ก.ก.ขนทีมบีบศาลปมม.112

ก้าวไกลท้ารบศาล! "ลูกเกด" ควง "โรม-เจี๊ยบ" ยื่น ก.ต.สอบผู้พิพากษาเลื่อนนัดคดีเร็วขึ้น ตรงกับวันทนายไม่ว่าง เกรงไม่ได้รับความเป็นธรรม อ้างเตะตัดขาไม่ให้เป็น ส.ส. โฆษกศาลยุติธรรมแจงกลายเป็นหนังคนละม้วน จำเลยมีทนาย 2 คน ทำหน้าที่แทนกันได้

เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2566 ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก น.ส.ชลธิชา แจ้งเร็ว, นายรังสิมันต์ โรม ว่าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) พรรคก้าวไกล และนางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ร่วมยื่นหนังสือต่อคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม (ก.ต.) เพื่อให้ตรวจสอบวินัยผู้พิพากษาศาลอาญาที่เร่งรัดคดีอาญา มาตรา 112 ที่ น.ส.ชลธิชาตกเป็นจำเลย โดยมีการเลื่อนนัดสืบพยานให้เร็วขึ้น จนไม่มีทนายความจำเลยร่วมว่าความอยู่ในการพิจารณาคดีด้วย

น.ส.ชลธิชากล่าวว่า ประมาณเดือน ก.ค.65 มีเจ้าหน้าที่ศาลโทรศัพท์มาสอบถามทนายความของตนว่าในเดือน มิ.ย.และ ส.ค.มีวันว่างหรือไม่ ศาลต้องการนัดสืบพยาน โดยเลื่อนนัดมาให้เร็วขึ้น ทนายความของตนจึงชี้แจงว่าไม่ว่าง เนื่องจากติดภารกิจของการสืบพยานที่ศาลอื่น

ซึ่งในเมื่อทางเราแจ้งกับศาลไปเรียบร้อยแล้วถึง 2 รอบว่า ตัวทนายความของจำเลยไม่สะดวกนัดสืบพยานในคดีนี้ช่วงเดือน มิ.ย.เเละ ส.ค.ปี 66 เพราะติดนัดคดีอื่น สิ่งที่ตนและทนายความสงสัยและตั้งคำถามคือ ในเมื่อศาลรู้อยู่แล้วว่าทนายความไม่สะดวกเนื่องจากติดภารกิจ ซึ่งเมื่อวันที่ 1 มิ.ย.ที่ผ่านมา จึงเดินทางมาที่ศาลคนเดียวเพื่อขอยื่นการเลื่อนนัดสืบพยาน เนื่องจากไม่สะดวก แต่นายอรรถการ ฟูเจริญ รองอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา และผู้พิพากษาในคดี ไม่อนุญาตให้เลื่อนนัดสืบพยาน จึงใช้สิทธิ์ในการขอพบผู้บริหารศาลซึ่งเป็นสิทธิ์ของบุคคลทั่วไป แต่สุดท้ายก็ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าพบ จึงขอใช้สิทธิ์เปลี่ยนองค์คณะผู้พิพากษา เนื่องจากรู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะเหตุการณ์เมื่อวานนี้มีการสืบพยานฝ่ายโจทก์โดยที่ตนไม่มีทนาย

นายรังสิมันต์กล่าวว่า เคยยื่น ก.ต.ให้พิจารณาการทำหน้าที่ของนายอรรถการ ว่าปฏิบัติหน้าที่โดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่กรณีของ น.ส.ชลธิชา คำถามที่สำคัญคือกระบวนการเหล่านี้เป็นกระบวนการที่ได้มาตรฐานและมีความยุติธรรมหรือไม่ ไม่อยากให้รู้สึกว่าองค์กรสุดท้ายนี้จะเป็นเครื่องมือของกระบวนการอะไรก็แล้วแต่ เป็นการเตะตัดขาชลธิชาให้ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ในสภา หรือเป็นผู้แทนของประชาชนได้

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล กล่าวว่า ต้องให้กำลังใจกับ น.ส.ชลธิชาที่ต้องขึ้นศาล โดยไม่มีทนายในเรื่องมาตรา 112 และหวังว่าจะผ่านไปได้ด้วยดี ได้เข้าไปทำงานรับใช้ชาวปทุมธานีร่วมกับเพื่อน ส.ส.คนอื่นๆ ที่ได้รับเลือกตั้งมา

ขณะที่นายสรวิศ ลิมปรังษี โฆษกศาลยุติธรรม เปิดเผยว่า แต่เดิมมีการกำหนดนัดสืบพยานไว้เป็นช่วงเดือนมีนาคม 2567 แต่ตอนหลังมีเรื่องของการกำหนดกรอบระยะเวลาในกระบวนการยุติธรรม โดยมีระเบียบของประธานศาลฎีกาออกมาว่า คดีประเภทคดีอาญาสามัญควรจะพิจารณาคดีแล้วเสร็จตั้งแต่วันรับฟ้อง ซึ่งศาลอาญาเห็นว่าระยะเวลาที่มีการนัดสืบพยานในช่วงเดือนมีนาคม 2567 น่าจะเป็นระยะเวลาที่ยาวเกินไป เลยกรอบไปนาน จึงมีการปรับปรุงวันนัดใหม่ให้กระชั้นขึ้นหรือเร็วขึ้น เพื่อไม่ให้เกินกรอบระยะเวลานานเกินไป

เมื่อกำหนดวันนัดใหม่ ก็เลยมีประเด็นที่จำเลยโต้แย้งวันนัดว่า ในวันที่ 1-2 มิ.ย.66 จำเลยไม่ว่าง เพราะทนายติดว่าความคดีที่ศาลอื่น จึงขอเลื่อนการสืบพยานในวันดังกล่าว แต่องค์คณะผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนคดีนี้พิจารณาแล้วเห็นว่า คดีนี้จำเลยมีทนาย 2 คน คือ นายนรเศรษฐ์ นาหนองตูม และนายกฤษฎางค์ นุตจรัส โดยคนที่แถลงเลื่อนว่าติดว่าความที่ศาลอื่นคือทนายนรเศรษฐ์ ส่วนทนายกฤษฎางค์ไม่ได้ปรากฏว่าติดคดีอะไร เพราะฉะนั้นโดยปกติเมื่อมีทนาย 2 คนแบบนี้ หากคนหนึ่งติดว่าความคดีอื่น แต่อีกคนไม่ติดคดีอะไร ก็สามารถที่จะทำหน้าที่ได้ องค์คณะผู้พิพากษาจึงไม่อนุญาตให้เลื่อนคดี

"ในการสืบพยานโจทก์เมื่อวานที่ผ่านมา มีการอัดเทปหรือวิดีโอไว้ด้วย ซึ่งศาลก็ได้มีการถามเหมือนกันว่า หากทนายจำเลยไม่ว่างในวันดังกล่าว ก็สามารถไปศึกษาจากวิดีโอที่บันทึกไว้เพื่อขอถามค้านในวันอื่นได้ แต่ปรากฏว่า น.ส.ชลธิชาก็โต้แย้งมาโดยตลอดว่ากระบวนการพิจารณาไม่ชอบ จึงแจ้งต่อศาลว่าไม่ประสงค์ที่จะใช้สิทธิ์ตรงนี้" นายสรวิศกล่าว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง