‘เสี่ยหนู’ปลดหมด‘กัญชา’เสรี100% หวังฟื้น เศรษฐกิจ

“อนุทิน” ลั่น 65 ปลดล็อกกัญชาสมบูรณ์แบบ เร่งผลักดันทุกส่วนของกัญชา ทั้งต้น ราก กิ่ง ก้าน ใบ ดอก ช่อดอก เมล็ด ไม่เป็นยาเสพติด พัฒนาต่อยอดผลิตภัณฑ์ใหม่ โมเดลธุรกิจใหม่ เป็นทางเลือกที่จะช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจยุคโควิดได้ เผยปัจจุบันโรงพยาบาลเกือบทุกแห่งมีคลินิกกัญชา

เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2564  นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข เป็นประธานในงาน "Kick off กัญชาริมฝั่งโขง" ที่ถนนสวรรค์ชายโขง หมู่บ้าน 8 ชนเผ่า อำเภอเมืองฯ  จังหวัดนครพนม ซึ่งเป็นโครงการต้นแบบการเชื่อมโยงระหว่างกัญชาทางการแพทย์ ตามนโยบายของกระทรวงสาธารณสุข กับการส่งเสริมการท่องเที่ยวท้องถิ่น เป็นอีกโมเดลเศรษฐกิจที่สามารถสร้างรายได้ตั้งแต่เกษตรกรผู้ปลูกพืชกัญชา ผู้ผลิตแปรรูปผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวเนื่อง ตลอดจนภาคการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ที่กำหนดให้ทุกกระทรวงเร่งหาแนวทางที่จะกระตุ้นให้เศรษฐกิจฟื้นตัวจากผลกระทบของโควิด-19 ให้เร็วที่สุด  

รมว.สาธารณสุขกล่าวระหว่างการเป็นประธานในงานว่า กระทรวงสาธารณสุขมีนโยบายส่งเสริมพืชสมุนไพรทั้ง กัญชา กัญชง กระท่อม โดยให้กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก คิดค้นนโยบายเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ที่สามารถสร้างงานอาชีพให้ประชาชน ทั้งในฐานะผู้ปลูก ผู้ผลิตสินค้า สร้างโอกาสให้ประชาชนเข้าถึงผลิตภัณฑ์ การแพทย์ทางเลือกในการรักษาโรค ผลจากนโยบายและการผลักดันที่จริงจัง ทำให้ขณะนี้ในโรงพยาบาลหลักๆ ทั่วประเทศก็มีคลินิกกัญชาที่ให้ประชาชนได้รับบริการอย่างทั่วถึง

"สารสกัดจากพืชกัญชาสามารถรักษา บรรเทาการเจ็บป่วยจากโรคต่างๆ ได้ และขณะนี้หน่วยงานภายใต้กระทรวงสาธารณสุขได้เร่งวิจัยพัฒนาเพื่อคิดค้นผลิตภัณฑ์จากสมุนไพร ทั้งกัญชา กัญชง เพื่อนำไปสู่การส่งเสริมสุขภาพที่ดีของประชาชนโดยไม่ผิดกฎหมายอีกต่อไป  จากเดิมต้องแอบใช้ แต่ต่อไปหากประชาชนใช้อย่างถูกวิธีเพื่อดูแลสุขภาพ ภายใต้กฎระเบียบที่สาธารณสุขขกำหนด ก็สามารถใช้กัญชาได้ถูกกฎหมาย"

นายอนุทินยังกล่าวว่า ที่ผ่านมาหน่วยงานในกระทรวงสาธารณสุข ไม่ว่าจะเป็นกรมการแพทย์แผนไทยฯ องค์การอาหารและยา (อย.) สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้ผลักดันพืชสมุนไพรกัญชา กัญชง มาได้ระดับหนึ่ง โดยปลดล็อกออกจากยาเสพติดควบคุมประเภทที่ 5 โดยต้น กิ่งก้าน ใบ ราก ของกัญชา ไม่เป็นยาเสพติดอีกต่อไป และประมวลกฎหมายยาเสพติดมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 9 ธ.ค.64 ที่ผ่านมา ในกฎหมายฉบับใหม่นี้ไม่มีกัญชาและกัญชงเป็นพืชที่ผิดกฎหมายแล้ว 

ทั้งนี้ สิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้กระทรวงสาธารณสุขจะประกาศรายชื่อบัญชียาเสพติดฉบับใหม่ทั้ง 5 ประเภท โดยจะไม่มีกัญชาอยู่ในนั้น กำหนดให้สารสกัดกัญชาที่มีทีเอชซีเกินกว่า 02% เท่านั้นจึงจะเป็นยาเสพติด แต่หากเป็นผลิตภัณฑ์น้ำมัน สารสกัด ผลิตภัณฑ์สบู่ เครื่องสำอาง อาหารเสริมที่มีค่าทีเอชซีต่ำกว่า 0.2% สามารถใช้ได้ทั้งหมด และนี่ไม่ใช่มาตรฐานที่สาธารณสุขหรือประเทศไทยกำหนดขึ้นมาเอง แต่องค์การอนามัยโลกก็กำหนดด้วย

“ที่เราผลักดันได้ไปก่อนหน้านี้ เราบอกว่าเฉพาะต้น ราก ใบ กิ่ง ก้าน เท่านั้นไม่ใช่ยาเสพติด จากนี้ไป ตั้งแต่ปี 2565  เราจะผลักดันให้ทั้งต้น ราก กิ่ง ก้าน ใบ ดอก ช่อดอก เมล็ด จะต้องไม่อยู่ในบัญชียาเสพติดอีกต่อไปด้วย นี่คือสิ่งที่น่ายินดีที่เราต่อสู้ให้มันสำเร็จ โดยเฉพาะในภาวะเศรษฐกิจที่ถูกกระทบจากโควิด-19 แบบนี้ เมื่อสถานการณ์เริ่มดีขึ้น ประชาชนต้องเร่งทำมาหากิน ถ้าเราไม่มีผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เป็นทางเลือก คนก็จะแย่งกันทำอะไรที่เหมือนๆ กัน แต่ถ้าเรามีทางเลือกให้ เขาจะพัฒนาต่อยอดขึ้นมาเอง เกิดผลิตภัณฑ์ใหม่ โมเดลธุรกิจใหม่ เป็นทางเลือกที่จะช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจได้”นายอนุทินกล่าว 

นายอนุทินกล่าวอีกว่า กระทรวงสาธารณสุขจะดำเนินการแก้ไขกระบวนการทางกฎหมายเพื่อให้ประชาชนเข้าถึงการใช้ประโยชน์กัญชาให้มากที่สุด โดยได้ให้นโยบาย อย. ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักดูแลการอนุญาตปลูก รวมถึงพัฒนาผลิตภัณฑ์กัญชาให้อำนวยความสะดวกให้ประชาชนที่มาขออนุญาตอย่างเต็มที่

นอกจากนี้ ฝากให้ทาง อสม.ไปแจ้งให้พี่น้องประชาชนในชุมชนได้ทราบว่าปัจจุบันโรงพยาบาลเกือบทุกแห่งมีคลินิกกัญชาเป็นการแพทย์แผนไทยทางเลือกในการดูแลประชาชน และหลังจากนี้ยาที่ผลิตออกมาจากสารสกัดกัญชาจะนำมาใช้อย่างถูกต้อง อยู่ในบัญชียาหลักให้ประชาชนเข้าได้ผ่านโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค ที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ดูแลด้วย. 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง