อวสาน‘3ป.’พ้นทำเนียบฯ ‘บิ๊กตู่’หวังบ้านเมืองสงบ

อวสาน 3 ป. “บิ๊กตู่” อำลาทำเนียบฯ อธิษฐานขอให้บ้านเมืองสงบร่มเย็น เผย 9 ปีไม่คิดจะใช้อำนาจ พร้อมให้รัฐบาลใหม่เตรียมพื้นที่ก่อนเข้าทำงาน   “บิ๊กป้อม” ประกาศปิดฐานบ้านป่ารอยต่อฯ ลาออกจาก สส. เปิดทางทีมงานรัฐบาลใหม่เข้าเตรียมสถานที่ เผยนายกฯ  ใหม่มีแนวโน้มนอนพักในทำเนียบฯ

เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม เวลา 09.09 น.  ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม   เดินทางเข้าทำเนียบรัฐบาลด้วยรถเบนซ์ส่วนตัว หมายเลขทะเบียน ญค 1881 กรุงเทพมหานคร ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส และได้ถือฤกษ์เวลา 09.09 น. สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำทำเนียบรัฐบาล โดย พล.อ.ประยุทธ์บอกว่า “อธิษฐานขอให้บ้านเมืองสงบ ร่มเย็น ทุกคนมีความสุข” เมื่อถามว่า วันนี้ยังเป็นวันสุดท้ายที่ทำงานที่ทำเนียบฯ หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า ก็เป็นอย่างนั้น ถึงมาลาวันนี้ เป็นมารยาท แต่ก็ยังทำงานอยู่” 

น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์จะไม่เข้าปฏิบัติหน้าที่ที่ทำเนียบรัฐบาล ในฐานะนายกรัฐมนตรีคนที่ 29  ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย.เป็นต้นไป แต่ยังคงรักษาการอยู่จนกว่าคณะรัฐมนตรีได้ถวายสัตย์ปฏิญาณตน ทั้งนี้ ด้วยมารยาททางการเมือง นายกรัฐมนตรีมีความประสงค์อยากให้เวลาคณะทำงานของรัฐบาลชุดใหม่เข้ามาเตรียมสถานที่ปฏิบัติงานในทำเนียบรัฐบาลได้อย่างเต็มที่ จึงจะเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ที่ทำเนียบฯ วันนี้เป็นวันสุดท้าย ท่านนายกฯ ยังคงมีภารกิจในเรื่องการพิจารณาลงนามเอกสาร ซึ่งทำได้ตามปกติ โดยจะไม่ขัดต่อมาตรา 169 ตามรัฐธรรมนูญ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลัง พล.อ.ประยุทธ์สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์เสร็จ ได้มีเพื่อนร่วมรุ่นเตรียมทหารรุ่น 12 และสมาชิกวุฒิสภา (สว.) อาทิ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ, พล.อ.ปัฐมพงศ์ ประถมภัฏ,  พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รวมถึง นายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และนายเสกสกล อัตถาวงศ์ ที่ปรึกษานายกฯ มาอำลาที่ห้องทำงาน โดยนายอนุชาบอกว่า นายกฯ ขอให้ช่วยกันดูแลประเทศชาติบ้านเมือง ถ้ามีโอกาสให้ทำความดีและดูแลประเทศชาติบ้านเมือง ถือเป็นหลักสำคัญ นอกจากนี้ นายกฯ ยังได้ให้โอวาทว่า ถ้าคนเราทำดีก็จะเจริญรุ่งเรือง ทั้งนี้ นายกฯ เป็นสุภาพบุรุษ และเป็นผู้บังคับบัญชาที่ดี ตั้งแต่ทำงานมาในชีวิต นายกฯ เป็นคนดีคนหนึ่งที่มอบความดีให้กับผู้ร่วมงาน 

ขณะที่ภายหลังจากที่ สว. เพื่อนร่วมรุ่นนักเรียนเตรียมทหาร และผู้ใต้บังคับบัญชาของ พล.อ.เอกประยุทธ์เดินทางกลับออกมาพร้อมกับหนังสือคนละ 2 เล่ม โดย พล.ท.จเรศักณิ์ อานุภาพ เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ได้มอบหนังสือมาเหนือเมฆ และหนังสือผู้นำ ให้กับ สว.ที่เป็นเพื่อนร่วมรุ่นเตรียมทหารเป็นของขวัญให้กับเพื่อนๆ ทุกคน ซึ่งหนังสือผู้นำถือเป็นหนังสือใหม่ที่นำมาแจกเพื่อนๆ  การพูดคุยอำลาในวันนี้ก็ไม่ได้มีอะไรมาก  พวกเรามาชื่นชมและให้กำลังใจ พล.อ.ประยุทธ์ ในโอกาสที่ท่านจะส่งมอบงานให้กับนายกรัฐมนตรีคนต่อไป ทั้งนี้ นายกฯ ไม่ได้บอกว่าจะไปทำอะไร  เพียงแต่มีการรื้อฟื้น เป็นการพูดคุยถึงสิ่งที่ขาดหายไปใน 8-9 ปีจากการเสียสละมาทำงานเพื่อประเทศชาติของเรา เราทุกคนมาให้กำลังใจเท่านั้นเอง

ต่อมาเวลา 12.03 น. พล.อ.ประยุทธ์  ได้เดินลงจากห้องทำงานบนตึกไทยคู่ฟ้า เพื่อร่วมรับประทานอาหารกลางวันกับสื่อมวลชนประจำทำเนียบรัฐบาล เมื่อถามว่า จากนี้นายกฯ จะไปเที่ยวที่ไหนบ้างหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า คงซักระยะ ให้มันนิ่งๆ เงียบๆ เรียบร้อยก่อน จะไปถูกหรือเปล่ายังไม่รู้เลย เพราะตนนั่งแค่รถจากบ้านมาทำเนียบฯ ทุกวัน ก็ฝากไปถึงครอบครัว ขอให้อยู่กับครอบครัว เพราะเวลาหายไป 9 ปี หรือเยอะกว่านั้น ที่เรามาอยู่ตรงนี้มาบริหารสถานการณ์สภาวะต่างๆ วันนี้สงบเรียบร้อยเป็นไปอย่างน่าภูมิใจ ถ้าเราช่วยกันรักษาไว้ ประเทศก็เดินต่อไปได้ เพราะทุกอย่างตั้งเอาไว้แล้ว จะปรับเปลี่ยนอะไรก็ต้องทำให้ต่อเนื่องกันบ้าง ตนไม่ขอวิจารณ์ ให้เขาทำงานไป  ซึ่งการที่ตนตัดสินใจออกจากทำเนียบฯ ไปนั่งทำงานอยู่ที่บ้าน เพราะเป็นการให้เกียรติคณะรัฐมนตรีใหม่ คาดว่าน่าจะเร็วๆ นี้เขาจะได้มาจัดสถานที่ในการทำงาน  

เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้ที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี มาดูตึกไทยคู่ฟ้า แล้วระบุว่าไม่มีห้องนอน พล.อ.ประยุทธ์ แนะนำอะไรไปบ้าง พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า นายเศรษฐาเป็นผู้ถามตนว่าจะนอนทำเนียบฯ ดีหรือไม่ ตนจึงบอกว่าถ้าจะนอนก็มีห้องเล็กอยู่ แต่ตนยังไม่เคยนอน เพราะรบกับสื่อ ทำให้นอนไม่หลับ แต่พอพูดไปโมโหไป กลับมาก็รู้สึกเสียใจ คิดว่าไม่ควรพูด ต่างคนต่างเข้าใจกันนะ ดูอย่างนายอนุทิน ชาญวีรกูล ไม่เคยทะเลาะกับใคร ยิ้มตลอด ตนเป็นคนขี้โมโห คิดเร็วทำเร็ว บางทีก็อาจจะไม่เหมาะสม แต่ถ้าดูผลงานที่ออกมาก็โอเคแล้ว บางครั้งต้องดุบ้าง เพราะเราเป็นทหารมาก่อน

เมื่อถามว่า ถ้าไม่ได้เป็นนายกฯ จะเหงาหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า จะเหงาอะไร ตนเป็นคนช่างคิด ช่างอ่าน นิสัยนี้เลิกไม่ได้ ไม่มีอำนาจอะไรก็นั่งคิดไปเฉยๆ คิดในฐานะประชาชนคนหนึ่ง คนเราต้องวางบทบาทที่เหมาะสม ทำตัวอย่างไร สื่อไทยมีอิสระและบทบาท เพราะนี่คือประเทศไทย เราไม่เหมือนกับคนอื่น เพราะอย่างไรก็เป็นคนไทยด้วยกัน แต่ขอให้นึกถึงกฎหมายกันบ้าง เพราะคนอื่นเขาเดือดร้อน การใช้อำนาจ การใช้กฎหมายต้องระมัดระวัง ไม่ให้บานปลาย เป็นเรื่องกระบวนการยุติธรรม เราเป็นฝ่ายบริหาร ส่วนฝ่ายนิติบัญญติ อัยการ ศาล องค์กรอิสระ เขามีหน้าที่บทบาทของเขา จะไปก้าวล่วงเขาไม่ได้ เราเคารพตรงนี้ ทำของเราให้ดีที่สุด 

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า จากนี้คงขอพักสมองสักเดี๋ยว เจอกับหนังสือมา 9 ปี ท่วมหัวไปหมดแล้ว ส่วนเรื่องการทำเพลงนั้น วันหน้าจะเขียนให้นายอนุทินไปแต่ง  เพลงที่ตนแต่งมาชอบทุกเพลง เพราะมีความหมาย ส่วนเพลงคืนความสุขให้เธอประเทศไทย ที่ร้องว่าขอเวลาอีกไม่นาน  ตอนนั้นคือตอนนั้น แต่ไม่คิดว่าจะมาถึงตอนนี้หรอก ต้องคิดว่าเข้ามาอย่างไรสถานการณ์เป็นอย่างไร ถ้ามันเรียบร้อยตนไปนานแล้ว ถ้ามันสงบเรียบร้อยไม่มีปัญหาก็ไป ตนไม่ได้ตั้งใจอยู่มาถึงขนาดนี้  แล้วตอนนี้ถือว่าทุกอย่างโอเค อย่าลืมว่า 4 ปีแรกกับ 4 ปีหลัง ด้วยตัวกฎหมายด้วยอะไร 4 ปีแรกเลิกกันเสียที เราไม่เกี่ยวกับการเมือง แต่เราเข้ามาดูบ้านเมืองให้เรียบร้อย ไม่ให้มีการใช้ความรุนแรงต่อกัน วันนี้ถือว่าทุกคนปรองดองกัน แต่เราจะไปสั่งใครปรองดองไม่ได้ นายกฯ คนเดียวทำได้เหรอ

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า สำหรับเพลง สะพาน เราแต่งทำนอง เนื้อหาเป็นการข้ามสายน้ำที่เชี่ยวกราก เป็นสะพานให้คนเขาเหยียบย่ำข้ามไป นั่นแหละคือเรา  จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ได้ให้เปิดเพลงสะพานจากโทรศัพท์มือถือออกลำโพง โดย พล.อ.ประยุทธ์ได้ร้องตาม พร้อม ระบุว่า คำว่าขอเวลาอีกไม่นานนั้น หมายความว่าทุกอย่างจะผ่านพ้นไปด้วยดี ถ้าผ่านเร็วเราก็ไปเร็ว แค่นั้นเอง แต่กลไกการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญเขาทำมาเราก็ต้องอยู่ เป็นเรื่องของกระบวนการ ทุกคนก็มองแต่อำนาจ ลองถามนายอนุทินดูเราใช้อำนาจไหม อำนาจต้องทำในสิ่งที่ถูกต้อง เพราะอำนาจมาพร้อมความรับผิดชอบ ไม่ว่าจะดีหรือไม่ดี นั่นคือการใช้อำนาจ ถ้าไม่ถูกก็มีปัญหา ตนพยายามระมัดระวังมา 9 ปี ทุกคนใน ครม.ก็ระมัดระวังมาด้วยกัน

เมื่อถามว่า 9 ปีที่ผ่านมาทำงานได้พึงพอใจสำเร็จตามที่มุ่งหวังหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ก็เกินครึ่งนะ แต่บางอย่างมันยาก ติดกฎหมาย เสนอไปหลายอย่างไม่ออก ซึ่งเป็นเรื่องของสภา แต่อย่างน้อยก็เกิน 50-60 บางอย่างก็ 80-90 สำหรับนโยบายที่ประทับใจถือว่าทุกโครงการที่ทำ เพราะเป็นผลประโยชน์ของประชาชน วันนี้ทำไม่ได้ก็ต้องรอวันหน้า บางแผนการโครงการประชาชนไม่เห็นชอบก็ต้องสร้างความเข้าใจ จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ได้รับมอบดอกไม้ และร่วมถ่ายรูปกับสื่อมวลชนที่ร่วมเดินไปส่งจนถึงตึกไทยคู่ฟ้า

เวลา 13.09 น. พล.อ.ประยุทธ์ได้ขึ้นไปสักการะพระพรหมบนดาดฟ้าตึกไทยคู่ฟ้า เสร็จแล้วได้ไปไหว้นรสิงห์ต่อ ก่อนจะลงมาพบปะข้าราชการและเจ้าหน้าที่ทำเนียบรัฐบาลจำนวนมากที่ห้องโถงกลางตึกไทยคู่ฟ้า ขณะที่กรมประชาสัมพันธ์นำวงดนตรีมาบรรเลงเพลง โดยเพลงแรกได้บรรเลงเพลงความฝันอันสูงสุดให้กับ พล.อ.ประยุทธ์

กระทั่งเวลา 13.30 น. ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ประจำทำเนียบฯ รวมทั้งแฟนคลับ ได้เข้ามาร่วมให้กำลังใจมอบดอกไม้ ถือป้ายเชียร์ และร่วมส่ง พล.อ.ประยุทธ์   ก่อนรถจะเคลื่อนตัวออกจากทำเนียบรัฐบาลในเวลา 14.00 น. ตามฤกษ์ยามที่วางไว้ มีนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เลขาธิการนายกฯ และนายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ร่วมสวมกอดร่ำลา ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ถึงกับมีน้ำตาคลอ ก่อนจะส่งสัญลักษณ์ไอเลิฟยูและเดินทางออกจากทำเนียบฯ ไป โดยภายหลังออกจากทำเนียบฯ ได้แวะบ้านพิษณุโลกเข้าไปสักการะองค์พระภูมิเจ้าที่และบวงสรวงองค์ท่านท้าวหิรัญพนาสูร

วันเดียวกัน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ระบุว่า เตรียมจะลาออกจาก สส.ในเร็วๆ นี้ และให้คนอื่นได้เข้ามาทำหน้าที่ สส.แทน ส่วนตนจะไปทำหน้าที่เป็นหัวหน้าพรรค พปชร.อย่างเดียว และขอให้โชคดีทุกคน จากนั้นได้ถ่ายรูปกับผู้สื่อข่าว จากนั้นได้ถูกถามว่า ยังอยู่ในแวดวงการเมืองเหมือนเดิมหรือไม่ เพราะ พล.อ.ประยุทธ์และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ก็ได้ถ่ายรูปร่วมกับสื่อมวลชนอำลาตำแหน่งไปแล้ว

พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า การเมืองเป็นหน้าที่คนอื่น ตนทำมาเยอะแล้ว เมื่อถามย้ำว่าทำมาเยอะแล้วและอยากทำต่อหรือไม่ ก่อนผู้สื่อข่าวจะแซวว่า ทำอยู่ ทำต่อ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ทำอยู่ ทำต่อ หมายความว่าอย่างไร ผู้สื่อข่าวจึงตอบว่า หมายถึงทำให้ประเทศ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “ผมทำมาเยอะแล้ว ผมทำให้พรรคบ้าง”

ผู้สื่อข่าวถามว่า จากนี้คงมีเวลาผัดซีอิ๊วให้ผู้สื่อข่าวได้กินใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตรตอบเสียงดังฟังชัดว่า "บ้านป่าปิดแล้ว" พร้อมยิ้มและเดินไป สื่อจึงถามย้ำว่า ปิดจริงหรือไม่ เหตุใดจึงปิด เพราะไม่ใช่ไม่ทำการเมืองแล้วใช่หรือไม่  พล.อ.ประวิตรจึงระบุว่า ไม่ ไม่ได้ปิดหรอก ทำแต่มูลนิธิอย่างเดียว พร้อมอวยพรสื่อมวลชนขอให้โชคดีทุกคน.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง