ซัดฟ้องปิดปากเรียก24ล. ‘พิธา’ขู่ถึงขั้นยกเลิก112

"หมอวรงค์" ซัด "พิธา-ธนาธร" ฟ้องปิดปากเรียก 24 ล้าน พวกของปลอมฉวยโอกาสทางการเมือง "พิธา"  ย้ำจุดยืนแก้ไข ม.112 ทางสายกลาง ขู่ถ้าสภาไม่ทำเกรงต้องถึงขั้นยกเลิก ด้าน "โบว์ ณัฏฐา" สุดทนพวกโหน 112 หากิน  ตีหน้าซื่อเล่าความจริงครึ่งเดียวในทุกเวที ชี้ขบวนการเคลื่อนไหวที่มีเจตนาร้ายมีอยู่จริง

เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2566 นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี ไลฟ์ผ่านเฟซบุ๊กขณะเดินทางไปที่ศาลอาญา รัชดาฯ พร้อมทีมทนาย เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคมที่ผ่านมา ทั้งนี้ เพื่อให้การคดีที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ และนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ฟ้องร้อง

โดย นพ.วรงค์กล่าวว่า หลายคนอาจจะแปลกใจว่าพรรคก้าวไกลฟ้องเรื่องอะไร ถ้าพี่น้องจำได้ ช่วงวันที่ 10  สิงหาคม 2563 กลุ่มธรรมศาสตร์จะไม่ทนประกาศปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งจะมีการยกเลิกมาตรา 112 ยกเลิกรัฐธรรมนูญ มาตรา 6 ห้ามพระมหากษัตริย์มีพระราชดำรัสในที่สาธารณะ หลายๆ เรื่องตนมองว่าขบวนการนี้เป็นขบวนการล้มล้าง เป็นการด้อยค่าสถาบันพระมหากษัตริย์ แต่นายพิธาบอกว่าเรื่องเหล่านี้ไม่ใช่เป็นการจาบจ้วง ไม่ใช่เป็นการล่วงละเมิด ซึ่งพวกเราเห็นหลักฐานที่ชัดเจน แต่ปรากฏว่าการที่เราแสดงออกแบบนี้เขาฟ้อง

นพ.วรงค์กล่าวว่า การฟ้องร้องคดีนี้ มีการเรียกค่าเสียหายทั้งหมด 24,062,475 บาท คือฟ้องทั้งอาญาและแพ่ง ประมาณ 24 ล้านเศษๆ ก็คือการสื่อถึงวันที่ 24 มิถุนายน 2475 ซึ่งเอามาเชื่อมโยงกัน และไม่เพียงแต่นายพิธา จากพรรคก้าวไกล ก็ยังมีหมายศาลของนายธนาธร ซึ่งฟ้องในเวลาใกล้เคียงกัน ฟ้องคดีคล้ายๆ กัน เพราะเนื่องจากว่าเรื่องที่เกี่ยวข้องกับปฏิรูปสถาบัน และตนกล่าวหาว่านายธนาธรสนับสนุน แต่เขาปฏิเสธ ก็ไม่เป็นไร มาสู้กันที่ศาล

 “ผมก็ต้องการจะบอกกับพี่น้องว่า คนพวกนี้ชอบอ้างว่ามีการเอามาตรา 112 ไปรังแกประชาชน แต่จริงๆ แล้วพวกเขานั่นแหละเป็นคนเอามาตรา 112 มารังแกผม ผมถึงยืนยันว่าสิ่งที่เกิดขึ้นถ้าเวลาพวกเราไปดำเนินคดี มันมีเหตุการณ์กระทำผิดเกิดขึ้นจริง แต่ของเขาหาช่องโหว่นิดหน่อยเขาก็ฟ้อง เรื่องที่พรรคก้าวไกลและนายธนาธรฟ้องหมิ่นประมาท, อาญา, + แพ่ง ค่าเสียหายอีก 24,062,475 บาท สิ่งที่ต้องถามพรรคก้าวไกลคือ นายพิธา, นายธนาธร เอาค่าเสียหายที่เกี่ยวกับวันที่ 24 มิถุนายน 2475 ก็คือ 24,062,475 บาท ไปโยงว่าคุณเสียหายอย่างไร ตัวเลขนี้คุณแจงได้ไหม แต่ไม่เป็นไร แค่ต้องการจะสื่อสารให้พี่น้องประชาชนได้รับทราบว่าคนพวกนี้ไม่ใช่ของจริง เป็นของปลอม แล้วก็พยายามฉวยโอกาสทางการเมือง  และพูดอีกอย่าง ทำอีกอย่าง” นพ.วรงค์กล่าว

วันเดียวกันนี้ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึงจุดยืนของพรรคก้าวไกลในเรื่องประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ว่า เรายืนยันว่าจะเป็นการแก้ไขเพื่อเป็นทางสายกลางและเกิดฉันทามติจากสังคม หากไม่แก้ไขเมื่อไรสภาไม่ทำงานเกรงว่าจะไปถึงยกเลิก ในขณะเดียวกันตนคิดว่าเป็นสิทธิของประชาชนจำนวนหนึ่งที่มีความคิดแตกต่างออกไป ถ้าพวกเขาสามารถรวบรวมรายชื่อแล้วนำเข้ามาในสภาได้ ก็ต้องให้โอกาสเขา เพื่อให้เกิดการพูดคุยกัน เราทำก่อนที่จะพูด คือทำตั้งแต่เดือน ก.พ.2564 การที่เราตั้งเวทีปราศรัย 40 นาที แล้วเขาตัดมา 4 วินาที ไม่ฟังทั้งหมด

เมื่อถามย้ำอีกว่า การติดสติกเกอร์ยกเลิกมาตรา 112 ไม่ได้เป็นการเอาใจม็อบใช่หรือไม่ นายพิธากล่าวว่า เป็นการแสดงความเข้าใจเขา

ขณะที่ น.ส.ณัฏฐา มหัทธนา หรือโบว์ นักกิจกรรมทางการเมือง โพสต์ในสื่อสังคมออนไลน์ทั้งเฟซบุ๊กและทวิตเตอร์ ระบุว่า ที่บางพรรคชอบพูดว่าไม่มียุคสมัยใดมีคนโดนคดี 112 เท่าสมัยนี้ ก็อยากชวนไปดูรายละเอียดว่าคดีส่วนใหญ่มาจากที่ไหน มันมาจากกลุ่มล้มเจ้าขนาดใหญ่ที่ถูกเปิดโดยคนจากต่างประเทศ ที่คุณและกลุ่มเคลื่อนไหวที่สนับสนุนก็มีท่าทีเห็นดีเห็นงาม ทำตัวเป็นเนื้อเดียวกันตลอดเวลา แล้วไปดูข้อความในนั้นว่าเป็นยังไงกันบ้าง .. ทุกครั้งที่พูดว่าจะแก้ 112 (และเสนอแก้แบบแทบไม่เหลือโทษ) เพราะหวังดีต่อสถาบัน มันจึงไม่เคยฟังขึ้น ก็เท่านั้นเอง

พรรคการเมืองอื่นๆ ที่ไปพูดตามๆ กันก็ต้องรอบคอบด้วย ปัญหาการบังคับใช้เป็นส่วนหนึ่ง แต่มันมีปัญหาที่คุณก็ไม่เคยพูดถึง เพราะไม่เคยไปดูให้รู้จริงๆว่าเกิดอะไรขึ้น มือหนึ่งให้ท้ายคนยั่วยุให้เกิดการละเมิดอย่างรุนแรงมากมาย อีกมือหนึ่งออกมาโวยวายถึงคดีส่วนน้อยที่ดูเหมือนมีปัญหา

ก่อนจะไปท่องตามๆ กันบนเวที ต้องเปิดตาดูให้รู้ด้วยว่าขบวนการเคลื่อนไหวที่มีเจตนาร้ายนั้นมีอยู่จริง คุณเกียรติ สิทธีอมร ถึงได้พูดว่า “บรรยากาศแบบนี้” มาพูดเรื่องแก้ไข ยังไงก็เป็นไปไม่ได้

แม้ว่าถ้าได้พูดกันด้วยเหตุผลจริงๆ ก็คงจะเห็นตรงกันได้ว่า กฎหมายนี้มีจุดที่สามารถถูกแก้ไขปรับปรุงได้

แต่ที่แทบเป็นไปไม่ได้ตอนนี้ ก็เพราะพฤติกรรมที่เกิดมาอย่างต่อเนื่องคือ … “ปากว่าตาขยิบ”.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง