“หอการค้าไทย” มั่นใจตั้งรัฐบาลใหม่ไม่เกิน ส.ค.-ก.ย.นี้ กางงานด่วน เร่งอัดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทันที ดูแลค่าครองชีพปัญหาปากท้อง ชี้แจกเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาททำได้แต่ต้องคุ้มค่าตรงจุด เปิดสเปกขุนคลังต้องเชี่ยวชาญเป็นที่ยอมรับ เสนอนโยบายกระตุ้น ศก. ตอบโจทย์ประชาชน
เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า หากพิจารณาจากสถานการณ์ในปัจจุบัน หอการค้าไทยยังมีความมั่นใจว่า ประเทศน่าจะมีรัฐบาลชุดใหม่ได้ในกรอบของ ส.ค.-ก.ย.2566 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ไม่ช้าเกินไป โดยมองว่าไทยควรมีรัฐบาลชุดใหม่ให้เร็วที่สุด ซึ่งขณะนี้เห็นทิศทางที่ชัดเจนมากขึ้น เมื่อพรรคเพื่อไทยในฐานะแกนนำจัดตั้งรัฐบาลสามารถรวบรวมเสียงได้เพิ่มขึ้นเป็นลำดับ และคาดว่าจะมีพรรคการเมืองและสมาชิกวุฒิสภาให้การสนับสนุนเพิ่มเติม จนสามารถโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีที่มาจากแคนดิเดตพรรคเพื่อไทยได้ แต่สิ่งสำคัญคือเสถียรภาพของรัฐบาล ที่จะต้องมีเสียงเพียงพอและเข้มแข็ง เพื่อให้การขับเคลื่อนนโยบายเป็นไปอย่างราบรื่นและมีความต่อเนื่อง
นายสนั่นกล่าวว่า มีข้อเสนอแนะรัฐบาลใหม่ในการดูแลเศรษฐกิจ โดยครอบคลุม 3 ระยะ ได้แก่ 1.ระยะเร่งด่วน โดยสิ่งที่รัฐบาลใหม่จำเป็นต้องดูแลทันที คือ การแก้ไขปัญหาปากท้องของประชาชน ผ่านนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ นโยบายลดค่าครองชีพให้แก่ประชาชน และลดต้นทุนภาคเอกชน ทั้งค่าน้ำมันเชื้อเพลิง ค่าไฟฟ้า ที่ยังอยู่ในระดับสูง และการเผชิญกับปัญหาภาคการส่งออกที่ชะลอตัวติดลบต่อเนื่อง 8-9 เดือน รวมถึงเร่งส่งเสริมภาคท่องเที่ยว โดยเฉพาะในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีซึ่งเป็นไฮซีซั่น เช่น การอำนวยความสะดวกในการทำวีซ่าแก่นักท่องเที่ยวจีน และเร่งจัดทำงบประมาณรายจ่ายปี 2567 ตลอดจนสร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุน
2.ระยะกลาง ต้องวางแผนและป้องกันความเสี่ยงจากปัญหาภัยแล้งอย่างจริงจัง โดยรัฐบาลใหม่จึงจำเป็นต้องเตรียมแผนบริหารจัดการทั้งพื้นที่และการกักเก็บน้ำที่เหมาะสม รองรับความต้องการของภาคการเกษตร ภาคบริการ และภาคอุตสาหกรรม ตลอดจนสานต่อข้อตกลงทางการค้าระหว่างประเทศ ที่ไทยได้เริ่มดำเนินการกับหลายประเทศ เพื่อเร่งขยายตลาดใหม่ๆ โดยเฉพาะ FTA ไทย-อียู และอีกหลายฉบับ และ 3.ระยะยาว ต้องเริ่มปูพื้นฐานความรู้ความเข้าใจของทุกภาคส่วน ถึงประเด็นการให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน
สำหรับเศรษฐกิจภายในประเทศ ต้องยอมรับว่ายังคงน่ากังวล โดยเฉพาะกำลังซื้อของประชาชนที่สะท้อนจากการซื้อสินค้าคงทนตั้งแต่ช่วงเดือน มิ.ย. มีแนวโน้มลดลง เป็นสัญญาณว่าประชาชนไม่มีรายได้ และระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้น สถานการณ์เช่นนี้จำเป็นต้องมีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจทันที เช่นเดียวกับที่เคยทำในช่วงที่ผ่านมา เช่น โครงการคนละครึ่ง เพื่อดึงกำลังซื้อของประชาชนให้กลับมา
ขณะที่สเปกของ รมว.การคลัง ถือเป็นหนึ่งในตำแหน่งที่ภาคเอกชนอยากเห็น ซึ่งจะต้องเป็นผู้ที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ และเป็นที่ยอมรับจากทุกภาคส่วนว่าจะสามารถนำเสนอนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่ตอบโจทย์ประชาชนอย่างรวดเร็วและตรงจุด
นายสนั่นกล่าวว่า หากรัฐบาลใหม่ที่คาดว่าพรรคเพื่อไทยสามารถเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ และนำเอานโยบายแจกเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท มาใช้กระตุ้นเศรษฐกิจแบบทันทีนั้น หอการค้าฯ มองว่าในหลักการสามารถทำได้ แต่ต้องประเมินผลความคุ้มค่าในแง่เศรษฐกิจให้ชัดเจนและรอบด้าน เนื่องจากเป็นโครงการที่ใช้งบประมาณมหาศาล
โดยมีข้อคิดเห็นดังนี้ 1.การอัดฉีดเม็ดเงินไปยังกลุ่มผู้มีอายุ 16 ปีขึ้นไป น่าจะอยู่ราว 50 ล้านคน หากใช้เงิน 1 หมื่นบาทต่อคน จะต้องใช้งบประมาณราว 5 แสนล้านบาท ซึ่งเข้าถึงมือประชาชนโดยตรง จะทำให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยและกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว และ 2.พุ่งเป้าไปยังกลุ่มที่เดือดร้อน หรือมีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องได้รับการช่วยเหลือก่อน เพราะจะได้ไม่ต้องใช้งบประมาณที่สูงจนเกินไป
“ประเมินว่าทุกๆ 1-1.5 แสนล้านบาท จะช่วยกระตุ้นจีดีพีได้ 1% ดังนั้นโครงการดังกล่าวน่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้เพิ่มขึ้นได้ประมาณ 2.5-3% เกิดเม็ดเงินหมุนในระบบเศรษฐกิจประมาณ 3-4 รอบ อย่างไรก็ตาม โครงการดังกล่าวยังมีข้อเป็นห่วงจากหลายฝ่าย ทั้งที่มาของแหล่งงบประมาณ และจะกระทบต่อฐานะการคลังมากน้อยเพียงใด ซึ่งจะต้องมีความชัดเจนในส่วนนี้ โดยหอการค้าไทยยังคงเชื่อว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้มีโอกาสเติบโตได้ 3.0-3.5% และมั่นใจว่าปี 2567 จะเติบโตอย่างเต็มที่จากแรงขับเคลื่อนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดใหม่” นายสนั่นระบุ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
‘ดีเอสไอ’ทุ่มเทคโนโลยี! หวังมัดฮั้วเลือกสว.-อั้งยี่
“ดีเอสไอ” จัดเต็มลุย “อิมแพ็คฟอรัม” จำลองฮั้วเลือก สว.ระดับประเทศ
ตร.6นายดับทดสอบบิน
สลดเครื่องบินตำรวจปฏิบัติภารกิจทดสอบการบิน ฝึกกระโดดร่มตกทะเลเสียชีวิตยกลำ 6 นาย
แห่หาเสียงซ่อมเมืองคอน
เลือกตั้งซ่อมนครศรีฯ ร้อนแรง “กล้าธรรม” ขนแทบทั้งพรรคลงพื้นที่ “ไผ่” โวราคาต่อรองนำ “พิพัฒน์” นำทีมปราศรัยส่งท้าย หวังรักษาเก้าอี้เดิม “ชินวรณ์” วอน กกต.สอบซื้อเสียง
ใครจะลงเรือใกล้ล่ม พปชร.ยันท่าที ‘ธรรมนัส’ตีปี๊บ ฝ่ายค้านแห่ซบ
ใครเตือนไม่ฟัง! "สามีอิ๊งค์" โพสต์ภาพนายกฯ ป่วยแอดมิต รพ. "โฆษกรัฐบาล" แจงพบไข้ขึ้นสูงหลังกลับจากเยือนกัมพูชา
พิชัยถอดรหัสภาษีทรัมป์ ย้ำทุกวิกฤตมีโอกาสใหม่
“พิชัย” จับมือภาคเอกชน เปิดเวทีถอดรหัสนโยบายภาษีทรัมป์ ย้ำทุกวิกฤตมีโอกาสใหม่ของไทย รัฐเดินหน้าเจรจา FTA-คุมเข้มสินค้าด้อยคุณภาพ-สกัดการสวมสิทธิ์อย่างเด็ดขาด
ในหลวง-ราชินี เสด็จฯ‘ภูฏาน’ 25-28เมษายน
“ในหลวง-พระราชินี” เสด็จฯ เยือนภูฏานอย่างเป็นทางการครั้งแรก ระหว่างวันที่ 25-28 เม.ย.