บช.สอท.ประเดิมเรียก 4 อินฟลูเอนเซอร์แจ้งข้อหาโพสต์ชักชวนเล่นการพนันออนไลน์ “ออย รอยจูบ” บอกไม่รู้แค่เป็นการทำมาหากิน จ่อเรียกคนดัง-เซเลบอีก 30 รายที่เข้าข่าย เตรียมหารือหน่วยงานเกี่ยวข้องขยับโทษไปถึงยึดทรัพย์ ปอท.ชี้โจรออนไลน์หลอกขายสินค้าหรือบริการมากสุด แต่หลอกลงทุนทำเสียหายหนักสุด
เมื่อวันอาทิตย์ที่ 16 ก.ค.2566 กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) ได้ออกหมายเรียกอินฟลูเอนเซอร์มาแจ้งข้อกล่าวหา 4 ราย ประกอบด้วย นายนิพนธ์ หรือปอน ศิลปินเจ้าของเพลงดังที่มียอดวิวในยูทูบกว่า 129 ล้านวิว, น.ส.จิรนันท์ หรือปู แฟนปอน นิพนธ์ อินฟลูเอนเซอร์ที่มีผู้ติดตามเฟซบุ๊กกว่า 4 แสนคน และยังมียอดวิวติดตามการคัฟเวอร์เพลงหลายล้านวิว, น.ส.ปภาวี หรือออย รอยจูบ และ น.ส.ลฎาภา หรือเชอรี่ สามโคก สองเซ็กซี่สตาร์สาวชื่อดัง มาแจ้งข้อกล่าวหาใช้ช่องทางส่วนตัวโพสต์ LINE @ ไปยังเว็บการพนันต่างๆ เพื่อแลกกับรายได้ ซึ่งเป็นความผิดตามมาตรา 12 ของพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ.2478
พล.ต.ต.อำนาจ ไตรพจน์ รอง ผบช.สอท. กล่าวว่า บช.สอท.ได้เฝ้าระวังกลุ่มบุคคลที่มีชื่อเสียง ที่พบว่าเริ่มมีการใช้ช่องทางของตนเองในการโฆษณาเว็บไซต์การพนัน โดยจะมีการชักชวนให้มีการเล่นด้วยกัน ทิ้งไลน์ไอดีแอดเอาไว้ตามโพสต์ต่างๆ ซึ่งไลน์แอดดังกล่าวนำไปสู่การสมัครเข้าร่วมเว็บไซต์การพนัน สร้างความเสียหายให้กลุ่มบุคคลที่เข้าไปเล่นการพนันจำนวนมาก วันนี้ถือเป็นกลุ่มแรกที่เรียกมาแจ้งข้อหา ซึ่งพฤติกรรมจะมีการใช้ช่องทางส่วนตัวในการโพสต์ไลน์แอดไปยังเว็บการพนันต่างๆ เพื่อแลกกับรายได้เฉลี่ยเดือนละ 50,000-150,000 บาท ต่อการโพสต์รวมทั้งสิ้น 30 โพสต์ จากการสอบถามเบื้องต้น ทั้งหมดให้การว่าทำไปด้วยความไม่รู้ว่าสิ่งที่ทำอยู่นั้นเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย โดยทำไปเพราะเห็นว่าได้เงินจำนวนมาก และต้องการนำเงินไปหาเลี้ยงชีพ
“นอกจากกลุ่มนี้ตำรวจไซเบอร์ยังจับตามองกลุ่มบุคคลที่มีชื่อเสียงอีก 20-30 ราย ที่มีพฤติกรรมเข้าข่ายการทำความผิดในลักษณะเดียวกัน โดยจะทยอยเรียกเข้ามารับทราบข้อกล่าวหา เพราะเรื่องดังกล่าวถือเป็นเรื่องสำคัญที่อาจสร้างปัญหาให้กับกลุ่มเยาวชนที่ติดตามกลุ่มบุคคลที่มีชื่อเสียงเหล่านี้ให้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการพนัน และอาจถลำลึกจนถึงขั้นเปิดกิจการเว็บพนัน เพราะต้องการนำเงินมาใช้หนี้พนัน ตามข้อเท็จจริงที่เคยปรากฏมาก่อนหน้านี้” พล.ต.ต.อำนาจกล่าว
พล.ต.ต.อำนาจกล่าวอีกว่า ในส่วนของโทษของการกระทำความผิดในลักษณะนี้ อยู่ในระดับศาลแขวง มีโทษอยู่ที่จำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 2,000 บาท แต่หลังจากนี้จะมีการหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการพิจารณาเรื่องของการลงโทษผู้ที่กระทำความผิดลักษณะการสนับสนุนให้มีการเล่นการพนัน ซึ่งต้องหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อนว่าจะสามารถดำเนินการเพิ่มโทษหรือยึดทรัพย์ที่เป็นรายได้จากการกระทำความผิดในลักษณะการรับจ้างได้หรือไม่ ส่วนของเว็บพนันต่างๆ ที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับกลุ่มผู้มีชื่อเสียงเหล่านี้ ตำรวจไซเบอร์อยู่ระหว่างการขยายผลในการเอาผิดกับเว็บไซต์ทั้งหมด ขณะนี้อยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวน โดยจะนำคำให้การของกลุ่มผู้ต้องหาทั้ง 4 ในวันนี้ประกอบกับหลักฐานการรับโอนเงินต่าง ๆ มาใช้ในการขยายผล
ด้าน น.ส.ปภาวีกล่าวว่า ไม่รู้ว่าการกระทำแบบนี้ถือว่าเป็นความผิด ที่ทำไปเพราะต้องการหาเงินเลี้ยงชีพตามปกติ โดยได้ค่าจ้างในการโพสต์อยู่ที่ 4,500 บาทต่อ 10 โพสต์ มีคนติดต่อมาทางไลน์ให้มาทำการแปะลิงก์โฆษณาจากการโพสต์ต่างๆ ของตนเอง โดยเงื่อนไขในการจ่ายเงินจะต้องโพสต์ครึ่งหนึ่งของจำนวนที่มีการตกลงกันก่อน แล้วผู้จ้างจะทำการโอนเงินทั้งหมดมาให้ จึงอยากขอเตือนเยาวชนและประชาชนทั่วไปอย่าได้เข้ามาทำการแบบนี้ เพราะถือว่าเป็นเรื่องผิดกฎหมาย ซึ่งก็เพิ่งรู้
นายนิพนธ์ระบุว่า ส่วนตัวรับโพสต์โฆษณากับแฟนสาวโดยได้รายได้คนละ 50,000 บาทต่อเดือน เพื่อโพสต์จำนวนรวมทั้งสองคนที่ 30 โพสต์ โดยทำมาแล้วทั้งสิ้นประมาณ 3-4 เดือน ที่ทำเพราะต้องการหาเงินมาเลี้ยงชีพตามปกติ และไม่คิดว่าเป็นเรื่องผิดกฎหมาย ส่วนการติดต่อมาของผู้จ้างงาน ก็มาในลักษณะเดียวกันกับของออย คือจะทักผ่านช่องทางออนไลน์ต่างๆ ส่งลิงก์ที่ต้องการให้โฆษณามาให้ และตกลงกันตามเงื่อนไขจำนวนโพสต์ และให้ทำการโพสต์ก่อนจ่ายเงิน
ทั้งนี้ เบื้องต้นตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหา และทำการปล่อยตัวทั้ง 4 คนกลับไป และมีการนัดหมายกันที่ศาลแขวงจังหวัดนนทบุรีอีกครั้ง ในวันที่ 17 ก.ค.66 เวลา 10.00 น. เพื่อทำการส่งฟ้องตามขั้นตอนต่อไป
วันเดียวกัน พ.ต.ท.หญิง ดร.ณพวรรณ ปัญญา รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แถลงว่า ปัจจุบันมีประชาชนที่ได้รับความเสียหายจากการถูกหลอกให้ติดตั้งแอปดูดเงินเข้าแจ้งความอย่างต่อเนื่อง จึงขอประชาสัมพันธ์เน้นย้ำถึงวิธีการของโจรออนไลน์ ที่จะทำการติดต่อประชาชนผ่านช่องทางต่างๆ เช่น โทรศัพท์ ไลน์ หรือการส่งข้อความสั้น (SMS) แนบลิงก์ เพื่อหลอกให้ติดตั้งโปรแกรมควบคุมระบบในเครื่องโทรศัพท์และทำการดูดเงินในบัญชี โดยใช้อุบายดังต่อไปนี้ 1.หลอกว่าเป็นหน่วยงานภาครัฐ เช่น กรมที่ดิน และการไฟฟ้า/การประปา โดยแอบอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ส่งเอกสารราชการปลอม และพูดจาหว่านล้อมให้ประชาชนหลงเชื่อกดลิงก์เข้าเว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชันปลอมที่คล้ายกับของจริง 2.หลอกว่าเป็นหน่วยงานภาคเอกชน เช่น สายการบิน และ บริษัทขายอุปกรณ์ไอทีชื่อดัง โดยอ้างอุบายที่ดึงดูดความสนใจ อาทิ ได้รับตั๋วเครื่องบินฟรี เป็นผู้โชคดีได้ของขวัญ/ของรางวัล และ 3.หลอกให้เกิดความสงสัย โดยมิจฉาชีพจะส่งข้อความในเชิงหาเรื่องทำให้เกิดความสงสัย กระวนกระวายใจ เช่น เธอทำแบบนี้กับเราได้อย่างไร และไม่รู้ตัวเหรอว่ามีคลิปหลุด
“ขอเน้นย้ำให้ประชาชนรับข้อมูลอย่างมีสติ ไม่เชื่อ ไม่รีบ ไม่โอน เพื่อไม่ตกเป็นเหยื่อของโจรออนไลน์ โดยสามารถติดตามข้อมูลเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีได้ที่ www.เตือนภัยออนไลน์.com และเพจเฟซบุ๊กเตือนภัยออนไลน์ ปรึกษา-ขอคำแนะนำได้ที่สายด่วน บช.สอท. 1441 หรือศูนย์ PCT 08-1866-3000 หรือแจ้งความผ่านระบบออนไลน์ได้ที่เว็บไซต์ www.thaipoliceonline.com” พ.ต.ท.หญิง ดร.ณพวรรณระบุ
พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รอง ผบก.ปอท. ในฐานะโฆษกกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กล่าวว่า จากข้อมูลสถิติศูนย์บริหารการรับแจ้งความออนไลน์ตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค.2565 ถึงวันที่ 28 มิ.ย.2566 พบว่าสถิติคดีอาชญากรรมออนไลน์ที่คนไทยตกเป็นเหยื่อสูงที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ 1.หลอกลวงซื้อขายสินค้าหรือบริการ 108,383 ครั้ง 2.หลอกให้โอนเงินเพื่อทำงาน 38,669 ครั้ง 3.หลอกให้กู้เงิน 35,121 ครั้ง 4.หลอกให้ลงทุนผ่านระบบคอมพิวเตอร์ 23,545 ครั้ง และ 5.ข่มขู่ทางโทรศัพท์ (คอลเซ็นเตอร์) 21,482 ครั้ง โดยรูปแบบคดีออนไลน์ที่มีมูลค่าความเสียหายสูงที่สุดคือหลอกให้ลงทุนผ่านระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งมีมูลค่าความเสียหายรวมกว่า 11,500 ล้านบาท
พ.ต.อ.ศิริวัฒน์กล่าวอีกว่า วิธีการเบื้องต้นในการป้องกันตนเองจากภัยออนไลน์ในรูปแบบต่างๆ คือ 1.วิธีการที่อาจสุดโต่ง แต่ได้ผลมากที่สุด 3.เงินที่อยู่ในบัญชีของเรา ตราบใดก็ยังคงเป็นเงินของเรา จนกว่าเราจะโอนให้บุคคลอื่น 4.ลิงก์บนเว็บไซต์ หรือลิงก์ที่ส่งข้อความมาให้ต้องระมัดระวัง และตรวจสอบก่อนที่จะกดลิงก์หรือติดตั้งแอปพลิเคชันทุกครั้ง 5.การชักชวนลงทุน หรือการชักชวนไปสัมมนาออนไลน์ ในลักษณะอ้างเป็นไลฟ์โค้ช อาจารย์ กูรู ให้พึงระมัดระวังและตรวจสอบ และ 6.อย่าเชื่อข่าวที่ไม่มีหลักฐานอ้างอิง.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ศก.สู่ยุคโตตํ่า! คุมเข้มร้านทอง กดเงินบาทแข็ง
"ผู้ว่าฯ แบงก์ชาติ" ห่วงเศรษฐกิจไทยเข้าสู่ยุคโตต่ำเป็น New Normal หลังกินบุญเก่ามานาน
ทุกพรรคจัดทัพลุยเลือกตั้ง
ทุกพรรคพร้อมลุยเลือกตั้ง! "อนุทิน” ยันแคนดิเดตนายกฯ ภท.ไม่มีเซอร์ไพรส์เพิ่ม
เลือก‘คำถามประชามติ’ สมควรมีรธน.ใหม่หรือไม่
ครม.เคาะเลือกคำถามประชามติ “สมควรมีรัฐธรรมนูญใหม่หรือไม่”
พระราชทานเหรียญทองราชินี
"ในหลวง" เสด็จฯ ไปส่ง “พระราชินี” ทรงแข่งเรือใบรอบชิงชนะเลิศแข่งขันกีฬาซีเกมส์
จีนทุบ‘สแกมโบเดีย’ ‘จงอี้’แฉโยงผลประโยชน์หลายมิติ/กห.ลั่นภารกิจใกล้เสร็จ
"หลิว จงอี้" ทุบโต๊ะ! รัฐบาลกัมพูชามีความเชื่อมโยงและมีผลประโยชน์ร่วมกับขบวนการสแกมเมอร์ในหลายมิติ
กนง.หั่นดอกเบี้ย0.25% เศรษฐกิจปี69-70โตตํ่า
"กนง." มติเอกฉันท์ ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่อปีลง 0.25% เหลือ 1.25% ต่อปี

