเขตใกล้เคียงกัน 

ดังนั้น เมื่อพิจารณาค่าเฉลี่ยจำนวนราษฎรในแต่ละเขตเลือกตั้งต่อจำนวน ส.ส. 1 คนเป็นตัวตั้ง ทั้งในเขตพื้นที่ของ กทม., สกลนคร และสุโขทัย ตามประกาศ กกต.เรื่องแบบแบ่งเขตเลือกตั้งที่ประกอบเป็นเขตเลือกตั้งลงวันที่ 16 มี.ค. พบว่าจำนวนราษฎรในแต่ละเขตเลือกตั้งในแต่พื้นที่ของ กทม., สกลนคร และสุโขทัย มีจำนวนมากหรือมีจำนวนน้อยกว่า 10% ของค่าเฉลี่ยจำนวนราษฎรในแต่ละเขตเลือกตั้ง 162,766 คน ต่อจำนวน ส.ส. 1 คนจนเกินไป การที่ กกต.ออกประกาศ กกต.เรื่องแบบแบ่งเขตเลือกตั้งที่ประกอบเป็นเขตเลือกตั้งลงวันที่ 16 มี.ค. ในส่วนของ กทม. 33 เขตเลือกตั้ง, สกลนคร 7 เขตเลือกตั้ง และสุโขทัย 4 เขตเลือกตั้ง จึงเป็นการประกาศที่ชอบด้วยกฎหมาย เห็นควรที่ศาลปกครองสูงสุดจะพิจารณายกฟ้องในคดีนี้  

หลังจบกระบวนนั่งพิจารณาคดี องค์คณะตุลาการเจ้าของสำนวนได้แจ้งคู่กรณีทุกฝ่ายว่าศาลนัดฟังคำพิพากษาคคีในวันที่ 7 เม.ย.นี้ 

ขณะที่นายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต. กล่าวตอบข้อถามถึงกรณีศาลปกครองจะมีคำวินิจฉัยในเรื่องการแบ่งเขตของ กกต.จะมีผลต่อการรับสมัครหรือไม่ ว่าตอนนี้เรื่องอยู่ในการพิจารณาของศาล โดย กกต.ได้เตรียมพิจารณาแนวทางในกรณีที่ศาลวินิจฉัยมาแล้ว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง