หมายเรียก2บิ๊กSTARK เหยื่อร้องปอศ.ฟันเพิ่ม

“ดีเอสไอ” ออกหมายเรียก 2 อดีตผู้บริหารหุ้น STARK รับทราบข้อหา 6-7 ก.ค.นี้ ขู่ไม่เข้าพบ 2 ครั้ง ขอหมายจับ กลุ่มผู้เสียหายกว่า 50 คน  ยื่นหนังสือร้องตำรวจ ปอศ. เอาผิดผู้บริหารเพิ่ม หลังเสียหายกว่า 9,000 ล้านบาท

ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)  วันที่ 4 ก.ค. พ.ต.ท.จักรกฤษณ์ วิเศษเขตการณ์ ผู้อำนวยการกองคดีการเงินการธนาคารและการฟอกเงิน ดีเอสไอ    กล่าวถึงความคืบหน้าคดีหุ้น STARK ว่า ขณะนี้ได้ออกหมายเรียกผู้ต้องหาคดีหุ้น STARK จำนวน 2 ราย คือ นายชนินทร์ เย็นสุดใจ อดีตประธานกรรมการบริษัท และนายศรัทธา จันทรเศรษฐเลิศ อดีตกรรมการ เข้ารับทราบข้อหาฐานความผิดตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ในวันที่ 6-7 ก.ค. ซึ่งเบื้องต้นยังไม่มีการประสานมาของทั้งสองคนว่าประสงค์จะขอเลื่อนหรือเข้าพบหรือไม่ หากทั้งสองคนได้รับหมายเรียกแล้ว ก็สามารถแจ้งเลื่อนเข้ารับทราบข้อกล่าวหากับทางพนักงานสอบสวนได้ ถือเป็นสิทธิโดยชอบตามกฎหมาย ซึ่งการออกหมายเรียกผู้ต้องหาทำได้ 2 ครั้ง และหากไร้ซึ่งการตอบกลับใดๆ หรือไม่มีการเข้าพบพนักงานสอบสวน ก็สามารถขอศาลอนุมัติหมายจับ เพราะเชื่อได้ว่าผู้ต้องหามีเจตนาตั้งใจหลบหนี

พ.ต.ท.จักรกฤษณ์กล่าวว่า พนักงานสอบสวนจะต้องเร่งรวบรวมพยานหลักฐานอื่นๆ เพิ่มเติม เพื่อนำมาใช้ประกอบพิจารณากับคำให้การของพยานบุคคลทุกราย ก่อนมีการออกหมายเรียกผู้ต้องหาคนอื่นๆ หรืออาจจะเป็นการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมแก่ผู้ต้องหา หากมีพฤติการณ์สอดคล้องเข้าองค์ประกอบฐานความผิดใด ในส่วนการอายัดทรัพย์สินคดีหุ้น STARK ไปแล้ว 100 ล้านบาท ก็ยังไม่ได้มีการอายัดเพิ่ม อย่างไรก็ตาม จะเร่งติดตามรายการทรัพย์สินให้ได้จำนวนมากที่สุดเพื่อเฉลี่ยคืนผู้เสียหาย

"อยากให้มีตัวแทนของผู้เสียหายได้ให้ปากคำกับดีเอสไอ เพราะคดีไม่เหมือนคดีแชร์ลูกโซ่ ที่จะต้องใช้การสอบปากคำกับผู้เสียหายจำนวนมาก เนื่องด้วยดำเนินคดีกับผู้บริหารที่กระทำความผิด จึงจะมีการสอบปากคำผู้เสียหายจำนวนไม่มาก ผู้เสียหายในฐานะผู้ถือหุ้นกู้จะต้องรวมกลุ่มเพื่อดำเนินการฟ้องแพ่ง เพื่อให้บริษัทมีการจ่ายค่าตอบแทนหรือดอกเบี้ยตามกำหนดระยะเวลาที่พวกเขาไปซื้อหุ้นกู้ อีกทั้งเมื่อครบสัญญาของหุ้นก็จะต้องคืนเงินต้นด้วย  แต่ในกรณีนี้เกิดปัญหาที่บริษัทไม่มีเงินจ่าย" พ.ต.ท.จักรกฤษณ์กล่าว

ผอ.กองคดีการเงินฯ กล่าวว่า สำหรับอีก 4 บริษัทสำคัญได้มีการวางกรอบอยู่ในแผนของการสอบสวนว่าจากนี้จะมีการออกหมายเรียกให้ผู้บริหารและกรรมการบางส่วนของทั้ง 4 บริษัท เข้าให้การในฐานะพยาน เนื่องจากพยานหลักฐานและการสืบสวนเบื้องต้นพบว่าในบรรดากรรมการของบริษัทเหล่านี้ มีรายชื่ออยู่ใน 7 คนที่เคยยื่นลาออกจากบริษัท สตาร์คฯ เมื่อครั้งเป็นโครงสร้างผู้บริหารชุดเดิม ที่มีนายชนินทร์ เย็นสุดใจ เป็นประธานกรรมการ มีความเกี่ยวข้องรู้เห็นกับการตกแต่งบัญชีที่เกิดขึ้น

ขณะที่กลุ่มผู้เสียหายกว่า 50 คน ที่ได้รับผลกระทบจากหุ้นกู้ STARK เข้ายื่นหนังสือร้องทุกข์ต่อ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ผ่าน พ.ต.อ.ธีรภาพ ยั่งยืน ผกก.กก.3 บก.ปอศ. เป็นตัวแทนรับเรื่องไว้ตรวจสอบ โดยผู้เสียหายได้นำหลักฐานสำเนา FACTSHEET ชี้ชวนลงทุนของบริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น  จำกัด (มหาชน), สำเนาใบหุ้นกู้ ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ออกโดยบริษัท สตาร์คฯ,  สำเนาหนังสือ ที่ STARK 030/2566 ลงวันที่ 16 มิ.ย.2566, สำเนาหนังสือรับรอง บริษัท สตาร์คฯ ลงวันที่ 13 มิ.ย. 2566, สำเนาหนังสือรับรอง บริษัท สตาร์คฯ ระหว่างวันที่ 21 พ.ค.2564 ถึงวันที่ 17 เม.ย.2566 เป็นต้น

นายนิว อายุ 45 ปี หนึ่งในผู้เสียหาย กล่าวว่า เราคือกลุ่มผู้เสียหายจากหุ้นกู้ STARK จำนวนหนึ่ง จากทั้งหมดกว่า 4,500 ราย วงเงินความเสียหายกว่า 9,000 ล้านบาท บมจ.สตาร์คดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับสายไฟ สายเคเบิล ออกหุ้นกู้ โดยทำงบบัญชีปลอม ซึ่งพบทีหลังและเอาเงินจากพวกเราไปซื้อบริษัทที่เยอรมนี เมื่อรวบรวมทุนจากหุ้นกู้ได้กว่า 10,000 ล้านบาท ก็ล้มทั้งยืน โดยได้แจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษต่อดีเอสไอ โดยรองประธานบริษัทแจ้งว่าบริษัทได้รับความเสียหายเกิดจากการทุจริตในบริษัท

"เราต้องการแจ้งความเอาผิดผู้บริหารที่เกี่ยวข้องทั้งหมดของบริษัท  สตาร์คฯ โดยมีหลักฐานต่างๆ มายื่นครั้งนี้" ผู้เสียหายรายนี้ระบุ

พ.ต.อ.ธีรภาพกล่าวว่า จะนำพยานหลักฐานที่กลุ่มผู้เสียหายมายื่นในครั้งนี้ ให้พนักงานสอบสวน บก.ปอศ.รับเรื่องเสนอผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการต่อไป.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง