หอบหลักฐานมัด‘พิธา’

"บิ๊กตู่" ลุยฝนขึ้นรถแห่หาเสียงทั่วชุมพร อ้อนเสียงหายแต่ใจยังสู้  บอกลุงตู่คนนี้ไม่เคยทรยศชาติ-ปชช.  "รทสช." วางคิว 11 พ.ค. ปราศรัยใหญ่ปักธงเมืองคอน ปลุกพลังคนไทยรักชาติออกมาช่วยพี่ตู่ "อนุทิน" ไร้กังวล มั่นใจพา ส.ส.ภูมิใจไทยเข้าสภามากที่สุด  "ปชป." ตั้งเวทีใหญ่ลานคนเมือง 12 พ.ค. "จุรินทร์-อภิสิทธิ์" ขนแกนนำขอเสียงโค้งท้าย "พท." ลั่นกวาด "เชียงใหม่-สุโขทัย" ยกจังหวัด "พปชร." ปล่อยเพลง  "37 นะ"  เรืองไกรหอบหลักฐานยืน กกต.เช็กบิล “พิธา” ถือครองหุ้นสื่อ ย้ำชัดถือครองหุ้นก็ผิดแล้ว "หน.ก้าวไกล" โวยโดนดิสเครดิตการเมือง

ตั้งแต่เวลา 07.25 น. วันที่ 10 พ.ค.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรค และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ลาราชการ สวมเสื้อพรรค ลงพื้นที่หาเสียงจังหวัดชุมพรในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้ง โดยออกเดินทางจากสนามบินดอนเมือง พร้อมนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค,  นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค, นายธนกร วังบุญคงชนะ รองหัวหน้าพรรค และแกนนำพรรค  

เมื่อถึงสนามบิน อ.ปะทิว จ.ชุมพร มีประชาชนชาวปะทิวสวมเสื้อสีเหลืองมาต้อนรับ พร้อมมอบดอกไม้ให้กำลังใจ และขอถ่ายภาพ จากนั้นจุดแรกเวลา 09.15 น. พล.อ.ประยุทธ์เดินทางพบปะประชาชนที่ตลาดปะทิว เพื่อช่วยหาเสียงให้นายสันต์ แซ่ตั้ง ผู้สมัคร ส.ส.เขต 2 ชุมพร โดย พล.อ.ประยุทธ์ขึ้นปราศรัยบนรถแห่กล่าวสวัสดีชาวชุมพร

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวช่วงหนึ่งว่า เรื่องการเรียนหนังสือสำคัญที่สุด เรียนแล้วต้องรู้จักคิด ไม่อย่างนั้นจะถูกคนเข้ามาโกหกกล่อมเกลา ซึ่งอันตรายสำหรับบ้านเรา วันที่ 14 พ.ค. อย่าลืมแต่งตัวสวยๆ ออกไปกาบัตรเลือกตั้ง อย่ากาผิด    สองบัตรสองใบ สีม่วงเบอร์ 12 สีเขียวเบอร์ 22 ต้องไปทั้งคู่ ให้ได้คะแนนเสียงซึ่งตนจะได้เข้ามาบริหารได้ ถ้าบริหารไม่ได้มันก็ลำบากในสภา วันนี้เราเป็นประชาธิปไตยเต็มใบแล้ว เดินหน้าประเทศพร้อมกันไปกับตน

"เขาบอกรักน้อยๆ แต่รักนานๆ ผมไม่เอา ผมเอารักมากๆ แต่รักนานๆ ด้วย วันนี้มีเรื่องจะพูดเยอะ แต่มันตื้นตัน รักจังฮู้ ที่มาเพราะแรงคิดถึง รักแรง ทั้งนี้ผมทำมา 8 ปี รู้ปัญหา คือต้องหาเงินเข้ากระเป๋า ไม่อย่างนั้นทำไม่ได้ ซึ่งไทยเป็นประเทศที่น่าลงทุนมากที่สุด เงินกระเป๋าซ้ายก็ตุงขึ้นมา และจ่ายกระเป๋าขวาให้พวกเราดูแลสวัสดิการ ถ้าไม่มีสตางค์มันทำอะไรไม่ได้ มันดีแต่โม้กันทั้งนั้น" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ประชาชนต่างตะโกน “ลุงตู่สู้ๆ” ตลอดเส้นทาง ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ได้ชูกำปั้นพร้อมกล่าวว่า สู้ตายๆ ไม่ใช่สิ สู้ไม่ตาย พร้อมถามประชาชนสู้-ไม่สู้ๆๆ ประชาชนกล่าวว่า สู้ๆ

พล.อ.ประยุทธ์ยังกล่าวว่า ทุกคนคืออนาคตของประเทศไทย ร่วมกันก้าวเดินไปพร้อมกับลุงตู่ ยืนยันถ้าได้เป็นรัฐบาลทุกอย่างต้องดีขึ้นแน่นอน

จากนั้นเวลา 10.30 น. พล.อ.ประยุทธ์เดินทางมาถึงบริเวณตลาดนัดท่าแซะ อ.ท่าแซะ ขึ้นรถแห่พบปะประชาชนช่วยผู้สมัครหาเสียง ซึ่งบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก มีประชาชนนำดอกกุหลาบ สะตอ ใบเหลียง และผ้าขาวม้า มามอบให้กำลังใจ พร้อมตะโกนรักลุงตู่ และร้องเพลง "ลุงตู่อยู่ไหน" ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ได้ทำท่าเบ่งกล้าม พร้อมกล่าวว่า ทำเพื่อคนไทยต้องแข็งแรง

พี่ตู่เสียงแห้งอ้อนคนชุมพร

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เราต้องสู้เพื่อชาติ สู้เพื่อ 3 สถาบันแกนหลักของเรา พระมหากษัตริย์มีคุณกับแผ่นดิน มากมายมหาศาล และสู้เพื่อครอบครัว ทำทุกอย่างให้ถูกต้อง อย่างไรก็ตาม ระหว่างนั้นได้มีชาวบ้านถามว่า เรียกพี่ตู่ได้ไหม พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า จะเรียกพี่ตู่หรืออะไรเรียกไป ตนไป 3 จังหวัดใต้มา ก็เรียกตน "แบยุทธ์" เรียกพี่ตู่ก็ได้ชอบ ถ้าเรียกลุงตู่ก็ชอบลงไปนิด แต่ยังไงก็เป็นพี่ตู่ ลุงตู่ของทุกคน รักทุกคน หัวใจมีแต่พวกเรา จะเรียกอะไรก็เรียกเถอะ แต่ขอให้เลือกเบอร์ 22 กับเบอร์ 12

"รักนะจ๊ะ ความรักไม่มีเปลี่ยนแปลง รักทุกคน รักทุกวัน รักกันไม่มีวันหยุด เราจะทำถนนเส้นทางไป จ.ระนอง เขตเศรษฐกิจภาคใต้เราทำผังไว้แล้ว จะได้มีการลงทุนมาขึ้น มีรายได้มากขึ้น นะจ๊ะ  รถไฟรางคู่ ทุกอย่างเราทำไว้พร้อมหมดแล้ว เพียงแต่เราหาเงินไปขึ้นรถไฟให้ได้ หรือได้ใช้ของอะไรดีๆ ขึ้นมาบ้างใช่ไหม ช่วงนี้อาจจะต้องประหยัดไประยะหนึ่งก่อน สิ่งที่เราดูแลมันเยอะมาก ทั้งประเทศ เราต้องดูแลคน 70 ล้านคน รักทุกคนนะจ๊ะ รักจังฮู้ ใครรักนายกฯ บ้างยกมือ" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

เวลา 11.20 น. พล.อ.ประยุทธ์เดินทางไปถึงเทศบาลเมืองชุมพร และขึ้นรถแห่พบปะทักทายประชาชน พร้อมสักการะศาลหลักเมืองชุมพร หาเสียงช่วยผู้สมัครของพรรค

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวช่วงหนึ่งว่า ยังไม่ได้พูดถึงว่าจะไปร่วมอะไรกับใคร ยังไม่พูด รวมไทยสร้างชาตินี่คือพรรคของเราที่เคยได้ทำงานมาแล้ว ทำเป็น ทำต่อ ทำแล้ว ทำอีก ซึ่งต้องทำต่อไป วันนี้เราอย่ารังเกียจกัน เพราะเราเป็นคนไทยด้วยกันทั้งหมด ต้องช่วยกันดูแลประเทศชาติกันต่อไป สิ่งสำคัญที่สุดวันนี้คือความรักความสามัคคี ขอเรื่องเดียว อย่าทะเลาะกันอีก ไม่เช่นนั้นจะแก้ไขไม่ได้ ถ้าเราทะเลาะกันแบบเดิมมันก็ไปไม่ได้ทั้งหมด ประเทศก็จะถอยหลัง ทั้งที่วันนี้ประเทศเดินหน้าไปเยอะแล้ว

"วันนี้ผมพร้อมที่จะสู้ สู้ทุกอย่าง สู้ทุกเม็ด วันนี้รวมไทยสร้างชาติสู้อย่างโดดเดี่ยว แต่ไม่โดดเดี่ยวอีกแล้ว เพราะมีประชาชนทุกคนอยู่ร่วมกับรวมไทยสร้างชาติ ใช่หรือไม่ บ้านเมืองของเราต้องสงบสุข ไม่เช่นนั้นไปไม่ได้ เราจะย้อนกลับไปสู่อดีตอีกไม่ได้แล้ว อย่าไปหลงเชื่อสิ่งที่ไม่ใช่ความจริง ขอให้เชื่อมั่นในพรรครวมไทยสร้างชาติ ตนจะพยายามทำให้ดีที่สุด เราจำเป็นต้องเป็นรัฐบาลที่มีพรรคร่วมหลายพรรค แต่ถ้าเราได้เสียงจากการเลือกตั้งเข้ามามากหน่อย เราก็จะมีเสียงแข็งแกร่งในรัฐบาล เพราะนายกฯ มีคนเดียวไม่พอ จะต้องได้รับความร่วมมือร่วมใจในสภาด้วย ถ้าผมได้เป็นรัฐบาล ก็จะทำและพัฒนาทุกอย่างให้มากยิ่งขึ้น คนใต้รักใครรักจริง ใช่หรือไม่ ผมเองก็รักจริง ไม่ขี้ฮก แม้ผมจะไม่ใช่คนใต้" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการหาเสียง พล.อ.ประยุทธ์มีอาการเสียงแหบแห้ง เนื่องจากได้ลงพื้นที่ปราศรัยและขึ้นรถแห่ขอคะแนนเสียงตลอดช่วงโค้งสุดท้ายก่อนที่จะมีการเลือกตั้งโดยไม่มีวันหยุด

ต่อมาเวลา 13.50 น. พล.อ.ประยุทธ์ เดินทางมาถึงตลาด อ.สวี เพื่อช่วยนายสุพล จุลใส ผู้สมัคร ส.ส.เขต 3 หาเสียง พล.อ.ประยุทธ์กล่าวปราศรัยบนรถแห่ว่า วันนี้ดีใจ พอฝนหยุดก็มากันเยอะ ดีใจที่ได้มาพบกับพี่น้องชาว อ.สวี หลายปีที่ผ่านมาขอให้มองว่าตนทำอะไรให้บ้าง วันนี้ขอฝากพรรครวมไทยสร้างชาติด้วย ถ้าตนเป็นรัฐบาลต่อไปจะทำให้ดีกว่าของเดิม

'อนุทิน' ลั่น ภท.ไร้กังวล

 “แผ่นดินไทยเป็นแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์ เกิดมาต้องตอบแทนแผ่นดิน เราเหยียบย่ำมานานแล้ว หาประโยชน์มาเยอะแล้วต้องตอบแทนแผ่นดิน ผมเป็นคนใจดี ไม่ใช่คนขี้โมโห ไม่เคยหาผลประโยชน์จากพวกท่าน สิ่งที่ต้องแก้ไขก็ต้องแก้ไข ถ้าเลือกคนที่ทำเป็นแล้ว ก็ไปต่อ ดีใจมาจากไหนกันเยอะ วันนี้จะเป็นลุงตู่เชิญยิ้มหรือเปล่า นี่พี่ตู่ตัวจริง อารมณ์ดีจริงๆ เวลาเจอพวกเรา เวลาทำงานก็เครียด อย่าไปเชื่อใครว่าผมเป็นคนขี้โมโห แล้วว่าผมพูดไม่เพราะ แต่เวลาโมโหมันก็มีบ้าง ต้องการคนจริงใจไหมหรือต้องการคนพูดหวานๆ แต่โกหก ลุงตู่ พี่ตู่ แบยุทธ์ ยังไงก็คือลุงตู่คนนี้ คนที่ไม่เคยทรยศประเทศชาติ” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

แคนดิเดตนายกฯ พรรค รทสช.กล่าวว่า ขอให้ใช้ใจ มองด้วยตา ฟังด้วยหู แล้วตัดสินด้วยหัวใจว่ารักผมไหม ควรจะรักไหม เขาบอกว่าเราเป็นช้างป่วย ก็เท่ากับว่าพวกเราด้วยคนไทย จะต้องไม่ใช่คนป่วย ประเทศไทยต้องไม่ป่วย วันนี้พูดอะไรแล้วต้องทำ เพียงแต่ขอเวลาทุกอย่างจะดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ตนอยู่มาหลายปี บ้านเมืองสงบสุขไม่ใช่หรือ และจะขอเป็นศัตรูกับคนที่ทำผิดกฎหมาย และตนก็ไปทำอะไรไม่ได้ อยู่ที่กระบวนการยุติธรรม ถ้าทำผิดกฎหมายก็ขึ้นอยู่กับกระบวนการยุติธรรม

เวลา 15.30 น. พล.อ.ประยุทธ์เดินทางถึง อ.หลังสวน ขึ้นรถแห่พร้อมแกนนำเพื่อพบปะทักทายประชาชน โดยช่วงหนึ่งได้มีสายฝนโปรยลงมา แต่ขบวนรถแห่ยังคงดำเนินต่อไปท่ามกลางสายฝน

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ลุงตู่เสียงค่อยลงไปเรื่อยๆ แต่ก็ยังสู้อยู่ ดีใจที่ได้มาหลังสวน อำเภอที่สุขสงบเรียบร้อยดี มีทรัพยากรมากมาย โอกาสกำลังเข้ามา การลงทุนกำลังเข้ามา อย่าตัดสินใจผิด ตนไม่ใช่คู่ขัดแย้งของใคร แต่เป็นคู่ขัดแย้งกับความยากจน เป็นคู่ขัดแย้งกับคนไม่ดี เป็นคู่ขัดแย้งกับพวกทุจริตผิดกฎหมาย ต้องไม่ทำ รักนะจ๊ะ รักหมดหัวใจ หัวใจของชายชาติทหารคนหนึ่ง วันนี้ต้องมาเป็นนักการเมือง ต้องสู้ไปด้วยกัน ปล่อยผมสู้คนเดียวไม่ได้ สู้ด้วยกันไปกับรวมไทยสร้างชาติ

ด้านนายธนกร วังบุญคงชนะ รองหัวหน้าพรรค รทสช. กล่าวว่า วันที่ 11 พ.ค. พล.อ.ประยุทธ์จะลงพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช พร้อมแกนนำพรรคทั้งนายพีระพันธุ์, นายเอกนัฏ, นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี และตน เพื่อปราศรัยใหญ่ปักธงเมืองคอน

"ช่วงโค้งสุดท้ายของการเลือกตั้ง การลงพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช เพื่อต้องการแสดงพลังและความตั้งใจจริงของ พล.อ.ประยุทธ์ พร้อมรับใช้ประชาชนอย่างที่ประกาศ ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ" นายธนกรกล่าว

ขณะที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวถึงการเลือกตั้งวันที่ 14 พ.ค.ว่า อีก 4 วันก็ถึงวันเลือกตั้งแล้ว ตอนนี้พรรค ภท.ไม่มีอะไรต้องกังวล ถ้ายังกังวลก็ต้องเตรียมตัวแพ้แล้ว พรรคเตรียมพร้อมทั้งผู้สมัครและนโยบายอยู่แล้ว ซึ่งทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับประชาชน อย่างไรก็ตาม หวังว่าพรรค ภท.จะได้รับเลือก ส.ส.เข้าสภาได้มากที่สุด

ถามถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร ประกาศจะขอกลับประเทศไทย จะมีผลอย่างไรกับรัฐบาลปัจจุบัน นายอนุทินกล่าวว่า ไม่มีผลอะไร คนไทยทุกคนสามารถเดินทางกลับประเทศบ้านเกิดได้ เข้า-ออกได้อิสระ หากใครมีข้อจำกัดด้านกฎหมาย ก็ปฏิบัติตามกฎหมาย  อย่าไปผูกทุกเรื่องกับการเมือง

เมื่อถามถึงหลังการเลือกตั้งหากกลับมาเป็นรัฐบาลอีก จะยึด 3 กระทรวงเหมือนเดิมหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า กระทรวงเป็นสถานที่ราชการ ไม่มีใครสามารถยึดได้ ขึ้นอยู่กับประชาชน การที่สมาชิกพรรค ภท.ได้เป็นรัฐมนตรีในแต่ละกระทรวง ก็มาจากความชอบธรรม  มาจากการเลือกของประชาชนผ่านกระบวนการเลือกตั้ง ยืนยันว่าทุกกระทรวงดีหมด ไม่มีกระทรวงหลัก หรือกระทรวงรอง เพราะมีการจัดตั้งมานานแล้ว

ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรค ปชป.กล่าวว่า ในวันศุกร์ที่ 12 พ.ค. เวลา 17.00 น. พรรคจัดปราศรัยใหญ่ที่ลานคนเมือง นำโดยนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรค, นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรค, ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ และ น.ส.วทันยา บุนนาค พร้อมด้วยผู้สมัคร ส.ส.เขต กทม. และผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ

"การปราศรัยครั้งนี้จะเป็นการปราศรัยครั้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้งทั่วไปในวันอาทิตย์ที่ 14 พ.ค. โดยจะเน้นเชิญชวนให้ประชาชนคนไทยทั้งประเทศช่วยสนับสนุนผู้สมัคร ส.ส.ปชป.ของพรรคทั่วประเทศ ทั้ง ส.ส.แบบเขตและ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นผู้สมัครที่มีความรู้ความสามารถ  ประสบการณ์ การทำงานในสาขาวิชาชีพต่างๆ พร้อมทั้งการทำงานรับใช้ใกล้ชิดกับประชาชนในพื้นที่มาอย่างยาวนาน" นายองอาจกล่าว

ลั่น 'พท.' ต้องชนะขาด

ที่โรงแรม Wintree City Resort อ.เมืองฯ จ.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย (พท.) นำโดยนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย, นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ประธานคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย, นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ แกนนำพรรค พร้อมด้วยผู้สมัคร ส.ส.เชียงใหม่ พบปะผู้ประกอบการใน จ.เชียงใหม่ มีภาคธุรกิจเข้าร่วม อาทิ สภาหอการค้าเชียงใหม่

นายเศรษฐาให้สัมภาษณ์ถึงการลงพื้นที่ จ.เชียงใหม่ ช่วงโค้งสุดท้ายว่า เราแข่งขันดุเดือดทุกพื้นที่ แต่เรามั่นใจว่านี่เป็นบ้านของเรา ตรงนี้เราจะยกทั้งจังหวัด ถามว่าพื้นที่เมืองพรรคก้าวไกลพยายามจะตี นายเศรษฐากล่าวว่า ไม่ใช่แค่เฉพาะพรรคก้าวไกล มีหลายพรรค วันนี้เราจึงมาให้ความสำคัญด้วยการยกทีมใหญ่มา เมื่อถามว่ากังวลถึงกระแสของพรรคก้าวไกลที่มาแรงช่วงนี้หรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า ไม่ครับ ยังมั่นใจว่าพรรคเพื่อไทยจะเป็นพรรคที่ได้คะแนนเสียงส่วนมากอยู่

เมื่อถามถึงกรณีนายทักษิณทวีตข้อความจะกลับประเทศไทยในเดือน ก.ค. นายเศรษฐากล่าวว่า ท่านเป็นคุณพ่อ คุณตา และเป็นคุณปู่ ตรงนี้ก็น่าเห็นใจ เพราะท่านพูดมาว่า 17 ปีไม่ได้กลับบ้าน และอายุท่านก็มาก ท่านเองก็อยากที่จะกลับมา แต่ท่านก็พูดชัดเจนคือการกลับเข้ามาตามกระบวนการยุติธรรม และไม่เกี่ยวกับพรรคเพื่อไทย เหนือสิ่งอื่นใดการที่ท่านประกาศจะกลับช่วงเดือน ก.ค. ก็เป็นช่วงที่รัฐบาลปัจจุบันยังรักษาการอยู่ ฉะนั้นก็ไม่เกี่ยวกับพรรคเพื่อไทย ส่วนจะส่งผลเป็นแรงบวกหรือแรงลบ ประชาชนต้องตัดสินเอง

ซักว่า มีคนออกมาตั้งขอสังเกตว่าเป็นการเรียกคะแนนให้พรรคเพื่อไทย นายเศรษฐาตอบว่า ไม่มีคอมเมนต์ตรงนี้

ส่วนกรณีนายอนุทินให้สัมภาษณ์ถึงคนที่ออกมาพูดจะยึดกระทรวงคมนาคมไม่ยกให้ใคร เป็นเรื่องไม่เหมาะสม นายเศรษฐากล่าวว่า ตรงนี้ตนต้องขอความเป็นธรรม เพราะหลายพรรคก็พูดว่าถ้าเป็นรัฐบาลจะเอากระทรวงใด กระทรวงคมนาคมก็เป็นกระทรวงหลัก ที่ตนไปพูดก็พูดกับสหกรณ์รถแท็กซี่ ที่เกี่ยวกับกระทรวงคมนาคมโดยตรง และถือเป็นหนึ่งในกระทรวงเศรษฐกิจที่พรรคเพื่อไทยมีความชำนาญในการบริหารอยู่แล้ว ตนไม่ได้ประกาศว่าจะยึด แต่มีคำถามมาว่าหากได้เป็นรัฐบาลก็อย่าไปยกกระทรวงนี้ให้คนอื่น ตนก็ตอบว่าใช่ ไม่ได้เป็นการไม่ให้เกียรติประชาชน แต่ต้องไปดูทั้งหมดว่ามีบทสนทนาออกมาเช่นนั้น

"ผมไม่ได้ตั้งใจล่วงอำนาจประชาชน แน่นอนว่าต้องเลือกตั้งมาก่อน และต้องมีการประกาศผลจากทาง กกต.เป็นขั้นเป็นตอนอยู่แล้ว" นายเศรษฐากล่าว

จ.สุโขทัย นายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำพรรค พท. พร้อมด้วยนายสัตวแพทย์ชัย วัชรงค์ คณะกรรมการทีมเศรษฐกิจพรรค ลงพื้นที่ศูนย์การเรียนรู้การเกษตร เทิดไทฟาร์ม อำเภอศรีสำโรง จังหวัดสุโขทัย เพื่อปราศรัยช่วยนางพรรณสิริ กุลนาถศิริ ผู้สมัคร ส.ส.สุโขทัย เขต 1 เบอร์ 1 พรรคเพื่อไทย โดยบรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคัก

นายสมศักดิ์กล่าวว่า พรรคเพื่อไทย ที่มีรากฐานมาจากพรรคไทยรักไทย ได้มีนโยบายที่ประชาชนชื่นชอบมากที่สุด เพราะเชื่อมั่นว่าจะสามารถทำได้จริง เหมือนในอดีตอย่างแน่นอน เนื่องจากพรรคมีทั้งประสบการณ์และบุคลากรมืออาชีพ ผลักดันสำเร็จมาแล้วหลายโครงการ แต่ครั้งนี้ทุกนโยบายจะสามารถขับเคลื่อนได้

"พี่น้องประชาชนต้องช่วยกันเลือกให้เกิดแลนด์สไลด์ จะได้ชนะ 250 ส.ว. เพื่อจะสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ ซึ่งขณะนี้ฝ่ายอำนาจเดิมกำลังจะหมดอำนาจ ดังนั้นพวกเราต้องช่วยกัน ไม่ต่ออำนาจให้พวกเขาอีก ด้วยการเลือกพรรคเพื่อไทยทั้ง 2 ใบ โดยการเลือกตั้งครั้งนี้ ผมจะทำตามความฝันให้สำเร็จด้วยการชนะทั้ง 4 เขตของจังหวัดสุโขทัย" นายสมศักดิ์กล่าว

'พิธา' โวยโดนดิสเครดิต

ในส่วนพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจเฟซบุ๊กและ tiktok “สกลธี ภัททิยกุล” ได้ปล่อย MV เพลง “37 นะ” ความยาว 3.03 นาที พร้อมท่าเต้นเลข 37 คิดโดยนายสกลธี ภัททิยกุล อีกทั้งยังมีผู้สมัครทั้ง 33 เขต ในกรุงเทพฯ รวมถึง “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ มาร่วมชูนิ้ว 37 สร้างสัญลักษณ์ พลังของความรัก ความหวัง เพื่อก้าวข้ามความขัดแย้งอีกด้วย ทั้งนี้ มีผู้ใช้โซเชียลมีเดียเข้ามาแสดงความเห็นชื่นชมและกดไลก์เป็นจำนวนมาก

นายสกลธีกล่าวว่า เพลง “37 นะ” ได้รับความอนุเคราะห์จากคุณดี้-นิติพงษ์ ห่อนาค นักแต่งเพลงชื่อดัง มาช่วยแต่งเพลงดังกล่าว เพื่อใช้เพลงสื่อถึงประชาชนในช่วงโค้งสุดท้ายของการหาเสียงเลือกตั้งและปลุกใจพลังเงียบให้ออกใช้มาสิทธิ์ เลือกเบอร์ 37 เข้าไปทำหน้าที่ในสภาด้วย

ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ผู้สมัคร ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ยื่นคำร้องต่อ กกต. ขอให้ตรวจสอบว่าการที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ผู้สมัครส.ส.และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคก้าวไกล มีลักษณะต้องห้ามในการลงสมัครรับเลือกตั้ง ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 98 (3) หรือไม่ เนื่องจากมีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) 42,000 หุ้น

นายเรืองไกรกล่าวว่า ได้พบหลักฐานตามเอกสาร บมจ.6 ที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้าส่งมา ณ วันที่ 27 เม.ย.65 นายพิธายังคงเป็นผู้มีชื่อถือหุ้นจำนวนดังกล่าวอยู่ และบริษัท ไอทีวีฯ เป็นบริษัทที่ประกอบธุรกิจสื่อ และมีรายงานการประชุมล่าสุดที่มีผู้ถือหุ้นถามผู้บริหารว่าบริษัท ไอทีวีฯ เป็นสื่อหรือไม่ ซึ่งผู้บริหารก็ได้ตอบว่าเป็นบริษัทสื่อ จึงจำเป็นต้องร้องให้ กกต.ตรวจสอบ ซึ่งการที่นายพิธาออกมาระบุว่าได้ชี้แจงต่อ ป.ป.ช.ก็ขอบคุณ เพราะก็ถือว่าเป็นการยอมรับเป็นเรื่องที่ดี แม้จะระบุว่าหุ้นดังกล่าวไม่ใช้ของตนเอง เป็นกองมรดกและตัวเองเป็นผู้จัดการเท่านั้น แต่อยากให้ดูรัฐธรรมนูญมาตรา 98 (3) เขียนเพียงว่าผู้จะลงสมัคร ส.ส.ต้องไม่เป็นผู้ถือครองหุ้นสื่อเท่านั้น 

ถามว่านายพิธาระบุได้มีการหารือและชี้แจงกับ ป.ป.ช.แล้ว นายเรืองไกรกล่าวว่า เป็นกฎหมายคนละฉบับกัน  เพราะเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับคุณสมบัติการลงสมัคร ส.ส. สิ่งที่นายพิธาอ้างน่าจะเป็นเรื่องการถือครองหุ้นและแจ้งบัญชีทรัพย์สิน โดยตนได้ไปตรวจสอบการแจ้งบัญชีทรัพย์สินของนายพิธาระหว่างดำรงตำแหน่ง ส.ส. ก็ไม่พบว่ามีการแจ้งหุ้นดังกล่าวต่อ ป.ป.ช. ช่วงเช้าที่ผ่านมาจึงได้ไปยื่นคำร้องต่อ ป.ป.ช.ให้ตรวจสอบว่านายพิธาแจ้งบัญชีทรัพย์สินเป็นเท็จหรือไม่    

 “เรื่องนี้อยากให้ กกต.ดำเนินการโดยเร็ว เพราะผลที่ออกมาก่อนและหลังเลือกตั้งจะแตกต่างกัน ถ้าทำเสร็จหลังการเลือกตั้งต้องยื่นศาลรัฐธรรมนูญ ก็จะเหมือนกับนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ที่ศาลวินิจฉัยว่าขาดคุณสมบัติเนื่องจากถือหุ้นวีลัค มีเดีย จะทำให้ความเป็น ส.ส.สิ้นสุดลงเฉพาะตัว ไม่มีผลถึงเรื่องยุบพรรค” นายเรืองไกรกล่าว

ถามว่า มีคนมองการยื่นเรื่องนี้เพื่อสกัดนายพิธา นายเรืองไกรกล่าวว่า นายพิธาก็โพสต์แล้วเมื่อวานนี้ ก็แล้วแต่ใครจะมอง แต่ตนพบเหตุตนก็มาร้อง  ส่วนอีกด้านหนึ่งจะได้ประโยชน์หรือไม่ ตนไม่เกี่ยว และไม่กังวลว่าเพื่อไทยจะได้ประโยชน์จากเรื่องนี้  

ด้านนายพิธา กล่าวถึงเรื่องดังกล่าวว่า ในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้งจะมีการนำเรื่องนี้มาดิสเครดิตหวังผลทางการเมือง เพื่อลดทอนความเชื่อมั่นต่อตนและพรรคก้าวไกล นี่คือเจตนาที่แท้จริงของผู้ร้องมากกว่าการหวังผลทางกฎหมาย ดังนั้นขอให้ประชาชนผู้สนับสนุนพรรคก้าวไกลไม่ต้องเป็นกังวล เพราะการเลือกตั้งครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว แต่คือเรื่องของทุกคนที่อยากเห็นประเทศไทยเกิดการเปลี่ยนแปลง.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง