มั่นคงโต้ใช้กม.ปิดปากนศ.ใต้

กอ.รมน.ภาค 4 สน. ยันฟ้องขบวนการ นศ. คดีแบ่งแยกดินแดน ทำตามหลักกฎหมายและบูรณภาพแห่งดินแดน ไม่ได้ฟ้องปิดปาก-เลือกปฏิบัติ งัดอนุสัญญาขจัดการแบ่งแยกเชื้อชาติแจง ย้ำเป็นบทเรียนการจัดกิจกรรมครั้งต่อไป

เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน พล.ต.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ รองแม่ทัพภาคที่ 4/โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) ภาค 4 เปิดเผยว่า  หลังจาก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ได้เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษกับพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีกับบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้อง กรณีขบวนการนักศึกษาแห่งชาติได้จัดกิจการเสวนาเรื่องการกำหนดใจตนเอง กับสันติภาพปาตานี พร้อมได้ทำแบบจำลอง “การลงประชามติเพื่อแบ่งแยกดินแดนเป็นเอกราชโดยไม่ผิดกฎหมาย” นั้น ได้มีการออกมาแสดงความคิดเห็นกล่าวอ้างว่าเป็นเพียงกลุ่มเยาวชนที่แสดงความคิดเห็นทางวิชาการ จึงควรใช้หลักรัฐศาสตร์มาสร้างความเข้าใจ เพราะการใช้กฎหมายปิดปาก (SLAPP LAW) ถือเป็นการจำกัดสิทธิและเสรีภาพขั้นพื้นฐานตามรัฐธรรมนูญ จึงขอสร้างความเข้าใจ ดังนี้

ด้านเหตุผลและความจำเป็นในการบังคับใช้กฎหมาย ด้วยประเทศไทยปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เป็นไปตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ทั้งนี้ ได้ให้สิทธิและเสรีภาพกับปวงชนชาวไทยทุกเชื้อชาติ ศาสนา ด้วยความเสมอภาคและไม่เลือกปฏิบัติ เพื่อให้พี่น้องประชาชนสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุข ให้การเคารพและยอมรับในความแตกต่างภายใต้มิติของความหลากหลายในสังคมพหุวัฒนธรรม โดยตลอดเวลาที่ผ่านมา รัฐได้ให้การส่งเสริมและสนับสนุนเรื่องสิทธิและเสรีภาพในด้านต่างๆให้สามารถตอบสนองต่อความต้องการของพี่น้องประชาชนในทุกภูมิภาคมาโดยต่อเนื่อง ภายใต้หลักคิดที่ว่า ทุกคนคือพลเมืองของชาติไทยที่จะต้องได้รับการดูแลอย่างเสมอภาคและเท่าเทียมกัน

อย่างไรก็ตาม รัฐก็มีหน้าที่ในการกำหนดขอบเขตในการแสดงออกเรื่องสิทธิและเสรีภาพของพี่น้องประชาชน จะต้องไม่ไปลิดรอนหรือละเมิดต่อสิทธิของบุคคลอื่นหรือไปละเมิดต่อหลักกฎหมายและบูรณภาพแห่งดินแดนเพราะเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย สำหรับการจัดกิจกรรมออกแบบจำลองการลงประชามติเพื่อแบ่งแยกดินแดนเป็นเอกราชนั้น ตรวจสอบพยานหลักฐาน เจตนา เจตนาพิเศษและพฤติกรรมที่ปรากฏ ตลอดจนความเชื่อมโยงต่างๆ อย่างรอบด้านแล้ว ถือเป็นการกระทำที่เข้าข่ายผิดกฎหมายและอาจละเมิดต่อบูรณภาพแห่งดินแดนที่ได้กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญมาตรา 1 ที่ระบุว่า "ประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียว จะแบ่งแยกมิได้" ดังนั้น เจ้าหน้าที่รัฐจึงจำเป็นต้องดำเนินการตามกฎหมายโดยไม่สามารถละเว้นการปฏิบัติได้ ปัจจุบันได้เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษกับพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายตามลักษณะฐานความผิดต่อไป

"โดยผลกระทบจากการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ ถือเป็นบทเรียนที่สำคัญในการนำไปสร้างความตระหนักรู้เพื่อสร้างความเข้าใจในเรื่องสิทธิและเสรีภาพของปวงชนชาวไทยภายใต้หลักบูรณภาพแห่งดินแดน เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันไม่ให้ตกเป็นเครื่องมือของผู้ไม่หวังดีดังปรากฏให้เห็นมาอย่างต่อเนื่องในสังคมไทย ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความสงบเรียบร้อยและสร้างสังคมสันติสุขให้เกิดขึ้นในพื้นที่อย่างยั่งยืนต่อไป" พล.ต.ปราโมทย์ระบุ

ด้านการไม่เลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติในทุกรูปแบบ รัฐบาลได้กำหนดแนวทางในการแก้ไขปัญหาในพื้นที่่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้เป็นไปตามอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติในทุกรูปแบบ ซึ่งประเทศไทยได้เข้าเป็นภาคีสมาชิกโดยได้ลงสัตยาบันและมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 27 กุมภาพันธ์ 2546 โดยได้ให้ความสำคัญและตระหนักถึงการส่งเสริมและสนับสนุนสิทธิและเสรีภาพของปวงชนชาวไทยทุกเชื้อชาติ ศาสนา โดยไม่เลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติในทุกรูปแบบทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคม การศึกษา ศาสนา กระบวนการยุติธรรม อัตลักษณ์ ตลอดจนขนบธรรมเนียมประเพณีวัฒนธรรม เป็นไปตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย เพื่อให้คนไทยสามารถอยู่ร่วมกันได้ภายใต้มิติของสังคมพหุวัฒนธรรมที่หลากหลาย

นอกจากนี้ ยังได้ส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการศึกษาเรียนรู้ความเป็นมาทางประวัติศาสตร์ท้องถิ่น และได้พัฒนาเป็นแหล่งเรียนรู้และสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ เพื่อสร้างความภาคภูมิใจในรากเหง้าความเป็นมาและเชิดชูเกียรติของบรรพบุรุษ โดยไม่เคยเข้าไปคุกคาม ขัดขวางหรือเลือกปฏิบัติต่อการจัดกิจกรรมในรูปแบบต่างๆ ที่ไม่ละเมิดกฎหมายแต่อย่างใด.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง