หึ่ง‘ธรรมนัส’เปิดดีล บินฮ่องกงพบ‘แม้ว’

ไทยโพสต์ ๐ สะพัด "ธรรมนัส" บินด่วนพบ "ทักษิณ" ที่ฮ่องกง คาดเปิดดีลตั้งรัฐบาล เจ้าตัวรับไปต่างประเทศจริง มีภารกิจส่วนตัว ย้ำไม่เอาพรรคแก้ ม.112  ด้าน "บิ๊กป้อม" ให้ สส.พลังประชารัฐโหวตเลือกนายกฯ วันที่ 4 ส.ค. ในทิศทางเดียวกัน "โรม" ยังฟุ้งรัฐบาล 8 พรรคมาแน่ หากมีดีลข้ามสายพันธุ์ประชาชนจะสั่งสอนเอง

     มีรายงานว่า เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2566 ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา  พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ประธานประสานงานพรรคพลังประชารัฐ ได้เดินทางด่วนไปพบนายทักษิณ ชินวัตร ที่ฮ่องกง เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับการจัดตั้งรัฐบาล โดยหวังปิดดีลช่วยโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย และสามารถผลักดันให้จัดตั้งรัฐบาลสำเร็จ

     รายงานข่าวยังระบุว่า ประธานผู้ประสานงาน สส.พปชร.ได้เข้าพบนายทักษิณ ชินวัตร ที่ฮ่องกงในเวลาเที่ยงวัน  จากนั้นช่วงเย็นได้บินกลับประเทศไทยทันที ก่อนที่จะมีการประชุมใหญ่พรรคเพื่อเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่

     โดย ร.อ.ธรรมนัสให้สัมภาษณ์ว่า ไม่ทราบว่ากระแสข่าวนี้มาจากไหน โดยตนเดินทางไปต่างประเทศมาจริงเพื่อไปทำภารกิจส่วนตัว แต่ยืนยันว่าไม่ได้มีการไปเจรจาทางการเมืองกับใครอย่างที่กระแสข่าวระบุ เพราะพรรคพลังประชารัฐมีมติชัดเจนอยู่แล้วในการตัดสินใจเข้าร่วมหรือไม่เข้าร่วมรัฐบาล

     "ผมกล่าวย้ำมาหลายครั้งว่า พรรคพลังประชารัฐของเรายึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เพื่อให้ชาติมีความมั่นคง  ประชาชนกินดีอยู่ดี เดินหน้าไปตามหลักประชาธิปไตย พรรคเรามีเจตจำนงแน่วแน่ที่จะไม่สนับสนุนพรรคการเมืองที่มีแนวคิดแก้ไขมาตรา 112 โดยเรามีนโยบายชัดเจนว่า เราจะก้าวข้ามความขัดแย้ง ดังนั้นพรรคการเมืองใดก็ตามที่เรามองเห็นเป็นประจักษ์แล้วว่า เมื่อร่วมงานกันแล้วจะเกิดความขัดแย้งแน่นอน จะทำให้สังคมแตกแยกอย่างรุนแรง เราจะไม่ร่วมงานอย่างเด็ดขาด" ร.อ.ธรรมนัสกล่าว

     เมื่อถามถึงกระแสข่าวที่ระบุว่า มีการเจรจาเกี่ยวกับการเดินทางกลับประเทศไทยของนายทักษิณ ร.อ.ธรรมนัสตอบว่า การกลับประเทศของท่านทักษิณเป็นเรื่องส่วนตัว ซึ่งก็จะต้องมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการรับผิดชอบ เรื่องนี้ตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง และตนก็เป็นเพียงผู้แทนราษฎรคนหนึ่งที่เข้ามาทำหน้าที่ในสภาเพื่อแก้ปัญหาให้กับประชาชนเท่านั้น คงไม่สามารถไปก้าวล่วงเรื่องส่วนตัวของท่านทักษิณได้

     ด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวกรณีการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ที่พรรคเพื่อไทยจะเสนอนายเศรษฐา ทวีสิน ในวันที่ 4 สิงหาคมนั้น พปชร.จะมีทิศทางการโหวตเป็นอย่างไรว่า ยังไม่ทราบ คงรอมติที่ประชุมพรรค พร้อมทั้งยืนยันว่า  "ผมไม่ได้เจอใครทั้งนั้น"

     เมื่อถามว่า ได้ติดต่อนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ หรือไม่ หลังประกาศเดินทางกลับประเทศไทยในวันที่ 10 สิงหาคมนี้ พล.อ.ประวิตรย้ำว่า "ผมไม่ได้เจอใครทั้งนั้น"

     มีรายงานข่าวระบุว่า ในการประชุมพรรคพลังประชารัฐเมื่อวันเสาร์ พล.อ.ประวิตรไม่ได้มีการพูดอะไรมากมาย  โดยบอกว่าในวันที่ 4 ส.ค.ที่จะมีการประชุมรัฐสภาเพื่อโหวตเลือกนายกฯ ขอให้สมาชิกของพรรคโหวตไปในทิศทางเดียวกัน เพราะตอนนี้ก็ยังไม่รู้เหมือนกันว่าจะเป็นอย่างไร และช่วงนี้ขอให้ทุกคนนิ่งๆ ไว้ก่อน ทั้งนี้ ในส่วนของ สส.มีการพูดกันด้วยว่าวันที่ 4 ส.ค.ที่จะโหวตนายกฯ เชื่อว่าจะไม่มีปัญหาอะไร เราน่าจะได้เห็นหน้านายกฯ แน่นอน ไม่น่าจะเลื่อนอีก

เพ้อ! ก้าวไกลยังมีโอกาส

     ขณะที่นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะโฆษกพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีหลายฝ่ายวิเคราะห์ ว่าพรรคก้าวไกลเป็นฝ่ายค้านแน่ว่า เรายืนอยู่บนข้อเท็จจริงดีกว่า เรื่องการคะเน มันไม่เคยถูก 100 เปอร์เซ็นต์ เรายืนอยู่บนข้อเท็จจริงดีกว่าว่าตอนนี้เราอยู่ในเสียง 312 เสียงของ 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งในสภาถือเป็นเสียงข้างมาก ถ้ามี 312 เสียงแล้วเป็นฝ่ายค้าน คงอธิบายยากในการเมืองไทยให้ประชาชนเข้าใจ เบื้องต้นเรายืนอยู่บนหลักการนี้ว่าเรามีโอกาสเป็นรัฐบาล แต่เราให้พรรค พท.เป็นแกนนำในการจัดตั้ง สุดท้ายผลจะเป็นอย่างไรก็ต้องมาคุยกัน  ตอนนี้เรายืนอยู่ตรงนี้

     เมื่อถามว่า เวลานี้ตัดก้าวไกลออกไปเป็นฝ่ายค้านได้หรือยัง นายรังสิมันต์ตอบว่า ตอนนี้ยังตัดไม่ได้หรอก เพราะข้อเท็จจริงยังไม่ปรากฏ

     ผู้สื่อข่าวถามว่า หากสุดท้ายแล้วเมื่อดีลจบ มีการตั้งรัฐบาลข้ามสายพันธุ์จริงๆ แล้วสุดท้ายพรรคก้าวไกลถูกผลักไปเป็นพรรคฝ่ายค้าน ดีใจหรือเสียใจ  โฆษกพรรคก้าวไกลตอบว่า ไม่ใช่แค่เรื่องความรู้สึก เป็นเรื่องของประชาชนมากกว่า มันเป็นสิ่งที่มันไม่ควรจะเกิดขึ้น มันคือการไม่สะท้อนความต้องการของประชาชนที่เขาเลือกตั้ง คือ ประชาชนเลือกขนาดนี้ แล้วการตั้งรัฐบาลได้มันยังไม่เกิดขึ้น ตนคิดว่าผู้ที่เกี่ยวข้องกับการทำให้เกิดกระบวนการที่ทำให้ไม่เคารพเสียงประชาชนต้องรับผิดชอบ ดังนั้นอย่าทำแบบนั้นเลย ต้องเล่นกันตามกติกาอย่างตรงไปตรงมา  ประเทศจะเดินได้ แต่ถ้าเกิดหวงแหนอำนาจ อยากจะมีอำนาจโดยไม่สนว่า จริงๆ แล้วประชาชนไม่ได้เลือกคุณมาขนาดนั้น คิดว่าประชาชนในประเทศไทยจะสั่งสอนคนเหล่านี้ในอนาคตอย่างแน่นอน

     นายรังสิมันต์กล่าวถึงกรณีตนเองถูกโยงแฮชเเท็กตั๋วปารีสว่า เห็นแล้ว ได้แต่ขำก๊ากกับบรรดาไอโอ ทีนี้มากันใหญ่ ทีตั๋วช้างทำเป็นเงียบ คิดให้ดีแล้วกันถ้าจะปั่นแฮชเเท็กนี้ จะยิ่งทำให้คนนึกถึงตั๋วช้าง

     "ผมยืนยันว่าไม่จริง และไม่สมเหตุสมผลเลยที่มาปั่นว่าผมรับงานต่างชาติเพื่อมายกเลิกมาตรา 112 แถมนำเรื่องที่ผมยื่นทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช. ล่าสุด มาบอกว่าทรัพย์สินผมเพิ่มขึ้นมากจากปี 2562 ผมขอตอบเลยว่า เมื่อปี 2562 ผมยังโสด ทรัพย์สินก็ยื่นคนเดียว แต่ในปีล่าสุดผมยื่นพร้อมของภรรยา ถ้าดูทรัพย์สินของผมจริงๆ ก็ไม่ได้เพิ่มขึ้นมาก แถมเป็นหนี้ด้วยซ้ำไป ผมมีเงินเดือนอายุตอนนี้ 31 ปี แปลกตรงไหนที่จะกู้ซื้อบ้าน กู้ซื้อรถ ดังนั้นยืนยันว่าทรัพย์สินที่ผมยื่นไปเกือบครึ่งนั้นเป็นของภรรยา ส่วนของผมก็ประกอบไปด้วยหนี้สินด้วย"

     เขาบอกว่า การเอาตัวเลขบางส่วนหยิบยกขึ้นมาโดยไม่เลือกที่จะอธิบายข้อเท็จจริง แล้วโจมตีกัน มันก็แสดงให้เห็นว่าเจตนาในการวิจารณ์คือต้องการให้คนเข้าใจผิด วันนี้มีกระบวนการดิสเครดิตที่รุนแรง หวังผลทำลายความน่าเชื่อถือของพรรค ก.ก. มันเกิดขึ้นระหว่างช่วงที่มีการตั้งรัฐบาลซึ่งกำลังอีนุงตุงนังมากๆ

     ส่วนกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ จะกลับประเทศไทยวันที่ 10 ส.ค.นั้น โฆษกพรรคก้าวไกลยอมรับว่า  คงยากปฏิเสธว่ามีผลกระทบทางการเมือง แต่กระทบทางไหนตอบยาก เพราะยังไม่ถึงวันนั้น ส่วนการจัดตั้งรัฐบาลพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยมีคณะกรรมการพูดคุยเจรจา ที่ผ่านมายังไม่มีการพูดคุย จะมีการเลือกนายกฯ กันวันที่ 4 ส.ค.อยู่แล้ว เลยไม่แน่ใจว่าตกลงแล้วเอาอย่างไร

ดรามา 'ทักษิณ' ไม่กลับ

     "ท่ามกลางสถานการณ์ที่ทุกฝ่ายในสังคมพยายามพูดว่ามีกระบวนการบางอย่างเกิดขึ้น เช่น มีการพูดกันว่าจะจัดตั้งรัฐบาลข้ามสายพันธุ์ เราปฏิเสธไม่ได้ว่ามันมีการพูดกันในสังคม ซึ่งโดยกระบวนการที่มันควรจะเป็นต้องมีการออกมาพูด หรือปฏิเสธว่าเป็นเรื่องจริงไม่จริงอย่างไร เราไม่รู้ว่าตกลงแล้วไปเจรจาตั้งรัฐบาลในการขอเสียงโหวตตามมาตรา 272 เป็นอย่างไร เราก็ยังไม่รู้ความคืบหน้ามากไปกว่านั้น สรุปแล้วที่สังคมกังวลพูดถึงกันเป็นอย่างไร เราก็ไม่รู้อีก เลยยังตอบลำบากว่ายังไงก็คงจะต้องถามพรรค พท. เรื่องวันนัดเจรจาพูดคุย"

     เมื่อถามว่า แสดงว่าพรรคเพื่อไทย ยังไม่มีการติดต่อเพื่อนัดประชุมร่วม 8 พรรคจัดตั้งรัฐบาล นายรังสิมันต์ตอบว่า มันต้องมีการประชุมกัน แต่เท่าที่ตนทราบ ยังไม่เห็นรายละเอียดว่าการประชุมจะเป็นวันไหน รู้จากข่าวเหมือนกับประชาชน

     วันเดียวกันนี้ เกิดประเด็นดรามาในโลกโซเชียล เมื่อนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์  อดีตนักการเมือง ออกมาให้สัมภาษณ์ ถึงกรณีที่ได้โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊กว่า  “เกมพลิก ทักษิณถอย ยกเลิกกลับไทย สถานการณ์เปลี่ยน” โดยบอกว่า ตัวเองมีข้อมูลว่าวันที่ 10 ส.ค.นี้ นายทักษิณจะยังไม่กลับมาประเทศไทย เพราะเกมการเมืองยังคงพลิกไปมาตลอด และคิดว่าไม่น่ากลับมาทั้งที่ยังโหวตเลือกนายกไม่สำเร็จ

     เขากล่าวว่า โดยส่วนตัวเชื่อว่าวันที่ 4 ส.ค.นี้ ในการโหวตเลือกนายกฯ ครั้งที่ 2 ก็จะยังไม่ได้นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 แน่นอน ซึ่งการเดินทางกลับไทยของนายทักษิณ เชื่อว่าจะถูกเลื่อนออกไปไม่มีกำหนด จนกว่าจะได้รับสัญญาณไฟเขียวที่มีการดีลกันอยู่ในกรุงเทพฯ โดยไม่ขอบอกว่าเป็นอำนาจแบบไหน

     นายชูวิทย์บอกว่า จากการแถลงข่าวที่ผ่านมา ตัวเองบอกเพียงว่านายทักษิณมีโอกาสกลับประเทศ 60-70% ไม่เคยยืนยันว่ากลับ 100% เพราะเกมการเมืองเปลี่ยนไปตลอดเวลา ยืนยันว่าการแถลงข่าวทุกครั้งไม่ใช่ข่าวลวง แต่พูดตามข้อเท็จจริง ณ เวลานั้นๆ และมีการเช็กแหล่งข่าวตลอด ย้ำว่าถ้าจากการประเมินวันนี้ นายทักษิณจะยังไม่กลับประเทศไทยแน่ แต่ถ้าหลังจากนี้มีการดีลหรือได้ไฟเขียว ก็ต้องประเมินสถานการณ์อีกครั้ง

     นายชูวิทย์มองว่า การกลับเข้าประเทศของนายทักษิณ อดีตนายกรัฐมนตรี จะต้องเป็นช่องการพิเศษ ไม่ใช่กรมราชทัณฑ์นำหมายศาลไปรับตัวถึงสนามบินและพาเข้าคุก รอขอยื่นอภัยโทษส่วนบุคคล อีกทั้งจากประสบการณ์ การขอยื่นอภัยโทษส่วนบุคคลจะต้องเป็นนักโทษเด็ดขาดคดีเป็นที่สิ้นสุดและมีการรับสารภาพแล้ว และคดีลักจี้ชิงปล้น ทุจริต ไม่เคยมีให้อภัยโทษลักษณะนี้มาก่อนด้วย

     ส่วนกรณีที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หรืออุ๊งอิ๊ง แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย คอมเมนต์ว่าตัวเองเพ้อเจ้อ ยืนยันว่าไม่ได้โกรธ เพราะเข้าใจในบทบาทของลูกสาวว่าอยากให้พ่อกลับประเทศ อีกทั้งนายทักษิณก็ต้องการกลับประเทศแล้วติดปัญหา ซึ่งอุ๊งอิ๊งอาจจะไม่รู้เงื่อนไขทั้งหมด

     นายชูวิทย์บอกว่า ตัวเองไม่กลัวอุ๊งอิ๊งจะโกรธ เพราะพูดในฐานะประชาชนคนหนึ่งที่อ่านเกมการเมืองออก และอยากให้รอดูว่าหลังจากนี้ใครกันแน่ที่เพ้อเจ้อ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เริ่มฮั้วยึดเก้าอี้สว. กกต.จับตาพวกไร้คะแนน-ท็อปไฟว์/‘ทักษิณ’ส่ง‘สมชาย’ดันนั่งปธ.

ประเดิมสมัคร สว.วันแรก มีทั้งพื้นที่คึกคักและกร่อย สะพัด! กทม.เริ่มมีเรื่องฮั้ว รวมกลุ่ม “กกต.” จับตาพวกไร้คะแนนและบรรดาท็อปไฟว์