สส.ก้าวไกลไขก๊อก รับเคยติดคุก1ปี6ด. กกต.จ่อส่งศาลฟัน

"นครชัย" ส.ส.ระยอง พรรคก้าวไกลประกาศลาออกแล้ว รับเคยต้องโทษจำคุก 1 ปี 6 เดือน ข้อหาขโมยนาฬิการาคา 1 พันบาท ผ่านมา 24 ปีแล้ว กกต.ระยองยื่นคำร้องถึง กกต.กลาง อยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูลส่งศาล รธน. "ศรีสุวรรณ" จ่อยื่น กกต.กลาง-ป.ป.ช.เอาผิดวินัยเจ้าหน้าที่ปล่อยผ่านคุณสมบัติ เชื่อมีอีกหลายเขต

เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม นายนครชัย ขุนณรงค์ ส.ส.ระยอง เขต 3 พรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กว่า ตลอดสองวันที่ผ่านมา มีผู้สอบถามเข้ามามากมายว่าผมเคยติดคุกจริงหรือไม่ ผมขออภัยที่ไม่สามารถตอบได้อย่างทั่วถึง จึงขออนุญาตเรียบเรียงเรื่องทั้งหมดไว้ตรงนี้ เพื่อชี้แจงถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

เหตุการณ์ที่ทำให้ผมต้องติดคุก เกิดขึ้นในวันที่ 6 ตุลาคม 2542 หรือ 24 ปีมาแล้ว ตอนนั้นผมอายุประมาณ 20 ปี กำลังวัยรุ่น วันนั้นผมสังสรรค์อยู่กับเพื่อนหลายคนในห้อง มีคนเดินเข้าออกไปมาเรื่อยๆ ผมสังเกตเห็นนาฬิกาผู้หญิงเรือนเล็กๆ เรือนหนึ่งวางอยู่บนโต๊ะในห้อง ถามว่าของใครก็ไม่มีใครตอบ เลยหยิบมาดูเล่นๆ จากนั้นไม่นาน ตำรวจได้บุกเข้ามาในห้อง จับกุมผมและเพื่อนอีกคนหนึ่งที่สารภาพว่าเป็นผู้ขโมยนาฬิการาคาประมาณ 1,000 บาทเรือนนั้นมา ผมและเพื่อนถูกนำตัวไปโรงพัก ตำรวจให้เซ็นเอกสาร โดยบอกว่าเรื่องจะได้จบๆ ผมมาทราบทีหลังว่าเอกสารที่ผมได้เซ็นไป คือเอกสารยอมรับสารภาพ แม้ว่าเพื่อนผมจะให้การกับตำรวจไปแล้วว่าผมไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง

สุดท้าย ผมต้องโทษจำคุก 3 ปี และการรับสารภาพ ทำให้ได้ลดโทษกึ่งหนึ่ง เหลือจำคุก 1 ปี 6 เดือน ผมรับโทษตามนั้นและออกมาประกอบอาชีพสุจริตมาโดยตลอด จนกระทั่งตัดสินใจลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.เขต 3 ระยอง ในนามพรรคก้าวไกล ผมเชื่อว่าอดีตของผมไม่ทำให้ผมขาดคุณสมบัติ เพราะผมเชื่อว่าข้อหาของผมที่ทำให้ผมติดคุกไม่ใช่ฐานความผิดที่บัญญัติไว้ตามรัฐธรรมนูญ

ผมขออภัยพี่น้องประชาชนทุกคนที่เลือกผมเข้ามาเป็น ส.ส. ผมขอน้อมรับคำวิจารณ์และกระบวนการทางกฎหมายที่จะตามมาหลังจากนี้ทั้งหมด และจะต่อสู้คดีอย่างถึงที่สุดเพื่อยืนยันว่าผมไม่ได้จงใจสมัคร ส.ส. ทั้งที่รู้ว่าขาดคุณสมบัติ

อย่างไรก็ตาม เพื่อความสง่างามในการดำรงตำแหน่ง ส.ส. ผมขอแสดงความรับผิดชอบต่อประชาชนโดยการลาออกจากตำแหน่งในสัปดาห์หน้าครับ

ทั้งนี้ กรณีดังกล่าว พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อและ หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย เปิดเผยว่า ส.ส.ระยอง เขต 3 พรรคก้าวไกล ขาดคุณสมบัติในการเป็น สส. เนื่องจากเคยเป็นนักโทษ ติดคุก

กรณีดังกล่าวจะคล้ายกับกรณีของนายสิระ เจนจาคะ อดีต สส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ ที่ต้องคำพิพากษาของศาลแขวงปทุมวันในคดีฉ้อโกงเมื่อปี 2538 ที่ถูกสั่งจำคุก 8 เดือน แต่รับสารภาพลดโทษกึ่งหนึ่ง คงจำคุก 4 เดือน ซึ่งนายสิระไม่ได้ยื่นอุทธรณ์ ทำให้คดีถึงที่สุด และต่อมาศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยเมื่อวันที่ 24 ธ.ค.2564 ว่าเหตุดังกล่าวทำให้นายสิระเป็นบุคคลที่มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ 98 (10) แต่จะมีความแตกต่างตรงที่ของนายนครชัย ต้องคดีลักทรัพย์

ทั้งนี้ รัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 ในมาตรา 98 ระบุไว้ว่า บุคคลผู้มีลักษณะดังต่อไปนี้ เป็นบุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (6) ต้องคำพิพากษาให้จำคุกและถูกคุมขังอยู่โดยหมายของศาล (7) เคยได้รับโทษจำคุกโดยได้พ้นโทษมายังไม่ถึงสิบปีนับถึงวันเลือกตั้ง เว้นแต่ในความผิดอันได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ

ขณะเดียวกัน สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง จ.ระยอง ได้เสนอเรื่องกรณีที่นายนครชัย ขุนณรงค์ สส.ระยอง เขตการเลือกตั้งที่ 3 พรรคก้าวไกล เคยต้องคำพิพากษาจำคุก แต่ยังลงสมัครรับเลือกตั้ง ทั้งที่ขาดคุณสมบัติ และมีลักษณะต้องห้ามในการลงสมัครเลือกตั้ง จนได้รับการเลือกตั้ง เมื่อวันที่ 14 พ.ค.ที่ผ่านมา ส่งมาถึงสำนักงาน กกต.ส่วนกลางเรียบร้อยแล้ว โดยยังคงอยู่ในขั้นตอนของการตรวจสอบ และรวบรวมพยานหลักฐานและข้อมูลเพิ่มเติม ซึ่งไม่มีกำหนดกรอบเวลาการรวบรวมพยานหลักฐานข้อมูลเพิ่มเติมที่ชัด แต่เมื่อสำนักงานดำเนินการตรวจสอบข้อมูล และพยานหลักฐานทั้งหมดเสร็จสิ้นแล้ว ก็จะพิจารณาต่อว่าเรื่องดังกล่าวมีมูลหรือไม่ ก่อนเสนอเรื่องให้กรรมการ กกต.พิจารณาเพื่อดำเนินการวินิจฉัยต่อไป

 ทั้งนี้ ตามขั้นตอน หากกรรมการ กกต.เห็นว่านายนครชัยขาดคุณสมบัติ เนื่องจากมีลักษณะต้องห้ามจริง ก็จะส่งเรื่องให้รัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณา และมีคำสั่งให้นายนครชัยพ้นจากตำแหน่ง สส. คล้ายกระบวนการของนายสิระ เจนจาคะ อดีต สส.กรุงเทพฯ และมีคำสั่งให้ กกต.จัดการเลือกตั้งซ่อม เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่างต่อไป

ด้านนายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน กล่าวถึงกรณีกกต.ระยองส่งข้อมูลมายัง กกต.กลาง ว่า มีข้อสงสัยการกระทำของ กกต.เขต และ กกต.จังหวัดระยอง ซึ่งมีอำนาจตรวจสอบคุณสมบัติผู้สมัครในวันสมัคร แต่กลับปล่อยผ่าน เชื่อว่ายังมีกรณีเหล่านี้อีกหลายเขต ดังนั้น ต้องสร้างบรรทัดฐาน โดยในสัปดาห์หน้าตนจะไปยื่น กกต.กลาง และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. เพื่อดำเนินการเอาผิดทางวินัยกับเจ้าหน้าที่รัฐ

นายณัฐวุฒิ บัวประทุม รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล และทีมกฎหมายพรรค  กล่าวถึงเรื่องดังกล่าวว่า ทางพรรคเพิ่งทราบรายละเอียด หลังจากที่ปรากฏเป็นข่าว ทางฝ่ายกฎหมายของพรรคได้มีการประสานกับนายนครชัย และได้ให้ข้อมูลมาแล้วทางวาจา แต่ยังมีประเด็นเรื่องเอกสารอีกเล็กน้อยที่จะต้องนำมาประกอบกัน ยืนยันว่าเป็นเรื่องที่ทางพรรคก้าวไกลให้ความสำคัญ และยอมรับว่าในการตรวจสอบข้อมูลตอนที่สมัครยังไม่พบประเด็นนี้

"เนื่องจากในรัฐธรรมนูญมีลักษณะต้องห้ามอยู่ 2 วงเล็บ ที่ข้อความไม่เหมือนกัน ในวงเล็บแรก พูดถึงลักษณะต้องห้ามที่จำคุกมาไม่เกิน 10 ปี แต่อีกวงเล็บหนึ่ง พูดถึงความผิดเฉพาะต่างๆ เช่นการทุจริตต่อตำแหน่งหน้าที่ การทุจริตกับทางราชการ และปรากฏว่ามีข้อหาเกี่ยวกับเรื่องทรัพย์อยู่ด้วย ซึ่งทางเราก็รอข้อมูลและเอกสารเพิ่มเติมว่าตกลงเรื่องของนายนครชัยเข้าข่ายข้อไหนกันแน่ และเมื่อได้ข้อมูลต่างๆ ก็จะต้องมีการแถลง มีการดำเนินการต่างๆ รวมถึงแสดงความรับผิดชอบต่อสาธารณะ" นายณัฐวุฒิกล่าว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง