ภท.ดี๊ด๊าโควตา4+4 หลัง16ส.ค.รู้กระทรวง/พท.เมินชูวิทย์ถล่มซํ้า‘เศรษฐา’

เพื่อไทยมั่นใจโหวตนายกฯ  ครั้งเดียวจบ เชื่อเสียงเกิน 375 แน่ๆ มีรัฐบาลใหม่ปลาย ส.ค.หรือต้น ก.ย. “ก้าวไกล” ตามคาด มติเอกฉันท์ไม่ยกมือให้แคนดิเดตนายกฯ พท. อ้าง 3 เหตุผล “ขัดเจตนารมณ์ผลเลือกตั้ง-ไม่ใช่ปิดสวิตช์  สว.-เกรงใจผู้มีอำนาจ” อนุทินเชื่อหลัง 16 ส.ค.ถกแบ่งเค้ก ปูดได้ รมต.4+4 “พีระพันธุ์” บอกยังไม่ได้เทียบเชิญก็ยากที่จะโหวตให้ พร้อมร่วมงานหากไม่มีเรื่อง 112 “ชูวิทย์” แฉข้อมูลถล่ม “เศรษฐา” อึ้งซ้ำรอยทักษิณมีทั้ง “แม่บ้าน-รปภ.” เป็นนอมินีซื้อที่ดินกินส่วนต่าง “แสนสิริ” โต้ทันควันพร้อมขู่ฟ้อง

เมื่อวันอังคารที่ 15 ส.ค. ยังคงมีความต่อเนื่องในการจัดตั้งรัฐบาลและการแบ่งโควตารัฐมนตรี ที่พรรคเพื่อไทย​ (พท.) มีการประชุม สส.พรรค นำโดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน และหัวหน้าพรรค, นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรค, นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรค พร้อมด้วยนายเศรษฐา ทวีสิน และนายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกฯ ขณะที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกฯ พรรค พท. ไม่ได้เข้าร่วมประชุม เนื่องจากอยู่ระหว่างเดินทางจากการไปเยี่ยมนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่นครดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

โดย นพ.ชลน่านแถลงข่าวภายหลังการประชุม สส.พรรคว่า ได้แจ้งข้อสรุปวันเลือกนายกฯ ต่อที่ประชุม สส.ว่าอาจเป็นวันที่ 18 หรือ 21 ส.ค. ซึ่งพรรคอยากได้วันที่ 18 ส.ค. โดยมีมติเสนอชื่อนายเศรษฐาเป็นผู้ซึ่งสมควรได้รับเลือกเป็นนายกฯ  โดย สส.พรรคทั้ง 141 เสียง จะยกมือให้อย่างพร้อมเพรียง ซึ่งพรรค พท.และพรรคร่วมเห็นสอดคล้องไปในทิศทางเดียวกัน และเชื่อว่าจะมีเสียง สส.และ สว.เกิน 375 เสียง ที่จะสนับสนุนแคนดิเดตนายกฯ  พรรค พท.

 เมื่อถามถึงท่าทีกับพรรคก้าวไกล  (ก.ก.) ที่มีมติไม่โหวตแคนดิเดตนายกฯ  พรรคเพื่อไทย นพ.ชลน่านกล่าวว่า เราไม่มีท่าทีอะไร ต่างฝ่ายต่างมีความคิด เราเคารพ ไม่ก้าวล่วงในมิติทางการเมือง ยืนยันว่าเราทำงานได้กับทุกพรรค ส่วนจะขัดแย้งหรือแตกแยกหรือไม่นั้น ยืนยันว่าไม่มี  ซึ่งตั้งแต่การพูดคุยวันที่ 2 ส.ค. ที่ น.ส.แพทองธารยกคณะไปคุยกับพรรค ก.ก.ครั้งล่าสุด เราประเมินสถานการณ์มาตลอด และเห็นว่าโอกาสที่ ก.ก.ยกมือโหวตเป็นไปได้ยาก

นายภูมิธรรมกล่าวถึงเสียงสนับสนุนแคนดิเดตนายกฯ พรรคว่าเกิน 375 เสียงหรือไม่ว่า ยืนยันว่าเสียงเกินแน่นอน ส่วนวันที่ 18 ส.ค.หรือ 21 ส.ค.ที่จะโหวตเลือกนายกฯ ไม่ว่าจะเป็นวันใด เชื่อว่าได้นายกฯ และจะพร้อมตั้งรัฐบาลทันที มั่นใจว่านายเศรษฐาได้เป็นนายกฯ และตั้งรัฐบาลได้ในช่วงปลาย ส.ค.หรือต้น ก.ย.

เมื่อถามว่า เสียงที่บอกว่าเกิน 375 เสียงนั้น มีพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) และพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) แล้วหรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้หารือกันเป็นทางการ แต่มีความคืบหน้าเรื่อยๆ ส่วนกรณีที่พรรคร่วมขอให้แบ่งกระทรวงให้ชัดเจนก่อนโหวตนายกฯ  นั้น ไม่น่าห่วง ไม่มีปัญหา เพราะจากการพูดคุยกับหัวหน้าพรรคการเมืองต่างๆ เท่าที่เห็นทุกอย่างเรียบร้อยดี

ส่วนกรณีนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ออกมาแฉรอบ 2 เกี่ยวกับความไม่สุจริตของนายเศรษฐา เรื่องนี้อาจกระทบเสียงและการตัดสินใจของ สว.หรือไม่ นายภูมิธรรม ระบุว่า ทุกคนรู้จักนายชูวิทย์ดีว่าสามารถนำเสนอประเด็นได้เรื่อยๆ แต่คุณสมบัติของเศรษฐาก็เป็นไปตามระเบียบ ถ้าผ่านกระบวนการมาเรียบร้อยแล้วก็ไม่น่าจะมีปัญหา และเมื่อมีการรับรองแล้วจะมีคนเห็นเหมือน หรือเห็นต่างอย่างไรนั้นก็ขึ้นอยู่กับแต่ละคน

ก่อนหน้านี้นายภูมิธรรมก็ให้สัมภาษณ์ว่า หากประธานรัฐสภากำหนดวันโหวตมาพรรคก็พร้อม และเชื่อว่าภายใต้กติกาที่มีข้อจำกัดจะทำให้โหวตผ่านได้ภายในครั้งเดียว ส่วนเรื่องการจับมือกับพรรค 2 ลุงนั้น เราอยู่ภายใต้ข้อจำกัด ไม่สามารถทำตามความต้องการที่เราปรารถนาได้ทั้งหมด เมื่อตัวเลขออกมาเช่นนี้ และปัญหาที่แสดงออกมาชัดเจน ก็สะท้อนว่าเรารอไม่ได้ รวมถึงมีปัญหาเข้ามาใหม่ๆ จึงจำเป็นต้องจัดตั้งรัฐบาลให้ได้โดยเร็ว

 “การตัดสินใจในเรื่องนี้ส่วนหนึ่งมาจากการที่เราคิดว่าเราสลายความขัดแย้ง หากไม่มีจุดเริ่มต้นก็ยากที่จะทำได้ ความยากลำบากของการเปลี่ยนแปลงทุกครั้งมีความเจ็บปวด พรรคเพื่อไทยจึงอาสาเป็นหินก้อนแรกในการทำให้เกิดเส้นทางที่ทำให้ความขัดแย้งลดลง ในทางการเมืองเราเชื่อว่าการทำให้วิธีคิดใกล้เคียงกัน ทำงานและแก้ปัญหาร่วมกันจะเป็นทางออก สามารถร่วมมือกันได้ และทำให้สามารถฝ่าวิกฤตได้ เราต้องคิดใหญ่ใจใหญ่ ในเส้นทางที่คับแคบ แต่ทั้งหมดก็อยู่ในสายตาของพี่น้องประชาชน หากเราตัดสินใจผิดพลาด เราก็จะรับผิดชอบ” นายภูมิธรรมกล่าว

เมื่อถามถึงกรณีนายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรค ก.ก. ห่วงพรรค พท.ถูกบีบและกดดันจากพรรคที่จะร่วมรัฐบาล นายภูมิธรรมกล่าวว่า ขอบคุณที่เป็นห่วง แต่ใครจะรู้ดีเท่าพรรค พท. วันนี้เราก็สบายๆ เพราะเราเอาผลประโยชน์ของพี่น้องประชาชนเป็นที่ตั้ง เราไม่ได้ใช้วิธีการเดิมแบบที่พรรค ก.ก.ได้ทำ เรารู้ว่าวิธีการนั้นเป็นวิธีการที่ยากลำบากและเป็นทางตัน เราจึงหาทางใหม่

“เราได้เสียง สว.มากกว่าที่เคยได้กัน ส่วนจะเกิน 100 หรือไม่นั้น ไม่ทราบ เป็นดุลพินิจและการพิจารณาของ สว.แต่ละท่านว่าจะตัดสินใจทำให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติอย่างไร”

ทั้งนี้ ในช่วงเที่ยง ที่พรรค พท. กลุ่มคนเสื้อแดง จ.ปทุมธานี, สมุทรปราการ และจันทบุรี เดินทางมาให้กำลังใจพรรค พท. ในการเดินหน้าจัดตั้งรัฐบาล โดยมีนายประเสริฐเป็นตัวแทนพรรคลงมาพูดคุยกับตัวแทนกลุ่ม พร้อมรับกุหลาบแดงที่ตัวแทนกลุ่มมอบให้ ต่อมาก็มีกลุ่มแท็กซี่เสื้อแดงสุวรรณภูมิ สมุทรปรากร กรุงเทพฯ และกลุ่มเสื้อแดงล้านเปอร์เซ็นต์จากหลายจังหวัด เดินทางมาให้กำลังใจ พร้อมทั้งร้องเพลงศรัทธา และตะโกนส่งเสียงเชียร์ให้กำลังใจ ขณะเดียวกันก็มีมวลชนอิสระ 1 คน ได้นำเสื้อ รูปภาพ หนังสือ อุปกรณ์ที่ใช้ในการชุมนุมเมื่อปี 2553 มาเผา เนื่องจากไม่พอใจในการจัดตั้งรัฐบาลของพรรค พท.ที่ไปจับมือกับขั้วรัฐบาลเดิม  

ตามคาดก้าวไกลไม่โหวตให้

นายอดิศร เพียงเกษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรค พท. ตั้งข้อสังเกตกรณีพรรค พท.มีทัวร์มาลงบ่อยว่า หากทัวร์ไม่มาที่พรรค พท.ก็ไปที่พรรคภูมิใจไทย (ภท.) แต่แปลกใจที่ไม่ไปที่พรรค ก.ก.สักที มันดูไพ่ออก

ส่วนที่อาคารไทยซัมมิท นายชัยธวัชแถลงภายหลังการประชุม สส.ของพรรคก้าวไกลในวาระการโหวตนายกฯ ว่า ที่ประชุมมีมติว่า สส.ของพรรคจะไม่โหวตให้กับแคนดิเดตนายกฯ ของพรรค พท.และรัฐบาลที่กำลังผสมพันธุ์ข้ามขั้วอยู่ โดยมีเหตุผล 1.การจัดตั้งรัฐบาลขณะนี้ เป็นการจัดตั้งรัฐบาลที่ขัดต่อเจตนารมณ์ ขัดต่อเจตจำนงของพี่น้องประชาชนที่ได้แสดงออกผ่านการเลือกตั้ง เมื่อวันที่ 14 พ.ค.2566 2.การที่จะให้ สส.ของพรรคโหวตให้กับแคนดิเดตนายกฯ ของรัฐบาลที่กำลังจัดตั้งอยู่นี้ ไม่ใช่การปิดสวิตช์ สว. แต่เป็นการเดินตามความต้องการของ สว. ในการบิดเบือนผลการเลือกตั้ง และ 3.การจัดตั้งรัฐบาลที่เกรงใจผู้มีอำนาจทุกฝ่าย ยกเว้นเกรงประชาชน จะไม่สามารถผลักดันวาระที่ก้าวหน้า และทำเพื่อผลประโยชน์ของประชาชนที่แท้จริง

เมื่อถามว่า มตินี้ถือว่าเป็นเอกฉันท์หรือไม่ นายชัยธวัชกล่าวว่า เอกฉันท์ โดย สส.เขตสะท้อนว่าพี่น้องประชาชนทั้งออนไลน์ และที่ได้พบปะในพื้นที่ เห็นไปในทิศทางเดียวกันว่าไม่เห็นด้วย

ถามต่อว่าจะโหวตไม่เห็นชอบหรืองดออกเสียง นายชัยธวัชกล่าวว่า ยังไม่ได้คุยกัน แต่ที่ชัดเจนก็ไม่โหวตให้ ส่วนไม่เห็นชอบหรืองดออกเสียง ต้องดูรายละเอียดที่จะต้องพิจารณาถึงความชัดเจนของรัฐบาลที่กำลังจัดตั้ง

ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรค ภท. กล่าวถึงการพูดคุยเรื่องเก้าอี้รัฐมนตรีก่อนการโหวตนายกฯ หรือไม่ ว่ามีการพูดคุยกันมาตลอด แต่ในรายละเอียดคาดว่าจะคุยกันใน 1-2 วันนี้ ส่วนจะต้องตกลงกระทรวงให้ชัดเจนก่อนวันโหวตนายกฯ หรือไม่นั้น ก็ควรต้องเป็นอย่างนั้น ทุกฝ่ายก็ออกมาในแนวทางนั้นไม่ใช่หรือ ทุกพรรคตามข่าวก็เป็นอย่างนั้น

เมื่อถามต่อว่า ที่ระบุว่ามีการคุยกันในรายละเอียด หมายความว่าทราบแล้วว่าได้กี่กระทรวง แต่ยังไม่ทราบว่าได้กระทรวงใดใช่หรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า เราทราบแล้วว่าจะได้กี่ตำแหน่ง แต่ยังไม่ได้คุยว่าจะได้กระทรวงอะไร ของแบบนี้ไม่ใช่เรื่องน่าหนักใจอะไร เราคุยในบริบทที่เรามีอยู่ในปัจจุบันที่เป็นเชิงสร้างสรรค์

ได้โควตา รมต.4+4

ต่อมานายอนุทินได้เดินทางมาเป็นประธานการประชุม สส.พรรค โดยก่อนประชุม นายอนุทินได้ตอบคำถามสื่อมวลชนว่าได้โควตารัฐมนตรีจำนวนเท่าไหร่ว่า เบื้องต้นน่าจะได้ 4+4

ภายหลังการประชุม นายอนุทินกล่าวถึงเรื่องนี้อีกครั้งว่า ยังไม่ได้มีการพูดคุยในเรื่องกระทรวงว่าจะได้รับมอบหมายให้ดูแลกระทรวงใด แต่คิดว่าการหารือเจรจาเรื่องดังกล่าวน่าจะเริ่มขึ้นหลังวันที่ 16 ส.ค.นี้ ที่ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยในคำร้องของผู้ตรวจการแผ่นดินเกี่ยวกับการเสนอชื่อนายกฯ ซ้ำได้หรือไม่

เมื่อถามว่า ในใจอยากได้กระทรวงใด นายอนุทินกล่าวว่า ตอนที่เราไปหาเสียง เราต้องใช้กระทรวงเดิมที่เราเคยทำงานไปขับเคลื่อนนโยบายต่างๆ เพราะเราก็มีความคุ้นเคย ใช้องคาพยพต่างๆ ไปนำเสนอประชาชน ถ้าเป็นกระทรวงเดิมก็ทำงานได้ต่อเนื่อง

 “ที่มันมีคำพูดออกมาว่าอยู่กระทรวงเดิมไม่ได้ เพราะมันไม่โปร่งใส อันนี้รับไม่ได้ อย่างนี้มันไม่ใช่ เราทำงานมีแต่ความโปร่งใส ตรงไปตรงมา ทุ่มเท ถ้าจะเป็นเหตุผลที่จะไม่ให้กระทรวงเดิมต้องไม่ใช่เรื่องความโปร่งใส เราไม่ได้มีการกระทำใดที่ไม่โปร่งใส” นายอนุทินกล่าว

นายประเสริฐกล่าวถึงกรณีนายอนุทินระบุจำนวนกระทรวงในเบื้องต้น แต่ยังไม่ได้ลงรายละเอียดว่า คงเป็นการดูจากตัวเลข สส. แต่รายละเอียดใครนั่งกระทรวงไหนยังไม่ได้พูดคุยกัน คงมีการพูดคุยหลังโหวตนายกฯ เรียบร้อยแล้ว ซึ่งพรรค พท. จะเร่งประสานงาน เพราะจำเป็นที่ต้องแต่งตั้งคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยเร็ว

เมื่อถามว่า จุดยืนจากพรรคจะลงรายละเอียดกระทรวงหลังโหวตนายกฯ ใช่หรือไม่ นายประเสริฐกล่าวว่า “ถูกต้องครับ”

ส่วน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร.ตลอดทั้งวันปฏิเสธตอบคำถามในเรื่องการเมือง ทั้งเรื่องการทาบทามร่วมรัฐบาล, ทิศทางการโหวตนายกฯ และโควตารัฐมนตรี

ขณะที่นายไผ่ ลิกค์ สส.กำแพงเพชร พรรค พปชร. ย้ำว่า 40 สส.ของพรรคยังคงโหวตสนับสนุนแคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทยโดยไร้เงื่อนไข และไม่มีข้อแม้ใดๆ แต่ต้องการทำให้เกิดรัฐบาลให้เร็วที่สุด และล่าสุดได้พูดคุยกับ สว. ซึ่งได้เสียงมาสนับสนุนเพิ่ม 7 เสียงที่จะช่วยโหวตให้

ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์กรณีพรรค รทสช.ได้มาหารือขอคำแนะนำอะไรหรือไม่หลังมีข่าวว่าจะไปร่วมรัฐบาลเพื่อไทย ว่าไม่ต้องแนะนำอะไรหรอก เขามีอุดมการณ์เขาอยู่แล้ว ก็ว่าไปตามอุดมการณ์ของเขา และเป็นสิทธิ์ของหัวหน้าพรรค กรรมการบริหารพรรคและ สส.ที่ต้องคุยกันอยู่แล้ว ก็บอกแล้วไง อย่าเอาเราไปยุ่งตรงนี้นะ

เมื่อถามว่า นายกฯ มีความเห็นอย่างไรต่อแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคเพื่อไทยดูตรงนี้หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “ไม่ได้ดู ใครเหรอ ไม่ได้ดู ไม่ได้วิจารณ์หรือวิเคราะห์อะไรทั้งสิ้น เพราะถือว่าไม่ได้เกี่ยวข้อง เป็นเรื่องของพรรคการเมือง สส.ก็คุยกัน เอาประเทศนี้เดินหน้าไปให้ได้ก็แล้วกันนะ ไม่ได้ไปขัดแย้งอะไรกับใครอยู่แล้ว ขอบคุณทุกคนนะจ๊ะ สวัสดีจ้ะ

นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค รทสช. กล่าวว่า จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้รับการติดต่อใดๆ จากพรรค พท. หลังจากได้รับเชิญไปดื่มกาแฟพูดคุยที่พรรค พท.ครั้งแรก ซึ่งการเชิญเข้าร่วมรัฐบาลขึ้นอยู่ที่พรรค พท. ไม่ได้อยู่ที่พรรค รทสช. แต่ยืนยันว่าพรรค รทสช.จะไม่มีการโหวตนายกฯ ให้ก่อนพูดคุยตกลงร่วมรัฐบาลกัน เพราะพรรคไม่มีระบบเช่นนี้ โดยทุกอย่างต้องเป็นไปตามมติของพรรค

นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค รทสช. กล่าวเช่นกันว่า ยังไม่ได้รับการติดต่อจากพรรคเพื่อไทย และทราบจากข่าวว่าจะมีการเชิญ แต่จนถึงวันนี้ก็ยังไม่มี และเท่าที่ฟังจากข่าว คาดว่าก็จะมีการติดต่อมา ส่วนจะเร็วๆ นี้หรือไม่ ไม่ทราบ

รทสช.ย้ำต้องไม่มีเรื่อง 112

เมื่อถามถึงการแบ่งสัดส่วนเก้าอี้รัฐมนตรี นายเอกนัฏกล่าวว่า คิดว่าข่าวที่ปล่อยกันมั่วกันไปหมด ถึงเวลานี้ยังไม่มีการต่อรองเรื่องเก้าอี้หรืออะไรใดๆ ทั้งสิ้น การตัดสินใจของพรรค รทสช.อยู่บนหลักการที่เราได้ประกาศไปแล้วต่อสาธารณะว่าต้องไม่มีเรื่องมาตรา 112 และไม่มีพรรคก้าวไกล หลังจากนั้นเราก็พร้อมพูดคุย

 “การตัดสินใจว่าจะร่วมหรือไม่ร่วม อยู่บนหลักการ เราไม่แคร์เรื่องของตำแหน่งหรือกระทรวง แม้จะเป็นฝ่ายค้านเราก็พร้อม" นายเอกนัฏกล่าว

นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ในฐานะรองหัวหน้าพรรค รทสช. กล่าวหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคและประชุม สส.พรรค ว่าเป็นการประชุมเรื่องสภา ส่วนเรื่องการจัดตั้งรัฐบาลนั้น ไม่ทราบ เป็นเรื่องของคณะผู้เจรจา ซึ่งผู้บริหารพรรคบอกไปแล้วว่าเราติดเรื่องเดียว คือต้องไม่เกี่ยวข้องกับมาตรา 112 เพราะเราไม่สามารถรวมกับพรรคการเมืองที่มีความคิดตรงข้ามกันสุดโต่งเท่านั้นเอง ส่วนแนวทางอื่นเราสามารถไปร่วมกันได้หมด

นายธนกร วังบุญคงชนะ รมต.ประจำสำนักนายกฯ ในฐานะรองหัวหน้าพรรค รทสช. กล่าวถึงเรื่องโควตารัฐมนตรีว่า ในทางการเมืองก่อนโหวตทุกอย่างควรหารือกันให้จบก่อน ไม่ใช่โหวตไปแล้วค่อยมาหารือทีหลัง เชื่อว่าคงมีการหารือนอกรอบกันก่อนแล้วค่อยโหวต และเชื่อว่าจะจบได้ ซึ่งที่ผ่านมาจะมีการหารือกันให้จบก่อน แต่ครั้งนี้หากจะเปลี่ยนแปลงก็สามารถทำได้ แล้วแต่พรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาลที่จะพูดคุยหารือ เท่าที่ดู พรรคที่จับมือกันจัดตั้งรัฐบาลเขาสามารถพูดคุยกันได้ ไม่ได้มีปัญหาอะไร

ส่วนนายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) กล่าวถึงการหารือเรื่องโควตารัฐมนตรีก่อนโหวตเลือกนายกฯ ว่ายังไม่มีการประสานงานมาอย่างเป็นทางการ ซึ่งในวันที่ 16 ส.ค.นี้ จะมีการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ กรณีข้อบังคับการโหวตนายกฯ ตามข้อ 41 ก็ต้องรอดูว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร จึงยังไม่ทราบแน่ชัดว่าจะมีการโหวตเลือกนายกฯ ในวันใด เนื่องจากขณะนี้มีกระแสว่าโหวตในวันที่ 18 ส.ค. และบางกระแสระบุ 22 ส.ค.

ผู้สื่อข่าวถามว่า ตามหลักการแล้ว ควรชัดเจนเรื่องโควตาก่อนโหวตนายกฯ ใช่หรือไม่ เพื่อเป็นกันการันตีเช็คเปล่า  นายวราวุธกล่าวว่า ยังไม่มีการพูดคุยกัน จึงตอบอะไรมากไปกว่านี้ไม่ได้ แต่เรื่องประเพณีปฏิบัติ เชื่อว่าทุกฝ่ายทราบดี ส่วนกรณีไม่อยากให้รัฐมนตรีเก่านั่งกระทรวงเดิมนั้น คงต้องมาคุยกัน เพราะหลายพรรค รวมทั้งพรรค ชทพ.ในช่วงเลือกตั้ง ทุกพรรคได้นำเสนอนโยบายที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน เมื่อมีการจัดตั้งรัฐบาล จึงต้องการนำนโยบายของแต่ละพรรคมาปฏิบัติผ่านการทำงาน ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ

“พรรคชาติไทยพัฒนามีเพียง 10 เสียง คงไม่ได้พอใจหรือไม่พอใจ ชาติไทยพัฒนาไม่ใช่พรรคใหญ่อะไร จึงขอย้ำว่าควรพูดคุยกันก่อน เราพรรค 10 เสียง ต้องอ่อนน้อมถ่อมตน ไม่ใช่พรรคใหญ่ที่จะไปพูดมากคงไม่เหมาะ” นายวราวุธระบุ

วันเดียวกัน ที่เดอะล็อบบี้ โรงแรมเดวิส สุขุมวิท 24 ก่อนการแถลงข่าว นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง เริ่มต้นด้วยการพานายวรัญชัย โชคชนะ นักกิจกรรมทางการเมือง และอดีตผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. เดินเข้ามาภายในห้องพร้อมใช้ปี๊บคลุมหัว ระบุข้อความ “นายกฯ ดิจิตอล” ก่อนกล่าวถึงกระบวนการ ปั่น บวมเงิน ตัดตอน ว่าเริ่มต้นที่จำนวนที่ดิน 9 โฉนด ภายหลังเป็นคอนโดฯ หรู Khun by YOO ส่วนอีก 1 โฉนด เหลือเป็นที่ดินเปล่าภายในซอยทองหล่อ 12 ซึ่งที่ดินแปลงทองหล่อนี้ เดิมเป็นของ นพ.นเรนทร์ โดยเมื่อวันที่ 27 พ.ย.2551 บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ซื้อบริษัทลูกทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาท จากนั้นวันที่ 5 เม.ย.2555 จดจำนอง LH BANK จำนวน 565 ล้านบาท (หนี้) ถัดมาวันที่ 11 ก.พ.2558 บริษัทลูกขายหุ้นบริษัท 100 ล้านบาท โดยมีขั้นตอนการตัดตอนให้เป็นบริษัทนอมินีที่มี น.ส.พินิชถือหุ้น 99.99% นายสมศักดิ์ถือหุ้น 0.0001% และนายพีระพงษ์ถือหุ้น 0.0001% จากนั้นได้ไปขอกู้เงินกับบริษัท อาณาวรรธน์ จำกัด จำนวน 1,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นบริษัทลูกของแสนสิริ และนายเศรษฐามีชื่อเป็นกรรมการบริษัทลำดับที่สอง เพื่อนำเงินไปปลอดจำนอง 565 ล้านบาทดังกล่าว ทำให้ น.ส.พินิชได้กำไรจากเงินกู้หลังปลอดจำนองที่ดิน และซื้อหุ้นจากเจ้าของเดิมในจำนวน 435 ล้านบาท

‘แม่บ้าน-รปภ.’ โผล่หลอน

“เงินทอนส่วนนี้หายไปไหน เข้ากระเป๋าของใคร โดยในวันที่ 24 พ.ค.2560 บริษัทลูกได้เปลี่ยนผู้ถือหุ้นจาก น.ส.พินิชและนายสมศักดิ์เป็นนายยงยุทธ ซึ่งมีอาชีพเป็น รปภ.ของบริษัทแห่งหนึ่ง”

นายชูวิทย์กล่าวอีกว่า เหตุใด บ.แสนสิริฯ จึงให้ น.ส.พินิชกู้เงินซื้อที่ดินทองหล่อถึง 1,000 ล้านบาท ทั้งๆ ที่มีอาชีพแม่บ้านเท่านั้น ส่วนนายสมศักดิ์ก็มีอาชีพ รปภ. ภูมิลำเนาบ้านอยู่ที่ จ.ร้อยเอ็ด ดังนั้นนายเศรษฐาจะพูดอีกหรือไม่ว่าตัวเองเซ็นอย่างเดียว ไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร ทั้งๆ ที่จริงคนเหล่านี้ล้วนเป็นนอมินีให้ จึงตั้งคำถามว่าทำไมไม่ซื้อตรงเลย แต่กลับให้ ไปจัดตั้งนอมินีแล้วให้คนเหล่านี้ไปกู้เงิน ทำการซื้อที่ดินแปลงทองหล่อ นี่คือสิ่งโสมมที่ให้บริษัทลูก หรือการเอาเงินของผู้ถือหุ้นแสนสิริมาใช้ หนี้มันแค่ 565 ล้านบาท แต่ให้กู้ 1,000 ล้านบาท เงินทอน 435 ล้านหาย ดังนั้น ถ้านายทักษิณมีพฤติกรรมซุกหุ้น นายเศรษฐาก็คือโกงหุ้นนั่นเอง

นายชูวิทย์ยังกล่าวต่อว่า ได้ตามไปที่สหรัฐอเมริกา พบว่ามีบุคคลสำคัญที่อยู่ข้างกายนายเศรษฐา โดยชื่อที่ชาวต่างชาติเรียกคือ Mr.T หรือขงเบ้ง หรือนายทศพงศ์ เป็นบุคคลข้างกายและเป็นนายทุนให้นายเศรษฐา พร้อมมองว่ารัฐบาลนายเศรษฐาจะเป็นรัฐบาลนอมินี รัฐบาลดิจิทัล ซ่อนเร้น อำพราง ปิดบัง เพราะการที่ไม่กล้าใช้บริษัทตัวเองซื้อตรง ใช้นอมินีไปซื้อ จะปฏิเสธอีกหรือไม่ว่าไม่รู้ โดยหลังจากนี้จะไปยื่นเอกสารต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพื่อขอให้ตรวจสอบธรรมาภิบาลของ บ.แสนสิริฯ และจะนำข้อมูลไปยื่นให้ สว.ช่วยตรวจสอบคุณสมบัตินายเศรษฐา และเชื่อว่าข้อมูลชุดนี้จะถูกขยายผลแน่นอน

ขณะที่นายอุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายปฏิบัติการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ได้ออกแถลงกาณ์ชี้แจงยืนยันว่า การซื้อขายที่ดินทองหล่อถูกต้อง โดยกรณีที่ดินทองหล่อ (KHUN by YOO) แสนสิริ และบริษัทย่อย กรรมการและผู้บริหารของบริษัทดังกล่าว ไม่มีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์ใดๆ กับบริษัท เอ็น แอนด์ เอ็น แอสเซ็ท จำกัด ซึ่งเป็นผู้ขายที่ดินแปลงดังกล่าว แสนสิริซื้อที่ดินทองหล่อในปี 2559 ในราคา 1,100,000 บาทต่อตารางวา จากบริษัท เอ็น แอนด์ เอ็นฯ ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินตามโฉนดตั้งแต่ปี 2551 ซึ่งราคาดังกล่าวเป็นราคาที่เหมาะสมเทียบเคียงกับราคาตลาด

“มีอ้างว่าแสนสิริซื้อที่ดินราคาแพง ควรซื้อแค่ 565 ล้านบาท หรือเท่ากับตารางวาละ 650,000 บาทเท่านั้น เป็นการพูดที่ไม่สมเหตุผล เพราะไม่มีเจ้าของที่ดินรายใดที่มีที่ดินอยู่ในซอยทองหล่อจะขายที่ดินในราคาดังกล่าว”

แถลงการณ์ระบุอีกว่า บริษัท อาณาวรรธน์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูกของแสนสิริ ไม่เคยให้กู้ยืมเงินแก่บริษัท เอ็น แอนด์ เอ็นฯ โดยมีหลักฐานที่อยู่ในสัญญาจำนองฉบับกรมที่ดิน (เอกสารแนบ) ว่าการจำนองดังกล่าวเป็นการจำนองเพื่อประกันการปฏิบัติตามสัญญาซื้อขายที่ดินของผู้ขายเพื่อให้ผู้ขายปฏิบัติตามสัญญาให้ครบถ้วน ซึ่งรวมถึงการดำเนินการเคลียร์ผู้เช่าในที่ดินเพื่อโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินโดยปลอดจากภาระผูกพันใดๆ และเมื่อผู้ขายได้ดำเนินการครบถ้วนเสร็จสิ้นแล้ว แสนสิริจึงได้รับโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินแปลงดังกล่าว และจัดทำเป็นโครงการอาคารชุดที่มีการขายและโอนกรรมสิทธิ์ให้ลูกค้าแล้ว ทั้งนี้ แสนสิริอยู่ในระหว่างพิจารณาดำเนินการทางกฎหมายต่อผู้กระทำการบิดเบือนข้อมูล และทำให้ชื่อเสียงแสนสิริได้รับความเสียหาย แสนสิริขอยืนยันว่า ได้ดำเนินการถูกต้องตามกฎหมาย โปร่งใส และตรวจสอบได้.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'เพื่อไทย' จ่อเคลียร์ใจ 'ปานปรีย์' ชวนนั่งกุนซือพรรค ไม่รู้ 'นพดล' เสียบแทน

'เลขาฯ เพื่อไทย' รับต้องคุย 'ปานปรีย์' หลังไขก๊อกพ้น รมว.ต่างประเทศ แย้มชงนั่งที่ปรึกษาพรรค มั่นใจไม่เกิดแรงกระเพื่อม ปัดวางตัว 'นพดล' เสียบแทน ชี้ 'ชลน่าน-ไชยา' หน้าที่หลักยังเป็น สส.

พท. จัดใหญ่! '10 เดือนที่ไม่รอ ทำต่อให้เต็ม 10' ตีปี๊บผลงาน 'รัฐบาลเศรษฐา'

'เพื่อไทย' เตรียมจัดงาน '10 เดือนที่ไม่รอ ทำต่อให้เต็ม 10' สรุปผลงาน 'รัฐบาลเศรษฐา' 3 พ.ค.นี้ เดินหน้าเติมนโยบายที่สัญญาไว้กับประชาชน พร้อมเปิดตัวผู้สมัครนายก อบจ.

'แพทย์ชนบท' แฉเบื้องลึก! ทำไม 'หมอชลน่าน' หลุดเก้าอี้

เพจ "ชมรมแพทย์ชนบท" โพสต์ข้อความว่า ชมรมแพทย์ชนบท ขอขอบคุณ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในความมุ่งมั่นในการทำหน้าที่ที่ผ่านมา

ถามจันทร์ส่องหล้าจะกล้าไหม? มี 3 คน เหมาะนั่ง ‘รมว.ต่างประเทศ’

ทำท่าจะล่มปากอ่าว เสียฤกษ์หมด แต่เมื่อเป็นไปแล้วคือรัฐมนตรีต่างประเทศลาออก หลังจากมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าตั้งรัฐมนตรีไม่ถึง 24 ชั่วโมง