ยื่นกกต.สอบเพิ่ม ‘พิธา’พ้นสมาชิก จบฮาร์วาร์ดไหน

“เรืองไกร” ตามบี้ กกต. สอบสถานะหัวหน้าพรรค “พิธา” เผยร่างข้อบังคับพรรคก้าวไกลมัดตัวเอง  เชื่อเรื่องถึงศาลรัฐธรรมนูญ ยกเคส  “ธนาธร” เป็นตัวอย่าง พร้อมตั้งคำถาม จบจากฮาร์วาร์ดไหน ขณะที่ ก.ก.ร้อง เขต 10 ชลบุรี เกิดปัญหานับคะแนนขอเลือกตั้งใหม่ ด้าน ตร.สรุปเลือกตั้งเหตุรุนแรงน้อย

เมื่อวันที่ 16 พ.ค.66 ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ได้มายื่นหนังสือต่อกกต. ขอให้ตรวจสอบเพิ่มเติมว่า นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล  เข้าข่ายพ้นจากสมาชิกพรรคและหัวหน้าพรรคก้าวไกล ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 มาตรา 24 หรือไม่ และจะมีความผิดตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 มาตรา 112 วรรคหนึ่งหรือไม่ สืบเนื่องจากกรณีการถือครองหุ้นสื่อ บริษัท ไอทีวี จำกัด​ (มหาชน)​ โดยระบุว่า การเป็นสมาชิกพรรคก้าวไกลของนายพิธาจะต้องเป็นไปตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 มาตรา 24 ที่ระบุว่า สมาชิกพรรค ต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามที่กำหนดในข้อบังคับตามรัฐธรรมนูญมาตรา 98 การถือครองหุ้นในกิจการสื่อสารมวลชนใดๆ

ขณะที่มาตรา 112 ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมืองระบุว่า คนที่รู้ตัวว่าไม่มีคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามในการเป็นหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค เหรัญญิก รวมถึงกรรมการบริหารอื่นของพรรค แต่ยินยอมรับการแต่งตั้งเพื่อดำรงตำแหน่งดังกล่าว ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ขณะที่พรรคการเมืองแต่งตั้งบุคคลให้ดำรงตำแหน่งตามวรรคหนึ่ง โดยรู้ว่าคนนั้นไม่มีคุณสมบัติ หรือมีลักษณะต้องห้าม   ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 1 แสนบาท

ทั้งนี้ ในข้อบังคับพรรคก้าวไกล ซึ่งยังใช้บังคับอยู่ในขณะที่นายพิธาแสดงตนเป็นสมาชิกพรรค ในข้อ 12 ระบุว่า สมาชิกต้องไม่มีลักษณะต้องห้าม คือเป็นบุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิลงรับเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ มาเป็นสมาชิกพรรค ข้อ 21 กำหนดการสิ้นสมาชิกว่า เมื่อขาดคุณสมบัติตามข้อ 11 หรือมีลักษณะต้องห้ามตามข้อ 12  ส่วนข้อ 37 ได้บอกว่ากรรมการบริหารพรรคจะสิ้นสุดลงเฉพาะตัวเมื่อพ้นจากสมาชิกภาพ ดังนั้นข้อบังคับพรรคก้าวไกล ข้อ 12 (6) จึงรวมถึงลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญมาตรา 98 ทุกอนุมาตรา และใน (3) กำหนดว่า คนที่ถือครองหุ้นสื่อใดๆ เป็นบุคคลที่มีลักษณะต้องห้ามไม่ให้ลงสมัคร

นายเรืองไกรกล่าวว่า ด้วยเหตุผลดังกล่าว ทำให้มีเหตุทำให้ต้องร้องต่อ กกต. เพื่อให้ตรวจสอบเพิ่มเติมว่านายพิธา จะเข้าข่ายต้องพ้นจากสมาชิกพรรค และหัวหน้าพรรคก้าวไกลหรือไม่ ส่วนกรณีที่พรรคก้าวไกลแต่งตั้งหรือยินยอมให้นายพิธาดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรค โดยรู้ หรือควรรู้ว่านายพิธามีลักษณะต้องห้ามในการดำรงตำแหน่งดังกล่าว จะเข้าข่ายมีความผิดตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 มาตรา 112 วรรคสองหรือไม่

ขณะที่กรรมการบริหารอื่นของพรรค ที่ร่วมรับรู้หรือสนับสนุนให้นายพิธายังคงเป็นสมาชิกและหัวหน้าพรรค จะเข้าข่ายมีความผิดตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องเช่น ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 หรือมาตา 86 ด้วยหรือไม่ ส่วนผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.ของพรรคก้าวไกลทุกคน ที่ยินยอมหรือยอมรับให้นายพิธาใช้สถานะของหัวหน้าพรรคลงนามรับรองให้เป็นผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ทั้งแบบแบ่งเขตและแบบบัญชีรายชื่อ จะเข้าข่ายมีความผิดตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องด้วยหรือไม่

จึงขอให้ กกต.ตรวจสอบเพิ่มเติมในเรื่องนี้ และเมื่อเป็นคำร้องแล้ว ก็ให้พรรคก้าวไกลและนายพิธาไปยื่นแก้ข้อกล่าวหาตามขั้นตอน คนตัดสินคือกระบวนการยุติธรรม ซึ่งวันนี้คิดว่าต้องไปที่ศาลรัฐธรรมนูญ เช่นเดียวกับกรณีการถือหุ้นสื่อของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ รอดหรือไม่รอด ขึ้นอยู่กับการต่อสู้คดีของนายพิธาและการตัดสินของศาล

 “ผมอยากเห็นคนรุ่นใหม่เป็นนายกฯ แต่นายกฯ ต้องสง่างาม โปร่งใส ตรวจสอบได้ ขอให้ตรงไปตรงมา แม้ฝันอยากไปเป็นเลขาฯ ยูเอ็น ก็ขอให้คุณพิธาบอกพี่น้องประชาชนอย่างตรงไปตรงมา”

 นายเรืองไกรกล่าวว่า มีคนทักมาจากสหรัฐอเมริกา ที่นายพิธาระบุว่าจบจากฮาร์วาร์ดนั้น เป็นฮาร์วาร์ดยูนิเวอร์ซิตี หรือฮาร์วาร์ดเคนเนดี ซึ่งอันหนึ่งเป็นมหาวิทยาลัย ส่วนอีกแห่งไม่ใช่ เป็นเหมือนสถานศึกษาอะไรสักอย่าง ซึ่งตนได้รับทราบจากศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดเมื่อ 2-3 วันที่ผ่านมา เพราะเขาสงสัย จึงไปค้นในทำเนียบรุ่น จึงอยากทราบว่าข้อเท็จจริงคืออะไร อยากให้พูดข้อเท็จจริง ไม่มีเฟก ทั้งนี้ยืนยันว่าตนไม่ได้มีอคติ และที่ผ่านมาก็เคยให้ความช่วยเหลือนายพิธา รวมของคนในพรรคด้วยในเรื่องการตรวจสอบงบประมาณต่างๆ

วันเดียวกัน น.ส.เบญจา แสงจันทร์ ผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล พร้อมด้วย น.ส.นิชนันท์ วังคะฮาต อดีตผู้สมัคร ส.ส.เขต 10 จ.ชลบุรี พรรคก้าวไกล ยื่นคำร้องต่อ กกต. ขอให้สั่งให้การเลือกตั้งในเขต 10 จ.ชลบุรี เป็นโมฆะ และสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ โดย น.ส.เบญจากล่าวว่า เนื่องจากหลังการเลือกตั้งเสร็จสิ้น พบความผิดปกติ ในเขต 10 สัตหีบ จ.ชลบุรี พบบัตรเลือกตั้งเกินมา จึงขอให้ กกต.เปิดเผยข้อมูลการนับคะแนน 5/18 ทั้ง 151 หน่วย 

น.ส.นิชนันท์กล่าวว่า เนื่องจากการนับคะแนนในเขตที่ 10 จ.ชลบุรี พบว่ามีคะแนนเกิน 4,995 คะแนน อีกทั้งเกิดข้อสงสัยว่าการนับคะแนนในเว็บไซต์ ECTREPORT หยุดชะงักชั่วคราว และการรายงานผลเป็นไปด้วยความล่าช้ากว่าพื้นที่อื่นใน จ.ชลบุรี โดยตนเข้าไปสอบถามที่ อ.สัตหีบ ซึ่งเป็นจุดที่รวบรวมคะแนน แต่เจ้าหน้าที่แจ้งว่าคะแนนยังไม่มี โดยตนได้กลับบ้านก่อนเนื่องจากเกิดอาการอ่อนล้า จนกระทั่งเมื่อเวลา 07.00 น. ได้เข้าไปดูการประกาศผลคะแนนที่หน้าอำเภอ โดยพบว่าคะแนนที่รวมมานั้นเกินกว่า 4,995 ซึ่งได้สอบถามกับเจ้าหน้าที่ กกต. พบว่าลงคะแนนบัตรเสียผิด 7,229 ใบ ซึ่งตนมองว่าบัตรที่เกินมานั้นไม่ใช่จำนวนที่น้อยๆ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงาน กกต.ได้ชี้แจงกรณีดังกล่าวแล้วระบุว่า เจ้าหน้าที่กรอกข้อมูลผิดพลาดจริง ยืนยันว่าบัตรเสียมีจำนวนแค่ 2,234 ใบเท่านั้น ไม่ใช่จำนวน 7,229 ใบ ตามที่ได้เป็นข่าว

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.นิธิธร จินตกานนท์ ผู้บัญชาการประจำสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะโฆษกศูนย์อำนวยการรักษาความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อยการจัดการเลือกตั้ง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (โฆษก ศลต.ตร.) กล่าวว่า ปัญหาการกระทำผิดคดีต่างๆ ของพรรคการเมือง ก็ไม่พบว่ามีเพิ่มเติม ซึ่งโดยสรุปรวมแล้วมีอยู่ 8 คดี ซึ่งจะได้สรุปผลไปตามพยานหลักฐานที่ปรากฏให้ กกต.ไปแล้ว 4 คดี ส่วนอีก 4 คดีอยู่ระหว่างสืบสวนสอบสวน ซึ่งก็เจอหลักฐาน แต่ไม่เจอผู้กระทำผิด ทางตำรวจก็ต้องเข้าไปรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม และแจ้ง กกต.ต่อไป

พล.ต.ท.นิธิธรกล่าวว่า วันนี้ตัวแทนจาก กกต.ได้เข้าร่วมประชุมด้วย โดยสรุปแล้ว กกต.เองมีเรื่องที่แจ้งมาที่ กกต.เกือบกว่า 200 คดีที่เกี่ยวกับการซื้อเสียง ซึ่งพนักงานสืบสวนของ กกต.ต้องเร่งดำเนินการ ส่วนเหตุรุนแรงในพื้นที่เสี่ยง เชื่อว่าจากการที่ ผบ.ตร.ได้ระดมกำลังกวาดล้างอาชญากรรมทั่วประเทศตั้งแต่ช่วงสงกรานต์ ต่อเนื่องมายังมีการเลือกตั้ง ทำให้สามารถยึดปืนอาวุธสงครามกว่า 8,000 กระบอก ทั้งยังระดมกวาดล้างอาชญากรรมทางเทคโนโลยี สืบสวนเรื่องอะไหล่ปืน การประกอบปืน การระดมจับกุมบุคคลตามหมายจับ การตั้งจุดตรวจจุดสกัด จึงทำให้ไม่มีเหตุร้ายเกิดขึ้น ส่วนจังหวัดที่เฝ้าระวัง 4 จังหวัด พบว่ามีการแข่งขันกันสูงจริง แต่ยังไม่มีเหตุรุนแรงแต่อย่างใด.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ล่าชื่อค้านแก้กัญชา เอกชนชงใช้กม.คุมดีกว่า/อนุทินย้ำต้องถกเหตุผล

"นายกฯ" ยืนยัน "กฤษฎา" พ้นตำแหน่ง "รมช.คลัง" แล้ว รอคุย "รวมไทยสร้างชาติ" หาคนแทน "ธนกร" ชี้เลือกใครไปนั่งเก้าอี้คลังอยู่ที่