ตื่น!สั่งสอบส่วยสติกเกอร์ แฉยุคประยุทธ์จ่ายสูงสุด

นายกฯ ตื่น! สั่งสอบปมส่วยสติกเกอร์รถบรรทุกแล้ว "ผบ.ตร." สั่งจเรตำรวจประสานสอบสวนกลางเร่งตรวจสอบข้อเท็จจริง ขู่พบใครเกี่ยวข้องสั่งฟันทั้งอาญาและวินัย ผบก.ทล.โบ้ย "ส่วย" เป็นปัญหาปลายเหตุ แนะแก้ กม.ดำเนินคดีผู้ประกอบการต้นเหตุบรรทุกน้ำหนักเกิน ปธ.สหพันธ์ขนส่งแฉเอกชนเป็นโบรกเกอร์เก็บเงินจากผู้ประกอบการเคลียร์ ตร. ยุคนี้รุนแรงที่สุด 2.7 หมื่นบาทต่อเดือน ชงนำข้อมูลเพิ่มเติมให้ "ก้าวไกล" 1 มิ.ย.นี้

ที่ทำเนียบรัฐบาล วันที่ 29 พฤษภาคม พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ได้เปิดประเด็นส่วยสติกเกอร์ หรือสติกเกอร์ Easy Pass รถบรรทุก ว่าสั่งการไปแล้ว เดี๋ยวเขาคงจะตรวจสอบอยู่

โดยก่อนหน้านี้ นายวิโรจน์ได้โพสต์เฟซบุ๊กพร้อมภาพ สติกเกอร์ติดหน้ารถบรรทุก โดยระบุว่า "เห็นสติกเกอร์ Easy Pass แบบใหม่ ติดตามรถบรรทุก อยากบอกว่า เบาได้เบา เลิกได้เลิก  มีคนให้ข้อมูลกับผมว่า Easy Pass พิสดารนี่มีหลายรูปแบบมาก มีคนร่ำลือกันว่า ต่อให้บรรทุกเป็น 100 ตันก็ขับผ่านฉลุย แถมไม่ต้องเสียเวลาชั่ง

กลไกคือ จะมีองค์กรลึกลับไปไล่เคลียร์ แล้วเหมาจ่ายไปก่อน จากนั้นก็จะผลิตสติกเกอร์ Easy Pass พิสดาร (ที่ไม่เกี่ยวกับการทางพิเศษ) ออกมา แล้วนำมาจำหน่ายให้กับรถบรรทุกต่างๆ ในราคาหลักพันบาทต่อเดือน ตามระยะทาง และจำนวนด่าน อย่างเช่น สติกเกอร์ Easy Pass รุ่นกระต่ายน้อยคอยรัก แบบนี้ดวงละ ประมาณ 3,000 บาทต่อเดือน สติกเกอร์ Easy Pass พิสดารแบบนี้ ไม่มีกลไกอิเล็กทรอนิกส์อะไร ใช้แค่ตาสังเกต เห็นปุ๊บเป็นอันว่ารู้กัน ไม่ต้องเลิ่กลั่ก แต่รับรองผ่านฉลุย ลุยไม่ยั้ง ไม่ต้องชั่งให้เสียเวลา"

นายวิโรจน์โพสต์ด้วยว่า เรื่องส่วยทางหลวง ต้องหาแนวทางในการปราบปรามให้ได้ ที่ทำกันอย่างโจ๋งครึ่ม ทำกันจนเป็นเรื่องปกติ นี่ต้องหมดไป ส่วนที่ยังไม่ยอมเลิก ยังจะดื้อแอบทำ ก็ต้องเอาให้หัวซุกหัวซุนที่สุดให้ได้ จับได้เมื่อไหร่ส่ง ป.ป.ช.เช็กบิล เอาเข้าคุก เงินสีเทาที่รีดนาทาเร้นเขามา ก็ต้องให้ ปปง.ยึดทรัพย์ให้หมด

"ทราบมาว่า เป็นสติกเกอร์ที่วิ่งได้เฉพาะภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สนนราคาค่าธรรมเนียมนี่สูงถึง 25,000 บาทต่อเดือนต่อคัน ติดปุ๊บสามารถบรรทุกน้ำหนักได้ถึง 70-100 ตันทันที ผ่านตาชั่งได้ฉลุย คนที่ผลิตคงจะเป็น 'คนดีย์' มากแน่ๆ คนดีย์แบบนี้ ป.ป.ช.คงอยากเจอตัวมากเลยล่ะ" นายวิโรจน์ระบุ

ขณะที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคก้าวไกล โพสต์ภาพพร้อมข้อความว่า "จริงๆ ก้าวไกลได้พบปะหารือร่วมกับสมาคมขนส่งทางบกอยู่หลายครั้ง ทางสมาคมได้ร้องเรียนและแนบหลักฐาน  ส่วยทางหลวงไว้อยู่หลายกรณี ใครไม่จ่ายก็โดนเรียกตรวจตลอด ส่วนใครจ่ายก็ไม่เคยโดนเรียกตรวจเลย ปัญหาส่วย ทุจริตคอร์รัปชัน ทำให้ผู้ประกอบการที่ทำทุกอย่างถูกต้องสุจริตรู้สึก 'ไม่แฟร์' เพราะเป็นการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม ประเทศไทยเราเสียโอกาสพัฒนากันมาเท่าไหร่แล้วกับปัญหาการทุจริตคอร์รัปชัน? หลังจากนี้เตรียมพบกับ ส.ส.วิโรจน์ ลักขณาอดิศร มาทลายระบบส่วยให้หมดไปจากประเทศไทย"

ด้าน พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ชี้แจงถึงเรื่องดังกล่าวว่า พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้สั่งการให้จเรตำรวจลงตรวจสอบกรณีดังกล่าวโดยเร่งด่วน ว่ามีข้าราชการตำรวจหน่วยใดกระทำความผิดในลักษณะดังกล่าวหรือไม่ อย่างไร พร้อมให้รายงานกลับมายัง ตร.โดยเร็ว โดยให้ประสานข้อมูลกับตำรวจสอบสวนกลาง ตรวจสอบหน่วยงานในสังกัดอีกทางหนึ่ง พร้อมรับข้อมูลจากสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทยและภาคเอกชนทุกช่องทาง

 "ผบ.ตร.ได้กำชับให้ตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมา หากพบว่ามีข้าราชการตำรวจหรือบุคคลใดทุจริตในเรื่องดังกล่าว หรือเข้าไปเกี่ยวข้องในการกระทำผิดกฎหมาย หรือให้การช่วยเหลือ สนับสนุน ปล่อยปละละเลย ให้สืบสวนรวบรวมหลักฐานตามอำนาจหน้าที่ แล้วรายงานข้อเท็จจริงให้ ตร.พิจารณาดำเนินการต่อไป หากพบว่าเกี่ยวข้องกับผู้ใดจะดำเนินการตามกระบวนการ ทั้งทางวินัย อาญา และปกครองอย่างเด็ดขาดตามนโยบาย"

โฆษก ตร.กล่าวด้วยว่า ผบ.ตร.ได้กำชับการปฏิบัติงานของตำรวจที่เกี่ยวข้องทั่วประเทศ ให้ร่วมกับหน่วยงานต่างๆ บังคับใช้กฎหมายกับผู้ขับขี่รถบรรทุกที่กระทำผิดกฎหมาย และได้สั่งการเพิ่มเติมว่าพร้อมที่จะรับฟังข้อมูล พยานหลักฐาน เอกสารการร้องเรียนจากทุกภาคส่วน เพื่อดำเนินการกับขบวนการส่วยรถบรรทุกอย่างเด็ดขาด โดยสามารถแจ้งข้อมูลมาที่ ตร.โดยตรง หมายเลข 1599 หรือจเรตำรวจ ผ่านระบบ JCOMS หรือแจ้งร้องเรียนเพิ่มเติมตามช่องทาง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2565 มาตรา 43 ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 17 ต.ค.65 ในการร้องเรียนข้าราชการตำรวจประพฤติมิชอบ  หรือได้รับความเดือดร้อน ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการกระทำของตำรวจ สามารถทำหนังสือร้องเรียนแจ้งไปยังคณะกรรมการพิจารณาเรื่องร้องเรียนตำรวจ (ก.ร.ตร.) ทั้งนี้ จเรตำรวจในฐานะเลขา ก.ร.ตร.จะดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป

 ที่กองบังคับการตำรวจทางหลวง (บก.ทล) ถนนศรีอยุธยา พล.ต.ต.เอกราช ลิ้มสังกาศ ผบก.ทล.กล่าวเช่นกันว่า ผบ.ตร.ได้สั่งการให้ บก.ทล.ทำการตรวจสอบข้อเท็จจริง เตรียมตั้งคณะทำงานขึ้นมาตรวจสอบ หากพบว่ามีผู้ประกอบการรายใดกระทำผิดกฎหมายต้องดำเนินการอย่างเด็ดขาด รวมไปถึงหากมีเจ้าหน้าที่รัฐหรือเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้อง นอกเหนือจากการดำเนินการทางกฎหมายแล้ว จะต้องถูกดำเนินการทางวินัยด้วยอย่างเคร่งครัด ยืนยันว่าจะทำอย่างจริงจังแบบถอนรากถอนโคน ก่อนหน้านี้ยังไม่มีข้อมูลว่ามีเจ้าหน้าที่กระทำความผิด แต่หากประชาชนมีข้อมูลเบาะแสสามารถส่งเข้ามาให้ตรวจสอบได้ ยืนยันจะทำอย่างเต็มที่

"ยอมรับว่าปัญหาเรื่องส่วยเป็นปัญหาที่มีมานาน แต่เรื่องส่วยคือปลายเหตุ ปัญหาที่เป็นต้นเหตุคือเรื่องรถบรรทุกหนักเกินกำหนด จึงมองว่าการแก้ไขจำเป็นต้องแก้ในภาพรวม โดยเฉพาะเรื่องการแก้กฎหมาย โดยในปัจจุบันกฎหมายให้ดำเนินคดีกับผู้ขับขี่ ไม่ใช่ผู้ประกอบการรถบรรทุก เมื่อผู้ประกอบการไม่ได้รับผลกระทบจึงเกิดการกระทำความผิดซ้ำ ดังนั้นอาจต้องพิจารณาเรื่องการแก้ไขกฎหมาย เช่นหากจับรถบรรทุก 1 คัน พบว่าบรรทุกหนักเกิน 20% ต้องสั่งยึดรถของผู้ประกอบการรายดังกล่าวทุกคัน เชื่อว่าคงจะสามารถยึดรถบรรทุกได้หลายหมื่นคัน อาจจะทำให้ผู้ประกอบการเกิดความเกรงกลัวไม่กล้ากระทำผิด รวมถึงอาจต้องย้อนถามไปยังสหพันธ์ขนส่งทางบกแห่งประเทศไทยด้วยว่า อะไรคือปัญหาที่แท้จริงที่ทำให้ผู้ประกอบการเกิดความเห็นแก่ตัวจนต้องบรรทุกหนักเกินกำหนด ก็ต้องไปแก้ไขในมิติอื่นๆ ด้วย"

พล.ต.ต.เอกราช กล่าวด้วยว่า ในวันนี้เวลา 13.00 น. ได้เรียกผู้กำกับการและสารวัตรของสถานีตำรวจทางหลวงทั่วประเทศเข้ามาประชุม เพื่อทำความเข้าใจร่วมกันในการกำหนดทิศทางการทำงาน และยืนยันว่ากรณีดังกล่าวหากมีเจ้าหน้าที่คนใดกระทำความผิดต้องรับผิดชอบผลการกระทำของตัวเอง จะมาอ้างว่าอาชีพตำรวจไม่พอกินไม่ได้ เพราะหากเป็นเช่นนั้นให้ไปเลือกอาชีพอื่น ไม่ใช่มาใช้อาชีพตำรวจไปหากิน

ขณะที่นายอภิชาติ ไพรรุ่งเรือง ประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย (สขบท.) กล่าวว่า ที่มาของเรื่องนี้มาจากการที่ผู้บริหารพรรคก้าวไกลได้มารับฟังข้อมูลปัญหาที่สหพันธ์ฯ ก่อนเลือกตั้งประมาณ 3-4 เดือน ยืนยันว่าปัญหาส่วยสติกเกอร์รถบรรทุกมีมายาวนานกว่า 20 ปี แต่นับตั้งแต่ยุค คสช.จนถึงขณะนี้มีความรุนแรงที่สุดกว่าทุกยุค เพราะหากจ่ายส่วยรายเดือน เดือนละ 25,000-27,000 จะสามารถบรรทุกน้ำหนักเกินได้แบบไม่จำกัด เช่น รถบรรทุกพ่วง 22 ล้อ บรรทุกน้ำหนักได้ไม่เกิน 50.5 ตัน หรือ 50,500 กิโลกรัม ก็จะมีการบรรทุกมากเป็น 2 เท่า หรือกว่า 100 ตัน 

ทั้งนี้ จากการประเมินรถบรรทุกที่ต้องจ่ายส่วยสติกเกอร์มีมากถึง 2 ใน 3 ของรถบรรทุกทั้งหมดกว่า 1.5 ล้านคัน ขณะที่สมาชิกสหพันธ์ฯ กว่า 4 แสนคัน มีการทำเอ็มโอยูว่าจะไม่ทำผิดกฎหมาย จึงถูกเอาเปรียบจากผู้ที่จ่ายส่วย เพราะต้นทุนการขนส่งถูกกว่าเกือบครึ่ง หากปล่อยเป็นแบบนี้ต่อไป ผู้ประกอบการที่ทำถูกกฎหมายจะไม่สามารถดำเนินธุรกิจต่อได้ หากไม่เลิกกิจการก็จะต้องเข้าร่วมจ่ายส่วยด้วยเพื่อความอยู่รอด   

นายอภิชาติกล่าวถึงรูปแบบของการเก็บส่วย จะมีเอกชนที่เป็นตัวกลางหรือโบรกเกอร์ ทำหน้าที่เก็บเงินจากผู้ประกอบการไปเคลียร์เจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งตนรู้ว่ากลุ่มคนเหล่านี้เป็นใคร แต่ไม่สามารถเปิดเผยผ่านสื่อได้ กลัวจะถูกฟ้องร้อง ขณะที่สติกเกอร์จะมีหลากหลายรูปแบบ เช่น  กระต่าย นก พระอาทตย์ หรือตัวเลขต่างๆ ซึ่งจะมีการเปลี่ยนทุกเดือนเพื่ออัปเดตว่ารถคันนี้จ่ายส่วยแล้วหรือไม่ สำหรับวิธีสังเกตรถที่จ่ายส่วยแล้ว จะเห็นว่ามีการวิ่งขวา เพราะจะไม่ถูกตำรวจเรียกตรวจ ทั้งนี้ ในวันที่ 1 มิถุนายนนี้ สหพันธ์ฯ จะไปยื่นเอกสารข้อมูลเพิ่มเติมเรื่องส่วยสติกเกอร์ที่พรรคก้าวไกลเพื่อหาทางแก้ไขต่อไป.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง