ออกหมายจับ‘อิทธิพล’ฉบับใหม่

ศาลอาญาคดีทุจริตฯ ออกหมายจับ "อิทธิพล คุณปลื้ม" กับพวก รวม 5 ราย ภายหลังอธิบดีอัยการปราบทุจริตฯ  ส่งหนังสือด่วนถึงเลขาฯ ป.ป.ช. ขอศาลออกหมายจับฉบับใหม่ ชี้ พรป.ป.ป.ช.61 ไม่ให้นับอายุความ สภาทนายความฯ  ข้องใจทำไม ป.ป.ช.ทำงานช้า

เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2566 นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 6 ก.ย.ที่ผ่านมา นายคำนึง วงษ์ทวีทรัพย์ อธิบดีอัยการ สำนักงานคดีปราบปรามการทุจริตภาค 2 ได้มีหนังสือด่วนที่สุด เรื่อง ขอให้ดำเนินการออกหมายจับใหม่ ถึงเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ความว่า สำนักงานคดีปราบปรามการทุจริตภาค 2   ได้มีหนังสือขอให้ดำเนินการยื่นคำร้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 2 เพื่อขอออกหมายจับ นายอิทธิพล คุณปลื้ม, นายพิเชษฐ อุทัยวัฒนานนท์,  นายวิทยา ศิรินทร์วรชัย, นายญัติพงค์ อินทรัตน์ และนายเอกพงษ์ บุญชาย ผู้ต้องหาที่ 1-4, 6

เนื่องจากผู้ต้องหาที่ 1, 2, 3, 4, 6 มีพฤติการณ์หลบหนี ไม่ไปรายงานตัวต่อพนักงานอัยการ สำนักงานคดีปราบปรามการทุจริตภาค 2 ในวันที่ 4 ก.ย. เวลา 10.00 น. และตามหนังสือที่อ้างถึง ท่านได้แจ้งผลการดำเนินการขอออกหมายจับผู้ถูกกล่าวหาดังกล่าวข้างต้นต่อพนักงานอัยการ สำนักงานคดีปราบปรามการทุจริตภาค 2

โดยแจ้งว่าศาลออกหมายจับผู้ต้องหาที่ 1, 2, 3 และมีคำสั่งยกคำร้องขอออกหมายจับผู้ต้องหาที่ 4, 6 นั้น

กรณีศาลออกหมายจับผู้ต้องหาที่ 1-3 นั้น พนักงานอัยการ สำนักงานคดีปราบปรามการทุจริตภาค 2 พิจารณาแล้วเห็นว่า ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 7 บัญญัติไว้ว่า "...ถ้าผู้ถูกกล่าวหาหรือจำเลยหลบหนีไปในระหว่างถูกดำเนินคดี หรือระหว่างการพิจารณาของศาล มิให้นับระยะเวลาที่ผู้ถูกกล่าวหาหรือจำเลยหลบหนีรวมเป็นส่วนหนึ่งของอายุความ..." ประกอบมาตรา 13 แห่ง พ

.ร.บ.วิธีพิจารณาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ศ.2559 และตามหนังสือที่อ้างถึง (1) พนักงานอัยการได้แจ้งให้ท่านดำเนินการขอออกหมายจับผู้ถูกกล่าวหา โดยขอให้ท่านขอให้ศาลระบุหมายเหตุไว้ในหมายจับด้วยว่าผู้ถูกกล่าวหาได้หลบหนีไปเมื่อวันที่เท่าใด ตามสำเนาตัวอย่างหมายจับที่พนักงานอัยการแนบไปพร้อมกับหนังสือที่อ้างถึง (1) แต่ปรากฏว่าตามสำเนาหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 2 ที่ จ. 23-25/2566, ลงวันที่ 5 ก.ย.2566 นั้น ศาลไม่ได้ระบุหมายเหตุดังกล่าวไว้แต่อย่างใด

ดังนั้น เพื่อมิให้เกิดความเสียหายแก่ราชการ พนักงานอัยการ สำนักงานคดีปราบปรามการทุจริตภาค 2 จึงขอให้ท่านดำเนินการขอออกหมายจับ นายอิทธิพล คุณปลื้ม, นายพิเชษฐ์ อุทัยวัฒนานนท์  และนายวิทยา ศิรินทร์วรชัย ผู้ต้องหาที่ 1-3 ต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 2 ใหม่อีกครั้งหนึ่ง โดยขอให้ท่านขอให้ศาลระบุหมายเหตุไว้ในหมายจับด้วยว่าผู้ถูกกล่าวหาได้หลบหนีไปเมื่อวันที่เท่าใด

สำหรับกรณีนายญัติพงค์ อินทรัตน์  และนายเอกพงษ์ บุญชาย ผู้ต้องหาที่ 5-6  ที่ศาลมีคำสั่งยกคำร้องขอออกหมายจับนั้น เนื่องจากคดีนี้จะครบกำหนดอายุความฟ้องร้องในวันที่ 8 ก.ย.66 ดังนั้น จึงขอให้ท่านมีหนังสือแจ้งนายญัติพงค์ อินทรัตน์ และนายเอกพงษ์ บุญชาย ผู้ถูกกล่าวหาที่ 4, 6 ให้มารายงานตัวต่อพนักงานอัยการ สำนักงานคดีปราบปรามการทุจริตภาค 2 โดยให้พนักงานไต่สวนผู้ประสานงาน (นายอภิรัฐ คงเจริญ) นำตัวผู้ถูกกล่าวหาที่ 4, 6 ไปส่ง และยืนยันตัวผู้ถูกกล่าวหาต่อพนักงานอัยการ สำนักงานคดีปราบปรามการทุจริตภาค 2 ในวันที่ 7 ก.ย.66 เวลา 10.00 น. เพื่อดำเนินการยื่นฟ้องผู้ถูกกล่าวหาที่ 4, 6 ต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 2 พร้อมทั้งให้ผู้ต้องหาที่ 4, 6 เตรียมหลักประกันเพื่อยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวในชั้นศาลด้วย

นายโกศลวัฒน์กล่าวต่อว่า เนื่องจากมีการถกเถียงกันเรื่องปัญหาอายุความ สะดุดหยุดลงหรือไม่หากมีการหลบหนี  เพราะคดีนี้เกิดก่อนกฎหมายปราบปรามการทุจริตแก้ไข อัยการจึงเห็นว่าอำนาจในการออกหมายจับเป็นของศาล จึงควรดำเนินการให้ชัดเจนเสนอให้ศาลเพื่อโปรดพิจารณา จะได้เป็นแนวทางให้ผู้ปฏิบัติทำหน้าที่กันได้อย่างถูกต้อง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับข้อหาในคดีนี้ นายอิทธิพล คุณปลื้ม อดีต รมว.วัฒนธรรม ถูก ป.ป.ช.ชี้มูลกระทำความผิดส่งอัยการฟ้อง เมื่อครั้งดำรงตำเเหน่ง นายกเมืองพัทยา ในความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 กรณีพิจารณาออกใบอนุญาตก่อสร้างอาคาร ลงวันที่ 10 กันยายน 2551 ให้แก่บริษัท บาลี ฮาย จำกัด เพื่อก่อสร้างอาคารโครงการวอเตอร์ฟร้อนท์ฯ บริเวณเชิงเขาพระตำหนัก เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย  ซึ่งคดีนี้ ป.ป.ช.ส่งเรื่องให้อัยการเมื่อวันที่ 3 ส.ค.66 เเละอัยการสูงสุดมีความเห็นสั่งฟ้องเมื่อวันที่ 30 ส.ค.66 ซึ่งคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาในชั้นอัยการไม่ถึง 1 เดือน

ต่อมาช่วงค่ำ ศาลอาญาคดีทุจริตฯภาค 2 ออกหมายจับนายอิทธิพล คุณปลื้ม, นายพิเชษฐ อุทัยวัฒนานนท์, นายวิทยา ศิรินทร์วรชัย, นายญัติพงค์ อินทรัตน์ และนายเอกพงษ์ บุญชาย ผู้ต้องหาที่ 1-4, 6 แล้ว

ด้านนายวีรศักดิ์ โชติวานิช รองโฆษกสภาทนายความฯ กล่าวว่า ข่าวการดำเนินคดีกับนายอิทธิพล อดีตรัฐมนตรีกับพวก ที่ไม่มารายงานตัวกับอัยการเพื่อฟ้องต่อศาล จนคดีจะขาดอายุความวันที่ 10 ก.ย. เป็นเรื่องฮือฮาที่มีการวิพากษ์ถึงการสอบสวนโดย ป.ป.ช. ว่าควรมีการปรับปรุงหรือไม่ ต้องย้อนไปดูว่าพนักงานสอบสวนคดีนี้คือ ป.ป.ช. ได้แจ้งข้อกล่าวหาว่าเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต  ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ซึ่งประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 95 (2)บัญญัติไว้ว่าถ้ามิได้ฟ้องและได้ตัวผู้กระทำความผิดมายังศาลภายใน 15 ปี  เป็นอันขาดอายุความ

เมื่อ ป.ป.ช.ยังไม่อาจนำตัวส่งทางอัยการ และอัยการยังไม่ได้ตัวมาฟ้องต่อศาล ก็ต้องพิจารณาถึงประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39 (6)สิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมระงับไป เมื่อคดีขาดอายุความ เมื่อสิทธิการดำเนินคดีอาญาระงับไปแล้ว อัยการจึงไม่อาจนำคดีมาฟ้องได้อีก คดีนี้จะเห็นได้ว่า ป.ป.ช. มีเวลาทำสำนวนและเอาตัวผู้ต้องหามาส่งอัยการนานถึง 15 ปี แต่ความเป็นจริงกลับเพิ่งส่งสำนวนให้อัยการไม่ถึงเดือนก่อนจะขาดอายุความ เพราะเหตุใดป.ป.ช.ถึงทำสำนวนล่าช้าขนาดนี้

ซึ่งตรงนี้ต้องไปดู พ.ร.บ.ป.ป.ช.เรื่องการสอบสวน จะเห็นว่ามีความแตกต่างกับ พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ หรือ พ.ร.บ.ดีเอสไอ ตรงที่ ป.ป.ช.สอบสวนได้เองโดยไม่ต้องมีอัยการเข้าร่วม แต่ดีเอสไอสอบสวนจะต้องมีอัยการเข้าร่วม ดังนั้นสำนวนของดีเอสไอจะไม่มีปัญหาเรื่องขาดอายุความ เพราะมีอัยการคอยกำกับอยู่ ถึงเวลาแล้วจะต้องกลับมาดูว่าควรแก้ไขปรับปรุงวิธีการสอบสวนของ ป.ป.ช.ให้เหมือนดีเอสไอ สังคมและผู้มีอำนาจต้องช่วยกันผลักดันเรื่องนี้ มิเช่นนั้นจะเกิดเหตุซ้ำซาก

"คดีนายอิทธิพลหนีจนขาดอายุความ ไม่ใช่คดีแรก แต่มีคดีพ่อ รมช.ศึกษาฯ เกิดขึ้นมาก่อน" นายวีรศักดิ์กล่าว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง