รุมจวกจัดเลือกตั้งมั่ว ‘เพื่อไทย-ก้าวไกล’หวั่นถูกร้องเป็นโมฆะจี้7กกต.รับผิดชอบ

“พท.-ก.ก.” รุมจวก กกต.จัดเลือกตั้งล่วงหน้าอลหม่าน เอกสารมั่ว ปชช.สับสนกรอกรหัสเขตเลือกตั้ง-จ่าหน้าซองผิด กังวลถูกร้องโมฆะ ขณะที่ กกต.แก้ลำพาสื่อตรวจสอบการคัดแยก ดูแลรัดกุม พร้อมส่งทุกคะแนนถึงภูมิลำเนา 12 พ.ค.นี้ เชื่อบัตรเสียมีไม่มาก มั่นใจ 14 พ.ค.จะไม่ให้มีสิ่งผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ เกิดขึ้นอีก “ชูวิทย์” ตามเช็กอำนาจเจริญยอดผู้สูงอายุมากผิดปกติ

เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม ที่สำนักงานไปรษณีย์สำนักงานใหญ่ นายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พร้อมด้วยนายดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ได้นำคณะสื่อมวลชนร่วมติดตามการนับจำนวนและคัดแยกบัตรลงคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้า และบัตรลงคะแนนผู้พิการ รวมถึงบัตรเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร

โดยนายดนันท์กล่าวว่า บัตรเลือกตั้งล่วงหน้านอกราชอาณาจักรทยอยเข้ามากว่า 60,000 ใบ ประมาณ 67% จาก 45 ประเทศ มีคณะกรรมการ 3 ฝ่าย คือ กรมการกงสุล, กกต. และไปรษณีย์ตรวจคัดแยก ขณะนี้ บัตรเลือกตั้งล่วงหน้าในประเทศถูกขนส่งมายังศูนย์คัดแยกเรียบร้อยแล้ว อยู่ระหว่างคัดแยกโดยคณะกรรมการที่ประกอบด้วย กกต.และไปรษณีย์ เบื้องต้นอยู่ในส่วนของการตรวจนับและคัดแยก ยังไม่ถึงการคัดกรองที่จะตรวจเรื่องของการจ่าหน้าซองบัตร โดยกระบวนการคัดแยก ตรวจสอบใช้เวลา 7-9 พ.ค. ช้าสุดคือวันที่ 10 พ.ค.นี้ และเริ่มส่งไปยัง 400 เขต คาดว่าจะถึงแต่ละภูมิลำเนาภายในวันที่ 12 พ.ค.นี้

"ยืนยันว่าการดำเนินการในศูนย์คัดแยกจะมีวอร์รูมคอยมอนิเตอร์ตลอด 24 ชั่วโมง การเข้าพื้นที่ต้องลงทะเบียนยืนยันตัวตน ห้ามนำอุปกรณ์โดยเฉพาะโทรศัพท์มือถือเข้าไป และเมื่อออกจากศูนย์ต้องมีการตรวจค้นก่อน สำหรับขั้นตอนการตรวจนับและคักแยกบัตรเลือกตั้งจะตรวจรหัสซ้ำ 3 รอบ เพื่อให้แน่ใจว่าบัตรลงคะแนนจะถูกส่งตรงตามที่ผู้ลงคะแนน" นายดนันท์กล่าว

ด้านนายแสวงกล่าวว่า ต้องขอบคุณผู้มาใช้สิทธิ์เลือกตั้งล่วงหน้าประมาณ 91.83% ซึ่งมาด้วยแรงศรัทธาประชาธิปไตย สำนักงาน กกต.สัญญาว่าจะรักษาทุกเสียงที่ประชาชนได้ลงคะแนนไว้ ส่วนกรรมการประจำหน่วย (กปน.) และอนุกรรมการประจำเขต ซึ่งการทำงานอาจจะมีการผิดพลาดบ้าง แต่ขอบคุณที่อดทนทั้งต่อสภาพอากาศ และแรงเสียดทานทางการเมือง ทำให้งานรวมกว่า 16  ชั่วโมง รวมถึงประชาชนที่ร่วมกันตรวจสอบการทำงานของ กปน.และ กกต. ซึ่งมีทั้งเรื่องจริงและเรื่องเท็จ แต่สั่งให้ผอ.ทุกจังหวัดรายงานเข้ามาทุกเรื่องที่ปรากฏเป็นข่าว ว่าสถานการณ์เป็นอย่างไร มีการแก้ไขอย่างไร เป็นเรื่องดีที่สิ่งที่เราทำอยู่นั้นอยู่ในสายตาของประชาชนเสมอ 

นายแสวงกล่าวถึงกระบวนการตรวจสอบคัดแยกบัตร กรณีกรรมการประจำหน่วยเขียนรหัสจังหวัดหรือเขตเลือกตั้งผิดพลาดว่า หลังปิดหีบจะมีการตรวจสอบว่าต้นขั้วที่ใช้ไปกับจำนวนบัตรที่ออกเสียงตรงกันหรือไม่ และกรรมการประจำหน่วยจะทำบัญชีมา เมื่อไปรษณีย์ได้รับถุงบัตรมาแล้วก็จะทำการตรวจเบื้องต้น เมื่อคัดแยกเสร็จก็จะดูว่าจำนวนซองที่คัดแยกกับยอดต้นขั้วตรงกันหรือไม่ ดังนั้นยอดจะกระทบกันโดยอัตโนมัติ 

“ส่วนที่อาจจะมีปัญหา ถ้ามีการจ่าหน้าซองถ้าถูกต้องทั้ง 3 จุด ก็จะถูกแยกออกไปเลย ถ้ามีปัญหากรอกครบ  แต่เขียนเขตหรือรหัสเลือกตั้งผิด จะยึดรหัสเขตเลือกตั้ง 3 ตัวท้าย ซึ่งอยู่ด้านล่างของซองเป็นหลัก แต่ถ้ากรอกไม่ครบหรือไม่มีรายละเอียดใดๆ หรือไม่มีการกรอกอะไรเลย ส่วนตัวคิดว่าไม่น่าจะมีเรื่องนี้เกิดขึ้น โดยกรณีนี้จะถูกส่งมาให้คณะกรรมการ ที่มีเจ้าหน้าที่ กกต.และไปรษณีย์วินิจฉัยว่าซองนี้จะไปลงเขตใด ซึ่งจะต้องไปสอบทานกับต้นขั้วก่อน ยอมรับว่าอาจจะยุ่งยากพอสมควร” นายแสวง กล่าว

14 พ.ค.จะไม่ให้ผิดพลาดอีก

เมื่อถามว่า มีการเผยแพร่คลิปวิดีโอซึ่งส่วนใหญ่พบว่ามีการกรอกรหัส 3 ตัวท้ายผิด นายแสวงกล่าวว่า เขตเลือกตั้งนั้นคิดว่าประชาชนทราบ แต่รหัสเขต 3 ตัวท้ายไม่รู้ว่าประชาชนเข้าใจหรือเปล่า อาจจะเข้าใจว่า กปน.ต้องกรอกรหัสไปรษณีย์ที่ตนเองมีภูมิลำเนาอยู่ ยอมรับว่าเป็นความผิดพลาดของ กปน. แต่การที่เราออกแบบการจ่าหน้าซองให้เขียนถึง 3 ชั้น เพื่อที่เวลาเกิดปัญหาก็จะสามารถตรวจสอบได้และสามารถส่งบัตรเลือกตั้งนั้นไปยังหน่วยเลือกตั้งที่ประชาชนผู้มีสิทธิ์อยู่ ดังนั้นยืนยันว่าแม้จะมีการตั้งข้อสังเกตการทำงานของ กปน. แต่ยืนยันว่าบัตรทุกใบไม่เป็นบัตรเสีย คะแนนเสียงไม่ตกน้ำมาก

เมื่อถามย้ำว่า กังวลหรือไม่ว่าจะมีคนนำความผิดพลาดนี้ไปฟ้องต่อศาลเพื่อให้การเลือกตั้งนี้เป็นโมฆะ นายแสวงกล่าวว่า ตนคะเนอย่างนั้นไม่ได้ แต่สั่งให้ ผอ.จังหวัด ทุกจังหวัดรายงานทุกเหตุการณ์ ทั้งการติดเอกสารผิด  เอกสารผิด แต่ยืนยันว่าปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ทำให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ สามารถเดินหน้าการเลือกตั้งต่อไปได้ ส่วนวันเลือกตั้งวันที่ 14 พ.ค.จะไม่ให้มีสิ่งผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ เกิดขึ้นอีก และคาดว่าการเลือกตั้งในวันดังกล่าว การบริหารจัดการจะง่ายกว่านี้เพราะไม่ต้องส่งไปรษณีย์  และบุคลากรที่จะทำงานมีมากกว่านี้ การลงคะแนนตรงตามหน่วยเลือกตั้ง ประชาชนจะไม่สับสนที่

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.นิธิธร จินตกานนท์ โฆษกศูนย์อำนวยการรักษาความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อยการจัดการเลือกตั้ง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศลต.ตร.) เปิดเผยว่า ภายหลังปิดหีบเลือกตั้งล่วงหน้า ศลต.ตร.ได้ส่งกำลังตำรวจทางหลวง ตำรวจตระเวนชายแดน ตำรวจนครบาล และตำรวจภูธร กกต. และบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ร่วมภารกิจขนส่งบัตรเลือกตั้งล่วงหน้าที่ลงคะแนนจากศูนย์ไปรษณีย์ 15 แห่งทั่วประเทศ กลับมายังศูนย์ไปรษณีย์หลักสี่ กทม. เพื่อคัดแยกส่งไปยังหน่วยเลือกตั้ง โดยรถทุกคันมีการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด มีตำรวจตระเวนชายแดนพร้อมอาวุธนั่งประจำรถ มีรถตำรวจทางหลวงนำขบวนและปิดท้ายขบวน มีตำรวจท้องที่ดูแลความปลอดภัยระหว่างพักรถ ทั้งนี้ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร./ผอ.ศลต.ตร.สั่งการให้ทุกหน่วยสำรวจปัญหา อุปสรรค ข้อขัดข้อง เพื่อเตรียมนำมากำหนดเป็นแผนการปฏิบัติ (เพิ่มเติม) ในวันเลือกตั้งจริง เพื่อจะได้ไม่เกิดปัญหาดังกล่าวขึ้นอีก

ที่พรรคเพื่อไทย นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย และผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการเลือกตั้ง นายชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรค พล.ต.ต.สุรสิทธิ์ สังขพงศ์ หัวหน้าศูนย์ป้องกันการทุจริตเลือกตั้งของพรรค นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรค แถลงข่าวกรณีพบความผิดปกติและข้อร้องเรียนของประชาชนต่อการเลือกตั้งล่วงหน้า

โดยนายประเสริฐกล่าวว่า พบข้อร้องเรียนจากพี่น้องประชาชนจำนวนมาก เช่นการจ่าหน้าซองส่งบัตรเลือกตั้งล่วงหน้าผิดพลาด โดยพบว่ากรรมการประจำที่เลือกตั้งกลาง จ่าหน้าซองส่งบัตรเลือกตั้งล่วงหน้าเพื่อนำกลับไปยังเขตเลือกตั้งที่มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน ทั้งการระบุชื่อจังหวัดผิด ระบุเขตเลือกตั้งผิด และการเขียนรหัสจังหวัด รหัสเขตเลือกตั้งผิด เช่นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่จังหวัดนนทบุรี และกาฬสินธุ์ เขต 6 ลงคะแนนให้พรรคเพื่อไทย ที่เขตเลือกตั้งหนึ่ง แต่คะแนนถูกส่งไปอีกเขตเลือกตั้งอื่น การนับคะแนนจะไม่ตรงกับเจตนารมย์ของผู้ใช้สิทธิ์เลือกตั้ง พรรคมีความเห็นว่าเป็นเรื่องใหญ่ และมีความสำคัญยิ่งที่อาจจะส่งผลให้มีการร้องเรียนให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะหรือเสียไป เป็นความผิดพลาดในสาระสำคัญที่ กกต.ต้องรับผิดชอบ

พท.-ก.ก.จวก กกต.ทำอลหม่าน

นอกจากนี้ ยังพบว่าในวันสุดท้ายที่มีการลงทะเบียนผ่านทางอินเทอร์เน็ตแต่ระบบล่ม ประชาชนจำนวนมากไม่สามารถลงทะเบียนได้ อีกทั้งหน่วยเลือกตั้งมหาวิทยาลัยรามคำแหงพบว่า ผู้ใช้สิทธิ์ 2 คน ภูมิลำเนาจังหวัดขอนแก่น ได้รับแจ้งจากประธาน กกต.เขต 14 ว่าการลงทะเบียนของทั้งสองคนไม่สมบูรณ์ ต้องกลับไปใช้สิทธิ์ที่ขอนแก่นในวันเลือกตั้ง อีกทั้งพบว่าเกิดความแออัดคับคั่งในการลงคะแนนในบางหน่วย หลายคนต้องคอยนานกว่า 3 ชั่วโมง และบางคนก็ไปไม่ทันเวลาเพราะจราจรติดขัด รวมทั้งมีปัญหาข้อมูลผู้สมัครและพรรคการเมืองบนป้ายประชาสัมพันธ์หน้าหน่วยเลือกตั้งกลางไม่ครบถ้วน และยังสร้างความสับสน เช่น เขตหนองแขมใบแนะนำตัวผู้สมัครไม่ครบ ที่จังหวัดสุรินทร์ เขต 4  รูปผู้สมัครไม่มี เป็นต้น

ขณะที่นายชูศักดิ์กล่าวว่า ยังมีกรณีการแต่งตั้งผู้สังเกตการณ์ประจำหน่วยเลือกตั้ง เนื่องจาก กกต.ได้เปลี่ยนแนวปฏิบัติการส่งผู้สังเกตการณ์การเลือกตั้งกะทันหัน ทั้งที่กฎหมายการเลือกตั้งไม่ได้เปลี่ยน โดยให้พรรคการเมืองบันทึกค่าตอบแทนของผู้สังเกตการณ์ประจำหน่วยเลือกตั้ง จากเดิมที่ผู้สมัคร ส.ส.จะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายส่วนนี้ ซึ่งค่าใช้จ่ายอยู่ที่ประมาณ 33 ล้านบาท จากหน่วยเลือกตั้งทั้งหมด 95,000 หน่วย (ไม่รวมหน่วยเลือกตั้งล่วงหน้า) ในขณะที่วงเงินค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งของพรรคการเมืองถูกจำกัดอยู่ที่ 44 ล้านบาท และได้ใช้จ่ายไปแล้วเป็นส่วนใหญ่ เมื่อ กกต.มาเปลี่ยนแนวทางกะทันหันเช่นนี้ พรรคการเมืองจึงไม่อาจส่งผู้สังเกตการณ์ประจำหน่วยเลือกตั้งได้ 

พล.ต.ต.สุรสิทธิ์กล่าวว่า ได้รับการร้องเรียนจากพี่น้องประชาชนในบางพื้นที่ แจ้งมาว่าพบเหตุผิดปกติส่อทุจริตหลายประการ เช่น 1.นายตำรวจระดับรองผู้บังคับการ จังหวัดอำนาจเจริญ คนสนิทเจ้าแม่เงินกู้ มีพฤติกรรมวางตัวไม่เป็นกลาง ข่มขู่ผู้สมัครรับเลือกตั้งพรรคอื่น 2.ข้าราชการระดับสูงฝ่ายปกครองในอำเภอหนึ่งของจังหวัดนราธิวาส และอำเภอโนนไทย จังหวัดนครราชสีมา มีพฤติกรรมวางตัวไม่เป็นกลาง

ที่พรรคก้าวไกล นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ รองหัวหน้าพรรค กล่าวว่า พบความผิดปกติหลายอย่าง ตนไม่แน่ใจว่าเป็นการทุจริตหรือไม่ จึงอยากแถลงและตั้งข้อสังเกต แบ่งออกเป็น 4 รูปแบบ ได้แก่​ 1.กรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งไม่กรอกข้อมูล ตัวเลขหน้าซองกรอกไม่ครบ กรอกข้อมูลผิด ยกตัวอย่างเช่น ผู้ใช้สิทธิ์อยู่ที่สุรินทร์เขต 4 แต่เจ้าหน้าที่บอกว่าเป็นเขต 6 หากซองจดหมายถูกส่งไปที่ไปรษณีย์ เจ้าหน้าที่จะส่งไปที่ไหน ตนเชื่อว่าเจ้าหน้าที่ก็คงตอบไม่ได้ นอกจากนี้ยังมีผู้ใช้สิทธิ์ที่ปทุมธานี ไม่เขียนเลขรหัส 5 ตัว ตนสงสัยว่าจะต้องดำเนินการอย่างไรต่อ 2.กกต.ไม่ติดรูปภาพและข้อมูลผู้สมัครหน้าหน่วย ซึ่งพบจำนวนมากตั้งแต่วันรับสมัคร โดยพรรคก้าวไกลเคยแจ้งเตือนแล้ว  ล่าสุดพบที่เขตเลือกตั้งที่ 1-2 จังหวัดน่าน พรรคก้าวไกลหมายเลข 6 แต่กลับไม่มีใบแนะนำตัวผู้สมัคร ส.ส. ทำให้ประชาชนเข้าใจว่าพรรคก้าวไกลไม่ส่งผู้สมัคร ส.ส.

3.มีการลงทะเบียนล่วงหน้ามากผิดปกติที่จังหวัดขอนแก่น อำนาจเจริญ ยโสธร ศรีสะเกษ และจังหวัดอื่นๆ  ซึ่งผู้มาใช้สิทธิ์จำนวนหนึ่งไม่ได้มีธุระในวันเลือกตั้ง เช่น กลุ่มผู้สูงอายุที่ไม่มีความจำเป็นต้องเลือกตั้งล่วงหน้า และเหตุใดต้องใช้รถขนคนจำนวนมาก เป็นการซื้อเสียงเพื่อการเลือกตั้งล่วงหน้าหรือไม่ เราอยากเห็นการทำงานเชิงรุกของ กกต. นอกจากนี้ยังมีประชาชนที่ไม่ได้ลงทะเบียน แต่มีชื่อเลือกตั้งล่วงหน้า 4.มีผู้ลงทะเบียนเลือกตั้งล่วงหน้า แต่ไม่มีชื่อในวันเลือกตั้ง

“สำหรับพรรคก้าวไกล เดินทางมาถึงวันนี้ได้รับความนิยมสูงขึ้นมากขึ้นเรื่อยๆ จากนโยบาย ความชัดเจน ตรงไปตรงมา และความเชื่อมั่นในตัวนายพิธา เราไม่ได้แข่งกับใคร เราแข่งกับ กกต.ว่าจะทำอย่างไรให้การเลือกตั้งทำงานอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรม ให้คะแนนออกมาถูกต้อง หากทำได้ผมมั่นใจว่าจะส่งผลให้พรรคก้าวไกลมีคะแนนเป็นอันดับหนึ่ง”

ถอดถอน กกต.ทะลุ 1.1 ล้าน

ส่วนที่เมื่อเกิดปัญหามาก จะไปถึงกระทั่งทำให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะหรือไม่ นายพิจารณ์ระบุว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ต้องให้ความเห็นอย่างระมัดระวัง ตนไม่แน่ใจว่ามีความพยายามของบุคคลบางกลุ่มให้นำไปสู่การโมฆะหรือไม่ เพื่อนำไปสู่การยืดระยะเวลาของการเลือกตั้งออกไป หากเกิดขึ้นจริงพี่น้องประชาชนก็จะเกิดความสงสัย และตั้งคำถามถึงผู้มีอำนาจและรัฐบาลรักษาการว่ากำลังทำอะไรอยู่ กำลังพยายามดึงอำนาจของพี่น้องประชาชนออกไปหรือไม่

ที่ลานหน้าที่ว่าการอำเภอบ้านไผ่ จ.ขอนแก่น นายปิยบุตร แสงกนกกุล ผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล กล่าวปราศรัยตอนหนึ่งว่า โดยส่วนตัวแล้วมีความเห็นใจเจ้าหน้าที่ กกต.ในระดับปฏิบัติงานประจำหน่วยเลือกตั้ง ซึ่งเป็นไปได้ว่าการปฏิบัติงานจะต้องมีข้อบกพร่องบ้าง แต่สิ่งสำคัญคือตัวของ กกต.ทั้ง 7 คน ควรที่จะออกมาแสดงความรับผิดชอบ ออกมาชี้แจงต่อประชาชนบ้างว่า ในข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นนั้นจะแก้ไขอย่างไร เพื่อไม่ให้เกิดขึ้นซ้ำอีกในการเลือกตั้งวันที่ 14 พ.ค.นี้ เพราะตั้งแต่เกิดข้อผิดพลาดในการเลือกตั้งล่วงหน้าตามที่ปรากฏในสื่อต่างๆ มีเพียงเลขาธิการ กกต.และเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานที่ออกมารับหน้าเพียงฝ่ายเดียว แต่ กกต.ทั้ง 7 คนกลับไม่ออกมาแสดงความรับผิดชอบใดๆ คิดว่าทั้ง 7 ท่านน่าจะดูงานจากต่างประเทศและกลับมาเรียบร้อยแล้ว

ที่ศูนย์ต่อต้านกัญชา โรงแรมเดวิส สุขุมวิท นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง กล่าวว่า การเลือกตั้งล่วงหน้ามีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นในหลายพื้นที่ในภาคอีสาน เช่น ขอนแก่น, ศรีสะเกษ, อำนาจเจริญ มีการขนคนจำนวนมาก ส่วนใหญ่เป็นคนสูงอายุ โดยหัวคะแนนพาไปลงคะแนน มองว่าเป็นการวางแผนให้ซื้อเสียงล่วงหน้า และผิดวัตถุประสงค์ เพราะเป็นไปไม่ได้ว่าผู้สูงอายุเหล่านี้จะมีธุระในวันเดียวกัน ทำให้ต้องมาเลือกตั้งล่วงหน้าได้เลย อย่างจังหวัดอำนาจเจริญ เป็นจังหวัดเล็กๆ มีการแบ่งเขตการเลือกตั้งเพียง 2 เขต แต่มีผู้สูงอายุลงทะเบียนขอใช้สิทธิ์เลือกตั้งล่วงหน้านอกหน่วยแต่อยู่ในจังหวัดเดียวกัน คือคนที่อยู่ในเขตเลือกตั้งที่ 1 ไปลงคะแนนเลือกตั้งในเขตที่ 2 มีจำนวน 4,735 คน และคนอยู่เขตเลือกตั้งที่ 2 ไปลงคะแนนเขตเลือกตั้งที่ 1 จำนวน 2,554 คน รวมแล้ว 7,259 คน จึงเป็นไปไม่ได้ที่ในวันเลือกตั้งจริงจะติดธุระพร้อมกันและเป็นผู้สูงอายุอีก

สำหรับการรณรงค์แคมเปญร่วมกันลงชื่อถอดถอน กกต. ผ่าน https://www.change.org/ ซึ่งเป็นแคมเปญเก่าที่เคยลงชื่อถอดถอน กกต.จากการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มี.ค.62 โดยบุคคลที่ใช้ชื่อว่า We Love Thailand ทำแคมเปญรณรงค์ล่ารายชื่อประชาชนให้ครบ 1.5 ล้านรายชื่อ ซึ่งแคมเปญดังกล่าวได้กลับมาเคลื่อนไหวอีกครั้ง เมื่อช่วงค่ำวันที่ 8 พ.ค. มีผู้ร่วมลงชื่อสนับสนุนการถอดถอน กกต.จำนวน 1.1 ล้านคน. 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง