กกพ.เมินเอกชน ยืนค่าไฟ4.45บ. โยนรัฐบาลหน้า

กกพ.ปัดข้อเสนอเอกชนหั่นค่าไฟงวดใหม่ ย้ำตัวเลขยังอยู่ 4.45    บาท/หน่วย อ้างไร้อำนาจ ต้องรอรัฐบาลใหม่อนุมัติงบอุดหนุน ชี้ลด 1 สตางค์ ใช้งบ 500-600 ล้านบาท

เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม นายคมกฤช    ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน   (กกพ.) ในฐานะโฆษก กกพ. เปิดเผยว่า  กกพ.กำหนดให้มีการเรียกเก็บค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (Ft) งวดเดือน ก.ย.-ธ.ค.2566 จำนวน 66.89 สตางค์ต่อหน่วย (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ส่งผลให้ค่าไฟฟ้าเฉลี่ยปรับลดลงจากงวดปัจจุบัน (พ.ค.-ส.ค.66) จาก 4.70 บาทต่อหน่วย เหลืออยู่ที่ 4.45 บาทต่อหน่วย   ส่วนการปรับลดค่าไฟตามที่คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) เสนอ 4.25 บาทต่อหน่วยนั้น กกพ.ไม่มีอำนาจใดๆ ในการนำเงินมาสนับสนุน แต่เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่มีการของบประมาณเข้ามาสนับสนุน ส่วนหนี้ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย  (กฟผ.) ต้องอาศัยกลไกรัฐเข้ามาช่วย  เนื่องจาก กกพ.ไม่มีอำนาจการบริหารหนี้ กฟผ.

 “กรณีค่าไฟตามที่ กกร.เสนอเหลือ 4.25 บาทต่อหน่วยนั้น ต้องชี้แจงว่า กกพ.ไม่ได้มีงบประมาณในส่วนนี้ จึงต้องมีเงินจากรัฐบาลเข้ามาช่วย หรือลดหนี้ กฟผ. ดังนั้นหากต้องใช้เงินเข้ามาอุดหนุนค่าไฟ ซึ่งประเมินว่าการลดค่าไฟฟ้าลง 1 สตางค์ ต้องใช้งบประมาณ 500-600 ล้านบาท จึงต้องรอรัฐบาลใหม่พิจารณา” นายคมกฤชระบุ

ส่วนแนวโน้มค่าไฟฟ้าในงวดแรกของปี 67 จะสามารถลดลงได้มากกว่านี้หรือไม่นั้น ขณะนี้มีปัจจัยเสี่ยงเพิ่มขึ้นจากปัญหาภัยแล้ง เนื่องจาก กฟผ.ได้แจ้ง กกพ.ว่าปริมาณน้ำในเขื่อนที่ สปป.ลาว ลดน้อยลง จะส่งผลต่อการผลิตไฟฟ้าที่ กฟผ.ซื้อไฟฟ้าพลังน้ำส่งมายังไทย อาจทำให้การผลิตไฟฟ้าต้องพึ่งพาก๊าซธรรมชาติเข้ามาทดแทน ขณะที่ราคาก๊าซ LNG ปรับตัวสูง ปัจจุบันยังอยู่ในช่วงขาขึ้น นอกจากนี้ถ่านหินราคาสูงขึ้นเช่นกัน หรือหากเปลี่ยนโครงสร้างคำนวณราคาก๊าซ คงต้องใช้เวลาและอำนาจรัฐเข้ามาช่วยตัดสิน ต้องมีกระบวนการ ดังนั้นคงรอรัฐบาลใหม่เข้ามา.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง