ปฏิรูปแค่แผนในกระดาษ ไล่บี้กองทัพยุบ‘2กองพล’

"ก้าวไกล" ชี้ปฏิรูปกองทัพแผนในกระดาษ ได้ยินมานานแต่ไม่เห็นผลปฏิบัติ เชื่อทหารเกณฑ์แค่ 6 หมื่นคนก็เพียงพอ บี้ยุบ 2 กองพล ยกเลิกทหารรับใช้-บ้านพักหลวง ยอมรับเป็นนิมิตหมายที่ดีในการร่วมมือกัน ด้าน ทร.เดินหน้ากู้ รล.สุโขทัย

เมื่อวันที่ 1 มิ.ย.66 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค   กล่าวถึงกรณีสภากลาโหมมีความต้องการพลทหารลดน้อยลงว่า เมื่อครั้งตนเป็นกรรมาธิการงบประมาณเมื่อปีที่แล้ว  ตัวแทนจากกระทรวงกลาโหมเข้ามาชี้แจง ตนจึงได้มีโอกาสเห็นเอกสารระบุว่า ได้มีแผนปฏิรูปกองทัพ ซึ่งเตรียมจะทำไว้ตั้งแต่หลายปีก่อน ซึ่งสอดคล้องกับข้อเสนอของพรรคตั้งแต่ครั้งยังเป็นพรรคอนาคตใหม่

"เป็นกระดาษที่ทำให้เห็นภาพอยู่ว่าจะลดงบประมาณกองทัพเท่าไร ลดทหารเกณฑ์เท่าไหร่ แล้วมีการพูดถึงการปฏิรูปกองทัพมาหลายครั้ง ทั้งในและนอกห้องงบประมาณ แต่ปัญหาคือเรื่องเหล่านี้ไม่เคยเกิดขึ้น" นายพิธากล่าว และว่า หากการที่สภากลาโหมออกมาแถลงเป็นความตั้งใจจริงที่จะเปลี่ยนแผนในกระดาษ เป็นแผนปฏิบัติการที่เกิดขึ้นได้จริง ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่น่าชื่นชม และเป็นการปรับตัวของกองทัพ ตามความคิดเห็นของประชาชนที่เห็นว่าความท้าทายของโลกและของประเทศนี้แตกต่างออกไปมากแล้ว

"หากทำให้กองทัพจิ๋วแต่แจ๋ว ทันสมัย มีความเป็นสากลมากขึ้น ก็น่าจะเป็นสิ่งที่ประชาชนชื่นชมไปด้วย ก็ขอให้ครั้งนี้เป็นนิมิตหมายที่แท้จริง หากเกิดขึ้นได้จริงแล้วการทำงานระหว่างพรรคก้าวไกลและกระทรวงกลาโหม รวมถึงสภากลาโหม ก็จะเป็นทิศทางที่ดี และทำให้ประชาชนชื่นใจได้"

ส่วนที่กองทัพแถลงปฏิรูปอัตรากำลังชั้นนายพล 50% จนทำให้ในโซเชียลมีเดียวิจารณ์ว่าเป็นการดิ้นสู้นั้น นายพิธา กล่าวว่า ไม่ทราบข้อมูลตรงกันหรือไม่  แต่เท่าที่ดูจากข่าว แผนของสภากลาโหมที่มีความต้องการพลทหารปีละ 90,000 คน จากเดิมปีละ 100,000 คน มองว่า 60,000 คนต่อปี น่าจะเพียงพอ แต่อย่างน้อยมีเจตจำนงมา เรื่องรายละเอียดสามารถพูดคุยกันได้ แต่อย่างน้อยได้ทำให้กองทัพมีความทันสมัยมากขึ้น ก็ถือเป็นนิมิตหมายที่ดี

นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่า เป็นเรื่องที่น่ายินดีที่ทิศทางจากการประชุมสภากลาโหม ที่ประกอบด้วยผู้บัญชาการและเสนาธิการของเหล่าทัพต่างๆ มีนโยบายสอดรับกับการปฏิรูปกองทัพของพรรคก้าวไกล แต่ปัจจัยสำคัญที่จะทำให้การปฏิรูปกองทัพตามแผนทำได้สำเร็จคือเจตจำนงทางการเมืองของผู้บริหารประเทศและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เพราะสิ่งที่อยู่ในแผนที่กองทัพพูดล้วนไม่ใช่เรื่องใหม่  เป็นสิ่งที่ได้ยินมาตั้งแต่เริ่มเป็น ส.ส.เมื่อปี 2562 แต่ 4 ปีที่ผ่านมา ได้ยินแต่แผนที่เป็นเป้าหมาย ล้วนยังไม่เคยเห็นรายละเอียดเลยว่าการลดกำลังพลและลดนายพลลงครึ่งหนึ่งจะมีวิธีการอย่างไร ความคืบหน้าในแต่ละปีก็ไม่เคยเห็น  ขอข้อมูลไปก็ไม่เคยได้

นายพิจารณ์กล่าวว่า มีเรื่องที่รับทราบใหม่จากการแถลงของกองทัพเมื่อวาน คือการยุติแผนการเสริมสร้างกองพลทหารราบที่ 7 กองพลทหารม้าที่ 3 ของกองทัพบก ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าสนใจ แต่ยังคงต้องลงไปดูในรายละเอียดว่ายุติแผนการเสริมสร้างแล้วทำไมยังต้องคงกองพลเหล่านี้เอาไว้ หลังจากนี้เราจะสามารถพิจารณาไปถึงการยุบทั้งสองกองพลเลยได้หรือไม่

ส่วนการปฏิรูปกองทัพที่ยังไม่เห็นความชัดเจนจากการแถลงเมื่อวาน เช่น ความโปร่งใสของธุรกิจกองทัพจากการใช้ประโยชน์ที่ราชพัสดุ ที่อดีต ผบ.ทบ. ได้เคยทำเอ็มโอยูไว้กับกรมธนารักษ์ว่าจะเปิดเผยรายละเอียด ล่าสุดจากที่ตนได้ทราบมีเพียงแค่ 3-4% เท่านั้นที่ทำข้อตกลงกับกรมธนารักษ์ไปแล้ว รวมถึงความชัดเจนต่อเรื่องทหารรับใช้ และการให้อดีตนายทหารยังสามารถอยู่บ้านในค่ายทหารได้ สิ่งเหล่านี้จะเป็นการปฏิรูปเพื่อสร้างความโปร่งใสและความเชื่อมั่นของประชาชนต่อกองทัพ ทั้งนี้ให้คำมั่นว่าภายใต้รัฐบาลก้าวไกล เชื่อมั่นว่าเราจะสามารถแสวงหาความร่วมมือจากทุกฝ่ายในกองทัพ เพื่อเดินหน้าการปฏิรูปกองทัพได้อย่างแน่นอน

“นี่เป็นเรื่องที่ดีที่กองทัพจะเริ่มมีทิศทางอย่างจริงจังเพื่อขานรับนโยบายของรัฐบาลพรรคก้าวไกล เราเชื่อมั่นว่านโยบายปฏิรูปกองทัพของพรรคก้าวไกลจะทำให้นายทหารที่รักในประชาธิปไตยและทำงานอย่างซื่อตรงต่อหน้าที่ของตัวเอง เข้าใจและยินดีสนองนโยบายอย่างแน่นอน เราจะทำให้การใช้จ่ายงบประมาณของกองทัพมีประสิทธิภาพมากขึ้นและมีความโปร่งใส สามารถตรวจสอบได้ เราจะดูแลสวัสดิการและสวัสดิภาพของนายทหารชั้นผู้น้อยให้ดีขึ้น เราพร้อมที่จะร่วมทำงานกับทุกฝ่าย เพื่อเรียกคืนศักดิ์ศรี เกียรติยศ ความไว้วางใจของประชาชนต่อกองทัพ และสร้างกองทัพที่เข้มแข็งตามอย่างประเทศที่เป็นประชาธิปไตยสากล” นายพิจารณ์กล่าว

ที่ราชนาวิกสภา พล.ร.อ.เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) เป็นประธานในพิธีมอบเครื่องหมายเชิดชูเกียรติเหรียญบางระจันให้แก่ญาติกำลังพลที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์เรือหลวงสุโขทัยอับปางจำนวน 29 นาย โดย พล.ร.อ.เชิงชาย กล่าวว่า ท่านที่ได้รับเหรียญบางระจันจะระลึกถึงผู้ประสบเหตุด้วยความภาคภูมิใจ ที่ทหารหาญเหล่านี้ทำหน้าที่ของตนอย่างชายชาติทหารได้อย่างสมเกียรติ สมศักดิ์ศรี นับเป็นการทำหน้าที่ของทหารเรือไทยอย่างสมบูรณ์ครบถ้วนด้วยความเสียสละอย่างแท้จริง ซึ่งจะเป็นตำนานให้กล่าวขานและจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ของกองทัพเรือตลอดไป”

พล.ร.อ.เชิงชายยังให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีข่าวสำนักงบประมาณอนุมัติงบกลางให้ ทร.ใช้ในการให้เอกชนเข้าทำการกู้เรือหลวงสุโขทัยที่อับปางว่า ทาง ทร.ได้เสนอของบกลางจำนวน 200 ล้านบาท โดยวงเงินดังกล่าวที่ได้เสนอเข้าไปที่กระทรวงกลาโหมแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงบประมาณ ซึ่งการใช้งบกลางในตอนนี้จำเป็นต้องขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ก่อน ส่วนจะให้จำนวนเท่าไหร่นั้น ก็จะแจ้งมาที่ ทร. อาจจะเป็นงบกลางทั้งหมด หรืองบกลางบางส่วน แล้วให้ ทร.ใช้งบเหลือจ่ายทั้งหมดสมทบให้ครบ 200 ล้าน แต่ทร.มีความพร้อมในการจ้างบริษัทกู้เรือที่อับปางในทันทีที่งบประมาณออกมา ขณะนี้ยังไม่ได้ประกาศเชิญชวน แต่มีบริษัทที่เสนอตัว 4-5 บริษัท โดยการดำเนินการก็เป็นไปตามระเบียบการจัดซื้อจัดจ้าง คือราคากลางประมาณ 200 ล้านบาท

ผบ.ทร.กล่าวว่า สำหรับขั้นตอนวิธีการคือ กู้เรือทั้งลำขึ้นมา ไม่ให้มีการตัดชิ้นส่วน เนื่องจากเรือจมอยู่ในระดับความลึก 50 เมตร การทำงานใต้น้ำในระดับน้ำลึกต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญลงไป เพื่อนำเรือขึ้นมาในระดับที่สามารถปฏิบัติการได้ เพื่อทำการซ่อมแซมเรือเพื่อลอยลำก่อนนำเข้ามาที่อู่ ประมาณการในการกู้ 3 เดือน แต่ขั้นตอนในการจัดซื้อจัดจ้างต้องเป็นไปตามระเบียบ คาดว่าคงไม่ทันในสิ้นปีงบประมาณนี้ เพราะขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้างต้องทำหลังจากการอนุมัติงบกลางแล้ว ส่วนขั้นตอนจัดซื้อจัดจ้าง อย่างน้อย 2-3 เดือน และใช้เวลาในการกู้ประมาณ 3 เดือน 

เมื่อถามว่า ได้มีการเฝ้าระวังคนเข้าไปขโมยสิ่งอุปกรณ์บนเรือหรือไม่   พล.ร.อ.เชิงชายกล่าวว่า เรามีหมู่เรือกวาดทุ่นระเบิดไปฝึกในเรื่องการตรวจสอบท้องทะเลบริเวณการเข้า-ออกท่าเรือต่างๆ จึงให้ไปตรวจสอบและถ่ายภาพมาด้วยพบว่าเรือยังจมที่เดิม และ ตั้งลำอยู่เหมือนเดิม ปัจจุบันมีเพรียง และสัตว์น้ำมาเกาะที่ตัวเรืออยู่บ้าง แต่ตัวเรืออยู่ในสภาพดีไม่มีปัญหา โดยจุดที่เรือจมอยู่ห่างจาก อ.บางสะพาน 20 ไมล์ทะเล เป็นเขตที่ ศรชล.ประกาศเป็นพื้นที่ภัยพิบัติไว้ ห้ามไม่ให้ผู้หนึ่งผู้ใดเข้าไปในพื้นที่ เพราะจะเป็นอันตรายได้ อีกทั้ง รล.สุโขทัยยังจมอยู่ในพื้นที่ ยังไม่มีการจำหน่ายออกนอกระบบ ดังนั้นคนที่เข้าไปนำสิ่งของ อุปกรณ์ออกมา มีความผิดตาม พ.ร.บ.การรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ปี พ.ศ.2562 โทษทั้งจำและปรับ

"กู้แน่ รอแค่รัฐบาลอนุมัติงบกลาง เท่านั้นเอง เพราะวัตถุพยานมีผลสำคัญต่อการสอบสอบสาเหตุที่เรือล่ม หลังจากที่เราได้ข้อมูลพยานบุคคลพร้อมแล้ว ก็จะได้นำส่วนนี้มาประกอบเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้อง และสามารถตอบข้อสงสัยของประชาชนได้" พล.ร.อ.เชิงชายระบุ

เมื่อถามว่า จากบทเรียนกรณีนี้ทำให้มีการเพิ่มมาตรการดูแลรักษาความปลอดภัยและเรือชูชีพในเรือทุกลำใช่หรือไม่ ผบ.ทร.กล่าวว่า ระเบียบมีอยู่แล้วในการกำหนดให้มีเสื้อชูชีพให้ครบทั้งกำลังพล ผู้โดยสารทุกคน แต่ได้กำชับในขั้นตอนการปฏิบัติอย่างเคร่งครัด.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง