สุเทพเฮ!ศาลยืนยกฟ้อง ปิดฉากคดีทุจริตโรงพัก

สุเทพ เทือกสุบรรณไม่มีข้อพิรุธหรือผลประโยชน์แอบแฝง “กำนัน” จ่อฟ้องกลับ ป.ป.ช. รู้ทั้งรู้แต่ยังกลั่นแกล้ง ทำให้เสียชื่อเสียงกว่า 10 ปี

เมื่อวันอังคารที่ 22 ส.ค.2566 ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ศาลกำหนดนัดฟังคำพิพากษาชั้นวินิจฉัยอุทธรณ์ คดีหมายเลขดำ อม.อธ.11/2565 ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี, พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ อดีตรักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ, พล.ต.ต.สัจจะ คชหิรัญ, พ.ต.ท.สุริยา แจ้งสุวรรณ์, บริษัท พีซีซี ดีเวลล็อปเม้นท์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด และนายวิศณุ วิเศษสิงห์ เป็นจำเลยที่ 1-6 กรณีร่วมฮั้วประมูลโครงการสร้างโรงพักทดแทนโครงการก่อสร้างอาคารที่พัก (แฟลตตำรวจ)

โดย ป.ป.ช.ยื่นฟ้องสรุปว่า ระหว่างวันที่ 9 มิ.ย.2552-18 เม.ย.2556 จำเลยที่ 1 และ 2 เปลี่ยนแปลงแนวทางจัดซื้อจัดจ้างโครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการสถานีตำรวจ (ทดแทน) จำนวน 396 หลัง จากราคาภาคแยกสัญญามาเป็นการรวมจัดจ้างก่อสร้างไว้ที่ส่วนกลางสัญญาเดียว จำเลยที่ 5 เป็นผู้ชนะการประกวดราคา โดยจำเลยที่ 6 ยื่นเอกสารบัญชีแสดงปริมาณวัสดุและราคาได้เสนอราคาต่ำอย่างผิดปกติ จำเลยที่ 3-4 ในฐานะคณะกรรมการประกวดราคาไม่ตรวจสอบราคาที่ผิดปกติดังกล่าว และได้นำเอกสารบัญชีแสดงปริมาณวัสดุและราคานั้นไปใช้ในการขออนุมัติจ้างและใช้ประกอบเป็นเอกสารแนบท้ายสัญญา ต่อมาจำเลยที่ 5 ก่อสร้างไม่แล้วเสร็จตามสัญญาเป็นเหตุให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสียหาย ขอให้ลงโทษจำเลยที่ 1, 2 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ลงโทษจำเลยที่ 3, 4 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151, 157 พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 มาตรา 10, 12 กับลงโทษจำเลยที่ 5, 6 ในฐานะผู้สนับสนุนการกระทำผิด

โดยก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 20 ก.ย.2565 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิจารณาเเล้วเห็นว่าจำเลยไม่มีความผิด ยกฟ้องจำเลยทั้ง 6 ต่อมา ป.ป.ช.ยื่นอุทธรณ์คดี

องค์คณะวินิจฉัยอุทธรณ์พิจารณาอุทธรณ์ เห็นว่าจำเลยที่ 1 นายสุเทพ รองนายกฯ ในขณะนั้นไม่พบข้อเท็จจริงข้อพิรุธเปลี่ยนวิธีการจัดซื้อจัดจ้าง ที่อนุมัติเพราะเชื่อว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติตรวจสอบถูกต้องเหมาะสมแล้ว กรณีจึงไม่อาจฟังเป็นยุติว่าการรวมสัญญาไม่ทำให้การเสนอราคาไม่เป็นธรรมเสมอไป ส่วนผู้ก่อสร้างที่ก่อสร้างไม่แล้วเสร็จไม่อยู่ในอำนาจหน้าที่ไปด้วยว่าเป็นผลจากการกระทำของจำเลยที่หนึ่งในการอนุมัติโดยไม่เสนอ ครม.การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดตามฟ้อง

ส่วนจำเลยที่ 2 เห็นว่าจำเลยที่ 2 ต้องปฏิบัติตามมติ ครม. จำเลยที่ 2 เสนอการจัดจ้างต้องประกาศราคาในครั้งเดียว โดยใช้วิธีการอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งมีความเป็นธรรมแม้ สตช.จะมีการเปลี่ยนแปลงการจัดซื้อจัดจ้างของจำเลยที่สอง แต่ก็ยังมีการใช้ประกวดราคาเช่นเดิม แค่เปลี่ยนจากปลายภาคเป็นรวมกันครั้งเดียว ซึ่งมีการศึกษาข้อดีข้อเสียมาแล้ว กรณีจึงมีเหตุผลในการที่เสนอวิธีเปลี่ยนการจัดซื้อจัดจ้าง แม้จะเสนอเพียงหนึ่งวันก่อนอนุมัติก็ไม่ถือเป็นพิรุธ และไม่ปรากฏว่าการเสนอดังกล่าวมีผลประโยชน์แอบแฝง ข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 2 ปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่การกระทำไม่เป็นความผิดตามฟ้อง

ในส่วนจำเลยที่ 3-4 เห็นว่าฐานะคณะกรรมการประกวดราคา ซึ่งตามมติสำนักนายกฯ ว่าด้วยการพัสดุไม่ได้มีข้อกำหนดใดชัดแจ้ง แม้จำเลยที่ 5 จะเสนอต่ำกว่าราคากลาง 540 ล้านบาท แต่กรณีไม่มีอะไรแสดงให้เห็นว่าจำเลยที่ 5 เสนอราคาต่ำจนก่อสร้างไม่ได้ เนื่องจากผู้เสนอราคาสามารถปรับลดบริหารได้ การที่จำเลยที่ 5 เสนอเสาเข็มถูกกว่าราคาตลาดมากรายการเดียว จำเลยที่ 5 ก็มีธุรกิจเสาเข็มดูแล้วจึงสามารถปรับลดราคาสินค้าบางอย่างได้ เพื่อให้เสนอราคาอย่างเสรีลำพังการที่ราคาเสาเข็มราคาต่ำกว่าราคาทั่วไปมาก ไม่เป็นเหตุที่จำเลยที่จำเลยที่ 3-4 จะไม่รับการประกวดราคาของจำเลยที่ 4-5 และไม่ถึงกับเป็นเหตุสำคัญที่ต้องเรียกจำเลยที่ 5 มาตรวจสอบถึงเรื่องราคาเสาเข็ม และไม่มีข้อพิรุธว่าเป็นกรณีการปกปิดข้อเท็จจริง ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 3-4 กระทำโดยทุจริตฯ พยานหลักฐานฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 3-4 กระทำผิดตามฟ้อง

ส่วนจำเลยที่ 5-6 เมื่อองค์คณะวินิจฉัยอุทธรณ์วินิจฉัยข้อเท็จจริงว่าจำเลยที่ 1-4 การกระทำไม่เป็นความผิดตามฟ้อง จึงไม่ต้องวินิจฉัยในส่วนของจำเลยที่ 5-6 เพราะไม่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงคำวินิจฉัย ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองวินิจฉัยมาเเล้ว องค์คณะชั้นวินิจฉัยอุทธรณ์เห็นพ้องด้วย พิพากษายืนยกฟ้องจำเลยที่1-6

นายสุเทพกล่าวภายหลังรับฟังคำพิพากษาว่า ศาลได้มีคำพิพากษาว่าตนเองและจำเลยคนอื่นๆ ที่ถูก ป.ป.ช.ฟ้อง ไม่มีความผิดตามข้อกล่าวหา ถือว่าคดีนี้สิ้นสุด ใครที่เคยกล่าวหาสงสัยมาเป็น 10 ปีวันนี้ก็ได้พิสูจน์ความบริสุทธิ์อย่างชัดเจนแล้ว ขอใช้โอกาสนี้กราบขอบคุณพี่น้องประชาชน ผู้ที่หวังดีทั้งหลาย คนที่เคารพนับถือที่ให้ความเชื่อมั่นในตัวตนมาโดยตลอด และได้ให้กำลังใจ ต้องขอกราบขอบคุณ และซาบซึ้งในน้ำใจ

นายสุเทพกล่าวต่อว่า มีความภาคภูมิใจในชีวิตที่เป็นนักการเมือง ไม่เคยทำทุจริต ไม่เคยคอร์รัปชันใดๆ แม้ถูกรุมใส่ร้ายด้วยความตั้งใจที่จะเล่นงานตนเอง ท้ายที่สุดกระบวนการยุติธรรมของประเทศไทย ก็ได้ให้ความเป็นธรรม สมกับที่เคารพในหลักการของระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เคารพในศาลยุติธรรม จึงคิดว่ากรณีนี้เป็นอุทาหรณ์ที่ผู้ใช้อำนาจทั้งหลายควรต้องปฏิบัติด้วยความระมัดระวัง คนที่ควรต้องรับผิดชอบอย่างยิ่งวันนี้คือ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ซึ่งรู้ข้อเท็จจริงดีทุกอย่าง แต่ก็ยังดำเนินคดีทั้งที่ศาลฎีกาฯ ตัดสินแล้วว่าไม่มีความผิดก็ยังยื่นอุทธรณ์อีก จึงอยากให้ ป.ป.ช.พิจารณาตัวเอง สร้างความเสียหายให้กับตนเอง ทำให้เดือดร้อนมาเป็น 10 ปี เสียชื่อเสียเสียงไม่รู้เท่าไหร่

 “จะเยียวยาหรือไม่ ผมไม่สนใจ เพราะไม่ได้ตั้งใจไปเรียกร้อง แต่จะปรึกษากับที่ปรึกษากฎหมาย ถ้ามีช่องทางดำเนินคดีกับ ป.ป.ช.ได้จะดำเนินคดี ไม่ใช่ความโกรธเคืองแต่อย่างใด”นายสุเทพกล่าว

เมื่อถามว่า หลังจากนี้จะหวนคืนสู่เส้นทางทางการเมืองหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า ไม่ครับ เมื่อตัดสินใจออกจาก สส.มาเดินนำขบวน ก็ได้ประกาศกับพี่น้องประชาชนแล้ว ซึ่งการเป็นนักการเมืองนั้น พระพุทธเจ้าสอนเรื่องสัมมาทิฐิ เพราะฉะนั้นต้องปฏิบัติตามหลักสัมมาทิฐิ คือต้องมีความคิดความเห็นที่ถูกต้อง มาทำงานการเมืองเพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน ไม่ใช่ทำการเมืองเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง

เมื่อถามว่า ถึงรัฐบาลชุดใหม่ที่จับมือกันทั้งที่ผ่านมาอยู่คนละขั้วกัน นายสุเทพกล่าวว่า เราอย่ายึดมั่นถือมั่นว่าเราเป็นคนละขั้วกัน เรามีความคิดต่างกันก็เราไม่สามารถทำงานร่วมกันได้ อย่าเอาอารมณ์แบบนี้มาพิจารณาเรื่องของบ้านเมือง ไม่ว่าฝ่ายใดก็แล้วแต่สามารถเปลี่ยนใจมาทำงานร่วมกันได้เพียงแค่ยึดหลักผลประโยชน์ของประเทศชาติ

 “ผมไม่เคยคิดถึงคนเสื้อสีแดงหรือคนเสื้อสีส้มมันต้องเป็นศัตรูกับพวกผม ตอนที่ผมอยู่บนเวที กปปส. ก็ปราศรัยชัด ชวนทุกวัน ว่ามาร่วมกันแก้ไขปัญหาประเทศ”

ช่วงท้ายนายสุเทพย้ำว่า มั่นใจมาตลอดในสิ่งที่ทำ และได้เปรียบอย่างหนึ่งคือตอนที่เป็นรัฐมนตรี เวลาสั่งการอะไรไปเก็บเอกสารไว้ทั้งหมด ดังนั้นเวลามีคนกล่าวหาจึงสามารถเข้าถึงหลักฐานแบบนี้ และสามารถสู้คดีได้.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง